หายหน้าหายตาไปนาน
พอโผล่มาก็ทำให้งงซะอีก
ผู้อ่านหลายท่านคงสงสัยว่าจ่าหัวอย่างนี้ตั้งใจจะสื่อถึงอะไร ฟันที่เป็นคำกิริยา
หมายถึง เอาของมีคมเช่นดาบฟาดลงไป หรือที่เป็นคำนาม หมายถึง กระดูกเป็นซี่ๆ
อยู่ในปากสำหรับกัด ฉีกเคี้ยวอาหาร ฯลฯ (ความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน)
แล้วมันเกี่ยวกับภูมิปัญญาตรงไหน ทายกันถูกหรือเปล่าเอ่ย อะ เฉลยก็ได้ ที่จะพูดถึงวันนี้คือฟันกรามในปากของคนเรานี่แหละ
ซึ่งในภาษาเยอรมันเรียกว่า “Weisheitszahn“
แปลตรงๆ ตัวได้ว่า “ฟันภูมิปัญญา” เล่นเอาฟังดูภูมิฐาน
เหมือนฟันวิชาการอย่างไรพิกล
เคยมีคนช่างสงสัยถามคุณหมอฟันว่าชื่อแปลกๆ
นี้ได้แต่ใดมา
คุณหมอก็เฉลยให้ฟังว่าปกติฟันกรามเหล่านี้โดยทั่วไปจะงอกออกมาในวัยผู้ใหญ่ ในหลายวัฒนธรรมวัยของคนเราจะเทียบเท่ากับปัญญาความรอบรู้
นัยว่ายิ่งแก่ตัวขึ้นก็จะฉลาดรู้รอบขึ้น
คนไข้ช่างสงสัยก็ยังไม่หายอยากรู้ว่าฟันภูมิปัญญานี่มันมีจำนวนเท่าใดกันแน่ ทำไมบางคนมีสองซี่
บางคนสี่ซี่และบางคนก็ไม่มีเลย คุณหมอผู้มีความอดทนก็อรรถาธิบายต่ออย่างใจเย็นว่าตามปกติคนเราจะมีฟันกรามสี่ซี่ แต่ละซี่จะอยู่ตรงปลายสุดของแถวฟันแต่ละแถว บางคนก็อาจจะขาดไปหนึ่งหรือหลายซี่ ซึ่งก็เป็นแต่กำเนิดและบ่อย ๆ ที่เป็นพันธุกรรม คำศัพท์วิชาการเรียกว่า “Hypodontie”
ซึ่งก็เป็นไปได้อีกเช่นกันว่าพันธุกรรมทำให้มีฟันมากขึ้นกว่าปกติ ตรงนี้ทันตแพทย์จะเรียกว่า “Hyperdontie” นอกจากนั้น ๒๐-๒๓% ของประชากรไม่มีฟันภูมิปัญญา
คำถามต่อมาคือควรหรือไม่ควรถอนกันแน่ อันนี้ผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็น
ส่วนลูกสาวอยากจะถอน เอาละสิ
งั้นก็ต้องหากรรมการมาช่วยตัดสิน
ในกรณีจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากทันตแพทย์นั่นเอง คุณหมอซึ่งน่าจะเจอกับคำถามนี้บ่อยมากๆ
ก็ยังอุตส่าห์อดทนอธิบายให้ฟังว่าหากมันงอกออกมาปกติและไม่มีปัญหาอะไรโดยทั่วไปก็ไม่ต้องถอนออก
แต่เนื่องจากมันอยู่ข้างหลังไกลมากและสภาพพื้นที่ที่แย่บางครั้งก็ทำให้ไม่สามารถดูแลได้ดีเพียงพอ จึงทำให้ฟันเหล่านี้เกิดอาการผุได้ง่าย ซึ่งหากไปมีผลกระทบกับประสาทฟันก็ต้องถอนฟันซี่นั้นๆ
ออก
เช่นเดียวกับหากมีพื้นที่ให้ฟันงอกไม่เพียงพอและอาจไปทำให้ฟันในบริเวณใกล้เคียงมีปัญหาหรือหากฟันภูมิปัญญาของเรานอนเอียงเค้เก้อยู่
ทำให้งอกออกมาอย่างธรรมดาโดยไม่มีปัญหาไม่ได้
ในกรณีนี้ส่วนใหญ่มักจะยังอยู่ในกราม
จึงต้องทำการผ่าตัดเล็กเพื่อเอาออก
คุณหมออธิบายต่อไปอีกว่าก็เหมือนกับการถอนฟันซี่อื่นๆ
ที่หลังการผ่าสามารถมีเลือดออก แผลติดเชื้อหรือมีปัญหาการรักษาแผล
ระหว่างการผ่าตัดก็อาจเป็นไปได้ว่ามีการทำลายโครงสร้างที่แวดล้อมอยู่หรือฟันที่อยู่ข้างๆ
ในฟันภูมิปัญญาของฟันแถวล่างในบางกรณีที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยเส้นประสาทฟันแถวล่างอาจได้รับบาดแผลได้
ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกชาด้านในบริเวณนี้ คุณหมอจึงให้คำแนะนำว่าเพื่อลดความเสี่ยงนี้ควรทำเอ็กซเรย์แบบสามมิติก่อนการถอน
เอาๆ งั้นจะรออะไร นัดตรวจเลยสิจ๊ะ
ซึ่งหลังการตรวจและปรึกษาหารือกันแล้ว คุณหมอแนะนำให้ (อดีต) สาวน้อยของผู้เขียนนัดผ่าออกสองซี่บนล่างของซีกซ้าย
เพื่อจะใช้ข้างขวาเคี้ยวอาหาร พอแผลหายแล้วค่อยไปผ่าอีกสองซี่ที่เหลือของซีกขวา
เอ้า นี่ไปเอามาจากไหนเยอะแยะ เพราะในกรณีของผู้เขียนเองนั้นน่าจะเป็นจำพวก “Hypodontie” เสียมากกว่า
หลังการผ่าก็ไม่ต้องพูดถึงแก้มตุ่ยเหมือนคนเป็นคางทูมกันเลยทีเดียว แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาแทรกซ้อนอะไร นอกจากกินอาหารลำบาก
กินได้แต่ของเหลวที่ไม่ต้องเคี้ยว การผ่าตัดครั้งที่สองก็เป็นไปด้วยดี
ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้วจ้า จบข่าว
เรียบเรียงโดย
“เอื้อยอ้าย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น