เพิ่งวันนี้สด
ๆ ร้อน ๆ เลยที่ผู้เขียนได้รับวิดีโอคลิปจากคนรู้จักในไลน์ที่บันทึกภาพเด็กเล็ก ๆ
หลายคนเล่นอยู่ในบ้าน ในครัวหรือลานบ้าน บางรายนั่งละเลงครีมจนเลอะเทอะไปทั้งตัวจากหัวจรดเท้า
ลามไปถึงที่นอน ผ้าห่ม ฯลฯ บางรายเล่นผงขาว ๆ
ที่ไม่แน่ใจว่าเป็นนมผงหรือแป้งอะไรสักอย่าง
ทำให้ไม่เพียงแต่หน้าตาหัวหูเปรอะเปื้อนไปด้วยแป้ง
แต่อาณาบริเวณครัวก็ขาวไปหมดเช่นกัน
เข้าใจว่าเหตุเกิดที่ประเทศจีน เพราะมีตัวอักษรภาษาจีนกำกับ การถ่ายคลิปและนำมาเผยแพร่มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความขบขันหรือแสดงให้เห็นความไร้เดียงสาของเด็ก
ๆ หรืออย่างไรก็ไม่รู้ได้
แต่ผู้เขียนนั้นบอกได้เลยว่านอกจากไม่ขำแล้ว ยังเกิดอาการใจไม่ค่อยดีกลัวเด็ก
ๆ จะเป็นอะไรไปอีกต่างหาก
คนที่เคยเลี้ยงลูกมาแล้วคงรู้ว่าเด็กเล็ก
ๆ นั้นไม่ควรปล่อยให้คลาดสายตาเป็นอันขาด แม้แต่ชั่วเวลาที่คิดว่า “แค่”
ไม่กี่นาทีก็ตาม ตามการสอบถามของสมาคมเศรษฐกิจการประกันเยอรมัน (GDV) ยืนยันว่าเด็กทุก ๑ ใน ๓
คนเคยประสบอุบัติเหตุมาแล้ว ราว ๖๐%
ในจำนวนนี้เกิดขึ้นที่บ้าน ที่ประสบเหตุบ่อยที่สุดคือเด็กจนถึงวัย
๕ ปี ตามสถิติของปี
๒๐๑๗ ยังแสดงว่าทุก ๆ วันเด็กวัยต่ำกว่า ๑๕ ปีเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากอาการบาดเจ็บ หรือคิดเป็นราว ๒๐๒,๐๐๐
คนต่อปี นอกจากนั้น
อุบัติเหตุที่เกิดกับเด็กยังเป็นสาเหตุการเสียชีวิตสำหรับเด็กวัยตั้งแต่ ๑
ขวบขึ้นไปที่พบบ่อยที่สุดในประเทศเยอรมันและยุโรป
จนถึงวัยราว
๔ ปีอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นในเขตบ้านเป็นส่วนใหญ่
โดยเกิดขึ้นจากกิจกรรมปกติที่เด็กพยายามเรียนรู้สิ่งแวดล้อมรอบตัว
ในสองปีแรกเกิดจากความอยากเคลื่อนไหวและความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติที่นำไปสู่อุบัติเหตุในครัวเรือน
เช่น โดนสารพิษ โดนน้ำกรด ของร้อนลวกและหกล้ม ต่อมาในวัยราว ๔-๕
ปีซึ่งเป็นวัยก่อนเข้าโรงเรียน จะมีกิจกรรมของเด็กจะขยายตัวออกไป
อุบัติเหตุก็จะย้ายจากภายในเขตบ้านไปยังสถานที่ที่ประกอบกิจกรรมสันทนาการและกีฬา
อุบัติเหตุจะเป็นการหกล้ม วิ่งชนกัน
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ความรีบร้อน สภาพพื้นที่ไม่ดี เช่น
ความเปียกแฉะ รองเท้าผิดประเภท ทำให้เด็กสะดุดหรือลื่นล้ม อุบัติเหตุจำนวนมากในวัยนี้ยังเป็นเพราะความไม่รู้
ความอวดเก่งของเด็กหรือการประเมินตัวเองสูงไป
แต่ก็ยังมีเรื่องของการเกินกำลังหรือการขาดการเฝ้าระวังของผู้ใหญ่ด้วย
ในวัยเข้าโรงเรียนหลังอุบัติเหตุจากกิจกรรมสันทนาการและกีฬาจะตามมาด้วยอุบัติเหตุการจราจรเป็นอันดับสอง
อุบัติเหตุในวัยเด็กที่พบบ่อยที่สุด
ได้แก่ หกล้ม หายใจไม่ออก โดนพิษหรือโดนกรด จมน้ำ อุบัติเหตุจราจร ความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบางประเภทจะหมดความสำคัญไปเมื่อวัยเพิ่มมากขึ้น แต่กลับมีอันตรายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมา
