ประธานาธิบดีกูดลัค โจนาธาน ของไนจีเรีย ประกาศภาวะฉุกเฉินในวันศุกร์(8) ต่อการแพร่ระบาดของอีโบลาในชาติที่มีประชากรมากที่สุดของทวีปแอฟริกา หลังจากพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสมรณะชนิดนี้แล้ว 2 ราย พร้อมอนุมัติงบฉุกเฉิน 11.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจัดการกับภัยคุกคามทางสาธารณสุขครั้งใหญ่หลวงนี้
ไนจีเรียพบผู้ติดเชื้ออีโบลาในกรุงลากอส 7 ราย นับตั้งแต่ชายคนหนึ่งซึ่งเดินทางมาจากไลบีเรียล้มป่วย โดย 2 คนในนั้นเสียชีวิตแล้ว ขณะที่ประชาชนอีกหลายสิบคนที่มีการสัมผัสกับชายคนดังกล่าวกำลังอยู่ภายใต้การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
โฆษกของประธานาธิบดีเปิดเผยว่าเงินจะถูกนำไปใช้จ่ายเพิ่มความเข้มแข็งแก่มาตรการต่างๆที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของอีโบลา อาทิจัดตั้งศูนย์กักกันโรคเพิ่มเติม ควบคุมดูแลผู้ติดเชื้อ ติดตามกลุ่มคนที่สัมผัสกับผู้ป่วย เสริมกำลังบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มจุดตรวจร่างกายตามแนวชายแดน รวมถึงจัดหาสิ่งของจำเป็นและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นไม่นาน หลังจาก องค์การอนามัยโลกในวันศุกร์(8) ประกาศให้ไวรัสมรณะอีโบลา ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในหลายพื้นที่ของแอฟริกาตะวันตกเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ พร้อมเตือนว่าเชื้อโรคที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 1,000 ศพ อาจจะยังแพร่ระบาดต่อไปอีกหลายเดือน
ด้วยแนวโน้มความเป็นไปได้ที่อีโบลาอาจจะแพร่ระบาดในลากอส เมืองที่มีประชากร 21 ล้านคน ประธานาบดีโจนาธานเตือนว่าการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับอีโบลา อาจนำมาซึ่งความตื่นตระหนก ขณะที่การชี้นำที่ไม่ถูกต้อง อาทิคำแนะนำต่างๆที่ไม่ผ่านการตรวจสอบเกี่ยวกับการป้องกัน รักษาและการแพร่ระบาดของไวรัส ก็รังแต่จะซ้ำเติมสถานการณ์
ประธานาธิบดีรายนี้ยังเรียกร้องเหล่าผู้นำทางศาสนาหลีกเลี่ยงจัดการชุมนุมที่มีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก เนื่องจากเกรงว่ามันอาจเป็นชนวนให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสได้ อ้างถึงมหาโบสถ์ต่างๆที่สามารถดึงดูดเพื่อศรัทธาหลายหมื่นคนทั่วภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเข้าร่วมประกอบพิธีทางศาสนา
นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องโรงเรียนต่างๆขยายเวลาวันหยุดฤดูร้อน และวิงวอนชาวบ้านหยุดเคลื่อนย้ายศพจากชุมชนหนึ่งไปยังชุมชนอื่น หรือจากต่างแดนเข้ามาในประเทศโดยทันทีทันใด “ผู้เสียชีวิตจากอาการป่วยทุกคนต้องรายงานต่อทางการ” ประธานาธิบดีกล่าว พร้อมเผยว่าจะคงประกาศภาวะฉุกเฉินไปจนกว่าจะจำกัดการแพร่ระบาดได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น