วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

เครื่องบินรบสหรัฐฯเริ่มโจมตีทางอากาศถล่มนักรบรัฐอิสลามในอิรัก

news1
เพนตากอนเผยเครื่องบินรบสหรัฐฯในวันศุกร์(8) โจมตีทางอากาศต่อปืนใหญ่ของพวกรัฐอิสลามที่ใช้โจมตีกองกำลังชาวเคิร์ดซึ่งปกป้องเมืองอาร์บิลของอิรัก ขณะที่ผู้บัญชาการกองทัพของแบกแดด เชื่อปฏิบัติการดังกล่าวจะช่วยทหารฝ่ายรัฐบาลยึดคืนพื้นที่ได้เป็นบริเวณกว้าง
พลเรือตรีจอห์น เคอร์บี โฆษกของเพนตากอนระบุในถ้อยแถลงว่าเครื่องบิน F/A-18 จำนวน 2 ลำ ทิ้งระเบิดนำร่องด้วยเลเซอร์ 500 ปอนด์ เข้าใส่ปืนใหญ่เคลื่อนที่กระบอกหนึ่งในเมืองอาร์บิล พร้อมบอกว่าพวกกบฏอิสลามิสต์ใช้ปืนใหญ่ดังกล่าวโจมตีใส่กองกำลังชาวเคิร์ดที่ปกป้องเมืองอาร์บิล เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ด “การโจมตีทางอากาศเป็นการตัดสินใจโดยผู้บัญชาการของกองบัญชาการกลางสหรัฐฯ ภายใต้การอนุมัติจากผู้บัญชาการทหารสูงสุด”
โฆษกรายนี้บอกต่อว่าเหตุโจมตีมีขึ้นตอนประมาณ 13.45 น.ตามเวลาท้องถิ่น(ตรงกับเมืองไทย 17.45น.) และเป็นปฏิบัติการของเครื่องบินรบที่ประจำการอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ เอช.อับเบิลยู. บุช หลังจากเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพนตากอนได้มีคำสั่งให้เรือลำดังกล่าวเข้าไปประจำการในอ่าวเปอร์เซีย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติการทางทหารใดๆในอิรัก
ปฏิบัติการโจมตีดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา อนุมัติการโจมตีทางอากาศในอิรักเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(7) เพื่อปกป้องพลเรือนชาวคริสต์และหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยยาซิดิส ที่หลายแสนคนต้องอพยพหลบหนีขึ้นไปบนเขา หลังจากถูกกลุ่มมุสลิมติดอาวุธรัฐอิสลาม(IS) จู่โจมเมือง และประกาศจะบังคับให้ชาวยาซิดิสเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และต้องจ่ายค่าปรับทางศาสนาด้วยชีวิต โดยคนเหล่านี้ต้องเลือกว่าจะต้องหลบหนีออกไปหรือจะต้องเผชิญหน้ากับความตาย
       พวกนักรบสุหนี่จากกลุ่มรัฐอิสลาม บุกจู่โจมแบบสายฟ้าแลบและยึดพื้นที่ทางภาคเหนือของอิรักเป็นบริเวณกว้างนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน และตอนนี้พวกเขารุกคืบเข้ามายังอาร์บิล ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจของรัฐบาลท้องถิ่นเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ด ที่กลายมาเป็นแหล่งพักพิงชั่วคราวของผู้อพยพจำนวนมากที่หลบหนีภัยสงครามมาจากพื้นที่อื่นๆของอิรัก
การโจมตีครั้งนี้ ถือเป็นการหวนคืนสู่ปฏิบัติการทางทหารในอิรักเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่งของสหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโอบามา สั่งถอนทหารทั้งหมดออกไปเมื่อเดือนธันวาคม 2011 สิ้นสุดสงครามอันยาวนานและนองเลือดที่สุดครั้งหนึ่งของวอชิงตัน ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 2003
ขณะที่ โอบามา ยืนกรานว่าสหรัฐฯจะไม่ส่งกองกำลังทางภาคพื้นเข้าไปยังอิรักอีกแล้ว ทว่านับตั้งแต่เดือนมิถุนายน เขาได้ส่งทหารราว 700 นายเข้าไปยังอิรัก เพื่อปกป้องบุคลากรทางการทูตและสถานทูตของอเมริกา รวมถึงประเมินความเข้มแข็งและจุดอ่อนของทหารอิรัก ซึ่งจำนวนมากหวาดกลัวต่อการรุกคืบของพวกรัฐอิสลามจนพากันหนีทัพ
ด้านเสนาธิการทหารอิรักคาดหมายว่ากองกำลังรัฐบาลกลางและกองกำลังชาวเคิร์ด จะสามารถยึดคืนดินแดนเป็นบริเวณกว้าง หลังได้ปฏิบัติการทางอากาศของสหรัฐฯโจมตีที่มั่นต่างๆของพวกนักรบในวันศุกร์(8)
“จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางภาคพื้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า” พลโทบาบาเกอร์ เซบารี บอกกับเอเอฟพี “กำลังทางอากาศของสหรับฯเล็งเป้าหมายฐานที่มั่นต่างๆของพวกรัฐอิสลามในมัคช์มูและพื้นที่ซินจาร์” เขากล่าว “ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศนี้ยังจะเดินหน้าต่อไปในเมืองต่างๆที่ควบคุมโดยพวกรัฐอิสลามด้วย” เขากล่าว โดยไม่ได้เจาะจงว่าเป็นสถานที่แห่งใด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น