สมรรถนะใหม่ ๆ ของร่างกายจะผูกพันกับความต้องการและความสนใจที่เปลี่ยนไปเสมอ
เช่นเดียวกับประเภทของอุบัติเหตุที่เปลี่ยนแปลงไปโดยขึ้นกับวัยและพัฒนาการของเด็ก
ซึ่งสามารถจำแนกให้ดูได้ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้
วัย ๐-๖ เดือน อุบัติเหตุการตกหล่น
โดยเฉพาะจากโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม อุบัติเหตุเคลื่อนย้ายตัวเด็กและการหายใจไม่ออก
วัย ๗ เดือน-ราว ๔ ปี กลืนวัตถุต่าง ๆ โดนสารพิษ-กรด (จากน้ำยาทำความสะอาด
น้ำมันหอมระเหย ยา ต้นไม้มีพิษ) โดนลวก-ไหม้ (จากเตาและหม้อที่ร้อน ๆ ) ตกบันได
หกล้ม อุบัติเหตุไฟฟ้า (จากปลั๊กไฟ) จมน้ำ (ในบ่อที่อยู่ในสวน ถังน้ำฝน)
วัยราว ๕ ปี
อุบัติเหตุจากกีฬาและสันทนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหกล้ม การวิ่งชนกัน
อุบัติเหตุจราจร
เพื่อความปลอดภัยของเด็ก
ๆ ก็มีข้อแนะนำว่า
-
ไม่ปล่อยเด็กทารกไว้ตามลำพังบนโต๊ะเปลี่ยนผ้าอ้อม
-
ใช้รั้วกั้นบันได
-
บันไดหินหรือไม้ควรปูด้วยวัสดุกันลื่น
-
ป้องกันหน้าต่างและประตูระเบียงด้วยตัวกั้น
-
ในการทำอาหารให้ใช้เตาแถวหลัง หันด้ามกระทะไปด้านหลัง
-
กั้นเตาทำอาหารและปุ่มเปิดปิดด้วยรั้วกั้น
-
ให้ดึงปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวออกทุกครั้งหลังการใช้งาน
-
ปิดฝาตู้ซักผ้าและเครื่องล้างจานทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เด็กเล็กปีนเข้าไปได้
-
เก็บน้ำยาทำความสะอาดและยาไว้ให้พ้นมือเด็ก
-
ตรวจหาต้นไม้ที่เป็นพิษในกระถางต้นไม้และในสวน
-
ระมัดระวังซื้อของเล่นที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับวัย
เพื่อไม่ให้เด็กเล็กสามารถกลืนลงไปได้หรือทำให้ติดคอหายใจไม่ออก
-
ไม่ปล่อยเด็กเล็กให้อาบน้ำในอ่างตามลำพังโดยไม่เฝ้าดู
ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำที่อาบ
นอกจากนั้น
ยังมีคำแนะนำให้จดหมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ ๆ ไว้ใกล้มือ ได้แก่
บริการให้ความช่วยเหลือ ศูนย์แจ้งเหตุฉุกเฉินด้านพิษ กุมารแพทย์
บริการกุมารแพทย์ฉุกเฉิน ฯลฯ
ผู้ที่ส่งคลิปวิดีโอดังกล่าวมาให้ดูนั้นได้ออกความเห็นไว้ด้วยว่าโชคดีจริงที่เธอไม่มีหลานให้ต้องดูแล
แต่ผู้เขียนกลับคิดในทางกลับกันว่าถ้ามีหลานให้ดูเมื่อไร เราไม่มีทางปล่อยให้หลานอยู่ลำพังจนสามารถหยิบนู่นนี่มาเล่นได้
เพราะวันร้ายคืนร้ายนั้นกลายเป็นของมีพิษภัยขึ้นมาเมื่อใด
ผู้ที่จะเสียใจหนักก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นเรานั่นเอง
ข้อมูล
ศูนย์ชี้แจงด้านสาธารณสุขแห่งชาติ (BZgA) และรีดเดอร์ไดเจสต์ ฉบับประจำเดือนมีนาคม ๒๐๑๓
เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น