วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557

WHO เตือนวิกฤต'อีโบลา'กำลังเกินควบคุมลุกลามสู่ชาติอื่น ก่อหายนะทางชีวิตและเศรษฐกิจ


       
      
       เอเอฟพี - องค์การอนามัยโลกเมื่อวันศุกร์(1ส.ค.) เตือนเหล่าชาติแอฟริกาตะวันตกที่กำลังเผชิญกับวิกฤตอีโลบา ว่าการแพร่ระบาดกำลังเกินควบคุม และอาจลุกลามสู่ประเทศอื่นๆ จนก่อความสูญเสียแก่ชีวิตครั้งหายนะและสร้างความยุ่งเหยิงแก่ระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เร่งเร้าเพิ่มความพยายามจำกัดการแพร่ระบาดให้มากกว่านี้
      
       นางมาร์กาเร็ต ชาน ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก บอกกับผู้นำของกินี เซียร์ราลีโอนและไลบีเรีย ณ ที่ประชุมซัมมิทระดับภูมิภาค ว่ามาตรการตอบสนองต่อโรคระบาดมรณะนี้ยังไม่เพียงพอ "การแพร่ระบาดลุกลามเร็วกว่าความพยายามควบคุมมันของเรา"
      
       เหล่าผู้นำรวมตัวกันในกรุงโกนากรี เมืองหลวงของกินี เพื่อรวบรวมคณะบุคลากรทางการแพทย์พิเศษหลายร้อยคน ส่วนหนึ่งในแผนตอบสนองฉุกเฉินที่ใช้งบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับจัดการกับโรคติดต่อนี้ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 700 ศพ
      
       ในแผนดังกล่าวยังรวมไปถึงการเพิ่มความพยายามป้องกันและตรวจหากรณีต้องสงสัยติดเชื้อ เฝ้าระวังตรวจตราตามแนวชายแดนให้เข้มข้นขึ้น และเสริมความเข้มแข็งแก่ศูนย์ประสานงานการแพร่ระบาดระดับอนุภูมิภาคขององค์การอนามัยโลก ซึ่งตั้งอยู่ในกินี

       "ถ้าสถานการณ์ยังคงเสื่อมทรามลง ผลลัพธ์อาจกลายเป็นหายนะไม่ใช่แค่ในแง่ของการสูญเสียชีวิต แต่มันจะก่อความยุ่งเหยิงแก่สังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงมีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่ระบาดสู่ประเทศอื่นๆ" ชานกล่าว พร้อมให้จำกัดความว่ามันคือการแพร่ระบาดครั้งใหญ่หลวงที่สุดของอีโบลา ในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ
      
       "มันเกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆที่มีความเคลื่อนไหวหลั่งไหลของพลเมืองในจุดช่องโหว่ตามแนวชายแดน ขณะเดียวกันมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันมีความสามารถแผ่ลามผ่านการสัญจรทางอากาศ ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราพบเห็นจากการแพร่ระบาดในอดีต" เธอบอกกับที่ประชุม "มีหลายกรณีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ห่างไกลซึ่งยากต่อการเข้าถึง แต่ก็พบผู้ติดเชื้อในเมืองหลวงที่มีพลเรือนอาศัยอยู่หนาแน่นเช่นกัน และการประชุมนี้ควรเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับแนวทางตอบสนองต่อโรคระบาดนี้"
      
       การประชุมนี้มีขึ้นหลังจากสายการบินเอมิเรตส์ของดูไบ กลายเป็นสายการบินระดับโลกแห่งแรกที่แถลงระงับเที่ยวบินสู่พื้นที่อ่อนไหว ขณะที่สหรัฐฯ เยอรมนีและฝรั่งเศส ออกคำเตือนด้านการเดินทางเยือนทั้ง 3 ชาติแอฟริกาแล้ว ส่วนไนจีเรีย ก็ได้กักตัวประชาชน 2 คน ที่มีการสัมผัสเบื้องต้นกับชายคนหนึ่งที่เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลา ในลากอสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
      
       องค์การอนามัยโลกเผยว่าพบผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมอีก 57 รายและจนถึงวันพฤหัสบดี(31ก.ค.) ยอดเหยื่ออีโบลาอยู่ที่ 729 ศพ ขณะที่ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา จนถึงวันพฤหัสบดีนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งหมด 122 คน ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสมรณะเเพิ่มขึ้นกว่า 1,300 คนแล้ว "จำนวนของเจ้าหน้าที่ตอบสนองการแพร่ระบาดของประเทศที่ได้รับผลกระทบและนานาชาติ ขาดแคลนอย่างมาก" ชานกล่าว พร้อมเผยว่าในยอดผู้เสียชีวิตนั้น มีถึง 60 คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่ให้การรักษาคนไข้ที่ติดเชื้อ

       เออร์เนสต์ ไบ โคโรมา ผู้นำของเซียร์ราลีโอน ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตั้งศูนย์กักกันในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอีโบลาและสั่งยกเลิกกำหนดการเดินทางเยือนต่างประเทศของเหล่าคณะรัฐมนตรี ส่วนไลบีเรีย ปิดโรงเรียนทุกแห่ง และเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่มีตำแหน่งไม่สำคัญจะถูกส่งกลับบ้าน
      
       เอลเลน จอห์นสัน เซอร์ลีฟ ประธานาธิบดีไลบีเรียเตือนก่อนเข้าร่วมประชุมว่าวิกฤตนี้ขยับเข้าใกล้หายนะและร้องขอความช่วยเหลือด้านเจ้าหน้าที่แพทย์และเสบียงต่างๆเพิ่มเติม
      
       จนถึงตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนรักษาอีโบลา ด้วยผู้ติดเชื้อจะมีอาการเป็นไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย อาเจียน ท้องร่วง และในบางกรณีอาจทำให้อวัยวะล้มเหลว เลือดไหลไม่หยุด
      
       นับตั้งแต่มันถูกพบครั้งแรกในปี 1976 ไวรัสมรณะชนิดนี้คร่าผู้ติดเชื้อราว 2 ใน 3 แต่อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อที่มีการลงทะเบียนอย่างเป็นทางการในการแพร่ระบาด 2 ระลอกหลังสุดอยู่ที่ร้อยละ 90 อย่างไรก็ตามอัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อของการแพร่ระบาดหนนี้ ยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 55
      
       ด้วยความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆว่ามันอาจลุกลามไปยังประเทศอื่นๆผ่านการสัญจรทางอากาศ ทำให้หลายชาติในยุโรปและเอชีย รวมถึงประเทศในแอฟริกาที่อยู่นอกโซนวิกฤตอีโบลา ต้องเพิ่มการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น