picture from http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Logo_of_the_Royal_Navy.jpg
กระทรวงกลาโหมอังกฤษส่งเรือราชนาวีไปรับพลเมืองออกจากลิเบียวานนี้(3) ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่ทำให้ประชาชนหลายพันคนต้องละทิ้งบ้านเรือน
ไมเคิล อารอน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำลิเบีย ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า เรือ เอชเอ็มเอส เอ็นเตอร์ไพรซ์ ซึ่งประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกส่งเข้าไปรับพลเมือง 110 คนออกจากกรุงตริโปลี โดยส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ
“ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งถูกส่งขึ้นเรือเล็กเพื่อไปยังเรือเอ็นเตอร์ไพรซ์ และได้รับเสบียงสำหรับการเดินทาง” กระทรวงกลาโหมแดนผู้ดี ระบุในถ้อยแถลง
เรือลาดตระเวนความยาว 91 เมตรซึ่งถูกออกแบบให้สามารถปฏิบัติภารกิจสะเทินน้ำสะเทินบกได้ด้วยนี้ คาดว่าจะเดินทางถึงมอลตาภายในวันนี้(4)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ระบุว่า อาจจำเป็นต้องสั่งปิดสถานทูตในลิเบียชั่วคราว
ก่อนหน้านี้ กองทัพเรืออังกฤษเคยรับหน้าที่อพยพชาวต่างชาติออกจากลิเบียมาแล้ว เมื่อครั้งที่เกิดการลุกฮือโค่นล้มรัฐบาลพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2011
เอกอัครราชทูต อารอน เผยว่า เขาตัดสินใจอพยพ “ด้วยความลังเล” หลังจากเหตุปะทะในเมืองหลวงของลิเบียส่อเค้ารุนแรง
“การสู้รบในกรุงตริโปลีรุนแรงขึ้นวันนี้ คลังน้ำมันถูกโจมตีอีก มีการต่อสู้ในเขตชุมชน ชาวบ้านตาดำๆ เดือดร้อนกันมาก กลุ่มติดอาวุธกำลังทำลายเมือง” อารอน เผยผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของเขาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(2)
ปัจจุบันมีพลเมืองอังกฤษพำนักอยู่ในลิเบียระหว่าง 100-300 คน ขณะที่พนักงานสถานกงสุลส่วนใหญ่ถูกอพยพออกมาตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว (28)
ลิเบียยังเผชิญความระส่ำระสายในบ้านเมืองเรื่อยมานับตั้งแต่ กัดดาฟี ถูกโค่น เนื่องจากรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ากลุ่มติดอาวุธใดบ้างที่เคยช่วยล้มล้างอดีตผู้นำเผด็จการ ขณะที่พวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงก็ขยายอิทธิพลจนเป็นภัยคุกคาม
การสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธคู่อริส่งผลให้สนามบินนานาชาติตริโปลีต้องปิดทำการ ขณะที่หน่วยรบพิเศษของลิเบียก็กำลังปราบปรามกลุ่มอิสลามิสต์ในเมืองเบงกาซี ทางภาคตะวันออกของประเทศ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายประเทศได้ประกาศเตือนพลเมืองให้เดินทางออกจากลิเบียทันที และในบางกรณีก็มีการส่งพาหนะเข้าไปช่วยอพยพคนของตนออกมาด้วย
ไมเคิล อารอน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำลิเบีย ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่า เรือ เอชเอ็มเอส เอ็นเตอร์ไพรซ์ ซึ่งประจำการอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ถูกส่งเข้าไปรับพลเมือง 110 คนออกจากกรุงตริโปลี โดยส่วนใหญ่เป็นชาวอังกฤษ
“ผู้โดยสารจำนวนหนึ่งถูกส่งขึ้นเรือเล็กเพื่อไปยังเรือเอ็นเตอร์ไพรซ์ และได้รับเสบียงสำหรับการเดินทาง” กระทรวงกลาโหมแดนผู้ดี ระบุในถ้อยแถลง
เรือลาดตระเวนความยาว 91 เมตรซึ่งถูกออกแบบให้สามารถปฏิบัติภารกิจสะเทินน้ำสะเทินบกได้ด้วยนี้ คาดว่าจะเดินทางถึงมอลตาภายในวันนี้(4)
ด้านกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ ระบุว่า อาจจำเป็นต้องสั่งปิดสถานทูตในลิเบียชั่วคราว
ก่อนหน้านี้ กองทัพเรืออังกฤษเคยรับหน้าที่อพยพชาวต่างชาติออกจากลิเบียมาแล้ว เมื่อครั้งที่เกิดการลุกฮือโค่นล้มรัฐบาลพันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี เมื่อปี 2011
เอกอัครราชทูต อารอน เผยว่า เขาตัดสินใจอพยพ “ด้วยความลังเล” หลังจากเหตุปะทะในเมืองหลวงของลิเบียส่อเค้ารุนแรง
“การสู้รบในกรุงตริโปลีรุนแรงขึ้นวันนี้ คลังน้ำมันถูกโจมตีอีก มีการต่อสู้ในเขตชุมชน ชาวบ้านตาดำๆ เดือดร้อนกันมาก กลุ่มติดอาวุธกำลังทำลายเมือง” อารอน เผยผ่านบัญชีทวิตเตอร์ของเขาเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา(2)
ปัจจุบันมีพลเมืองอังกฤษพำนักอยู่ในลิเบียระหว่าง 100-300 คน ขณะที่พนักงานสถานกงสุลส่วนใหญ่ถูกอพยพออกมาตั้งแต่วันจันทร์ที่แล้ว (28)
ลิเบียยังเผชิญความระส่ำระสายในบ้านเมืองเรื่อยมานับตั้งแต่ กัดดาฟี ถูกโค่น เนื่องจากรัฐบาลที่ตั้งขึ้นใหม่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ากลุ่มติดอาวุธใดบ้างที่เคยช่วยล้มล้างอดีตผู้นำเผด็จการ ขณะที่พวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงก็ขยายอิทธิพลจนเป็นภัยคุกคาม
การสู้รบระหว่างกลุ่มติดอาวุธคู่อริส่งผลให้สนามบินนานาชาติตริโปลีต้องปิดทำการ ขณะที่หน่วยรบพิเศษของลิเบียก็กำลังปราบปรามกลุ่มอิสลามิสต์ในเมืองเบงกาซี ทางภาคตะวันออกของประเทศ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายประเทศได้ประกาศเตือนพลเมืองให้เดินทางออกจากลิเบียทันที และในบางกรณีก็มีการส่งพาหนะเข้าไปช่วยอพยพคนของตนออกมาด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น