วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

นายกฯอิรักยอมรับ ต้องใช้เวลาฟื้นฟูกองทัพอีกอย่างน้อย 3 ปี พร้อมชี้กลุ่มไอเอสน่ากลัวยิ่งกว่าอัลกออิดะห์

นายกรัฐมนตรีไฮเดอร์ อัล-อบาดีแห่งอิรักเผย อิรักอาจต้องการเวลาอีกอย่างน้อย 3 ปี ในการฟื้นฟูและปรับโครงสร้างของกองทัพของตน พร้อมระบุ การต่อสู้กับกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ถือเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดทางด้านความมั่นคงของประเทศนับตั้งแต่การ ล่มสลายของระบอบการปกครองของซัดดัม ฮุสเซนเมื่อปี 2003

นายกรัฐมนตรีอิรักเผยเรื่องดังกล่าวต่อผู้สื่อข่าวในระหว่างเดินทาง เยือนกรุงไคโรของอียิปต์ โดยยอมรับเพิ่มเติมด้วยว่าอิรักมีความจำเป็นต้องสร้างกองทัพที่มีแสนยานุภาพ มากกว่าที่เป็นอยู่ หากต้องการประสบความสำเร็จในการกวาดล้างกลุ่มไอเอสที่ถือเป็นอันตรายต่อความ มั่นคงของอิรัก ยิ่งกว่าเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์

อย่างไรก็ดี อัล-อบาดี ซึ่งสำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์จากสหราชอาณาจักรยอมรับว่า อุปสรรคสำคัญที่กองทัพอิรักต้องเผชิญคือการสร้างความสมดุลระหว่างการฟื้นฟู และปรับโครงสร้างของกองทัพของตนซึ่งต้องทำควบคู่ไปกับการทำศึกกับกลุ่มไอเอส ไปด้วย

“เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า การฟื้นฟูและปรับโครงสร้างของกองทัพอิรักจะไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อการสู้รบกับ พวกไอเอส” อัล-อบาดีกล่าว

ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคือต้นตอสำคัญที่ทำให้กองทัพอิรักเกือบต้องล่มสลาย ทั้งที่กองทัพอิรักได้รับความช่วยเหลือมหาศาลจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์จาก รัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงความช่วยเหลือทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่กองทัพอิรักกลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการสร้างเสถียรภาพให้กับดินแดนของ ตน

ทั้งนี้ การที่กลุ่มไอเอสซึ่งมีเป้าประสงค์ในการสร้างรัฐอิสลามสุดโต่งขึ้นในภูมิภาค ตะวันออกกลาง สามารถรุกคืบเข้ายึดครองพื้นที่จำนวนมากโดยเฉพาะทางตอนเหนือของอิรักได้ อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว โดยแทบไม่ถูกต่อต้านจากกองทัพอิรัก ถูกระบุว่า เป็นสัญญาณเตือนด้านความมั่นคงที่สร้างความกังวลอย่างยิ่งยวดให้กับบรรดา พันธมิตรของอิรักทั้งในโลกตะวันตกและโลกอาหรับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น