เอเจนซีส์ – ฝรั่งเศสประกาศในวันจันทร์ (12 ม.ค.) ว่าจะเริ่มใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยซึ่งไม่เคยกระทำมาก่อนเลย ได้แก่การส่งทหารและตำรวจจำนวนกว่าหมื่นคนออกดูแลและเฝ้าระวังจุด “อ่อนไหว” ต่างๆ เป็นต้นว่าโรงเรียนของชาวยิว ความเคลื่อนไหวคราวนี้มีขึ้น 1 วัน หลังจากประชาชนทั่วแดนน้ำหอมเฉียด 4 ล้านคนร่วมเดินขบวนรวมใจครั้งประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ (11) ขณะที่สื่ออเมริกัน “จัดหนัก” กรณีโอบามาไม่ไปร่วมงานยักษ์ที่ปารีสคราวนี้
ภายหลังการประชุมฉุกเฉินของคณะรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงในวันจันทร์ รัฐมนตรีกลาโหม ฌอง-อีฟส์ เลอ ดรีออง แถลงว่า ที่ประชุมตัดสินใจให้ส่งทหาร 10,000 คนออกมารักษาการณ์ตามสถานที่อ่อนไหวต่างๆ ทั่วฝรั่งเศสตั้งแต่คืนวันอังคาร (13) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการระดมทหารออกมาปฏิบัติหน้าที่อย่างมากมายเช่นนี้ภายในดินแดนประเทศฝรั่งเศส
ขณะที่ รัฐมนตรีมหาดไทย แบร์นาร์ด กาเซอเนิฟ เสริมว่า จะมีการส่งตำรวจ 4,700 คนไปรักษาการณ์ตามโรงเรียนของชาวยิวตลอดจนสถานที่บูชาต่างๆ ของชาวยิว 717 แห่งทั่วประเทศ โดยที่ทางกระทรวงกำลังจัดวางระบบการปกป้องคุ้มครอง “ที่มีพลังและถาวร” เพื่อดูแลชุมชนชาวยิวในฝรั่งเศส ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาชาติยุโรปด้วยกัน
ทางด้านนายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ แถลงว่า อาเมดี กูลิบาลี 1 ใน 3 ผู้ก่อเหตุโจมตีที่สั่นสะเทือนขวัญชาวฝรั่งเศสและทั่วโลกเป็นเวลา 3 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว น่าที่จะมีผู้ร่วมมือให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่กระทำการคนเดียว ทั้งนี้ กูลิบาลี เป็นผู้ที่ยิงสังหารตำรวจหญิง 1 ราย และยิงสังหารตัวประกัน 4 ตัวซึ่งเป็นผู้เข้าไปช็อปปิ้งในซูเปอร์มาร์เก็ตของชาวยิวแห่งหนึ่ง
วาลส์ ได้ยอมรับก่อนหน้านี้ว่างานข่าวกรองของฝรั่งเศส “ล้มเหลวอย่างชัดเจน” หลังปรากฏว่า ซาอิดและเชรีฟ คูอาชี มือปืน 2 พี่น้องซึ่งบุกเข้าไปกราดยิงสังหารหมู่กองบรรณาธิการชาร์ลี เอ็บโด อยู่ในรายชื่อผู้ก่อการร้ายที่ต้องเฝ้าติดตามของอเมริกามานานหลายปี
ซาอิดนั้นเคยเดินทางไปเยเมนในปี 2011 เพื่อรับการฝึกอาวุธจากกลุ่มอัลกออิดะห์บนคาบสมุทรอาหรับ (AQAP) ส่วนเชรีฟเป็นนักรบญิฮาดที่ถูกจำคุกในปี 2008 จากการมีส่วนร่วมในเครือข่ายส่งนักรบไปอิรัก ขณะที่อาเมดี กูลิบาลี เคยถูกจำคุกจากการพัวพันกับกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง
ทั้งสามคนถูกวิสามัญฆาตกรรมเมื่อวันศุกร์ (9)
ในวันเสาร์ที่ผ่านมา (10) รัฐมนตรีมหาดไทยและความมั่นคงของสหภาพยุโรป (อียู) และอเมริกา ได้ร่วมหารือฉุกเฉินเกี่ยวกับลัทธิหัวรุนแรงของกลุ่มอิสลาม โดยมีการเรียกร้องให้เพิ่มการตรวจตราตามแนวชายแดนเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มหัวรุนแรงระหว่างยุโรปกับตะวันออกกลาง รวมทั้งเห็นพ้องว่า มีความจำเป็นโดยเร่งด่วนในการแลกเปลี่ยนแบ่งปันรายชื่อผู้โดยสารสายการบินระหว่างกัน
ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ในฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ ต่างออกมายกย่องการเดินขบวนในวันอาทิตย์ (11) ซึ่งถือเป็นการชุมนุมครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์แดนน้ำหอม โดยทั่วประเทศมีคนเข้าร่วมเกือบ 4 ล้านคน เฉพาะในปารีสนั้นอาจมีผู้เดินขบวนถึง 1.6 ล้านคน
หนังสือพิมพ์ชั้นนำทุกฉบับตีพิมพ์ภาพทะเลคนบนท้องถนนกลางเมืองหลวงของฝรั่งเศส พร้อมป้ายข้อความต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรงสุดโต่ง สนับสนุนส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก และให้กำลังใจแก่ชาร์ลี เอ็บโด รวมถึงเหยื่อที่ถูกจับเป็นตัวประกันในซูเปอร์มาร์เก็ต
ประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลลองด์ เป็นผู้นำประชาชนเดินขบวนในปารีสเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้บริสุทธิ์เหล่านั้น ท่ามกลางเสียงกู่ร้อง “ไม่ต้องกลัว” โดยผู้นำฝรั่งเศสเดินควงแขนนำขบวนร่วมกับผู้นำจาก 44 ชาติ อาทิ เยอรมนี อังกฤษ อิตาลี อิสราเอล ปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นการแสดงความสามัคคีครั้งประวัติศาสตร์ของโลก
การเดินขบวนครั้งยิ่งใหญ่นี้เกิดขึ้นท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ตำรวจและทหารราว 2,200 คน กระจายกำลังตามจุดต่างๆ ขณะที่หน่วยแม่นปืนประจำอยู่บนดาดฟ้าอาคารหลายแห่งตลอดเส้นทางที่ขบวนเคลื่อนผ่าน นอกจากนี้ยังมีตำรวจนอกเครื่องแบบปะปนอยู่กับฝูงชน
“วันนี้ฝรั่งเศสคือเมืองหลวงของโลก ประชาชนทั้งประเทศจะลุกขึ้นต่อสู้” ออลลองด์ประกาศ
นอกจากในปารีสแล้ว ยังมีผู้คนนับแสนออกมาเดินขบวนในเมืองอื่นๆ ของฝรั่งเศส อาทิ บอร์โดซ์และลีออง รวมถึงในประเทศอื่นๆ เช่น เบอร์ลิน บรัสเซลส์ อิสตันบูล มาดริด ตลอดจนในอเมริกาและแคนาดา
หลังจากเดินขบวน นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูแห่งอิสราเอล และออลลองด์ไปร่วมพิธีที่โบสถ์ชาวยิวในปารีส เพื่อเป็นเกียรติแก่ชาวยิว 4 รายที่ถูกกูลิบาลีสังหารในซูเปอร์มาร์เก็ต เนทันยาฮูยังยกย่องจุดยืนเข้มแข็งในการต่อต้านกระแสต่อต้านยิวและการก่อการร้ายของผู้นำฝรั่งเศส
นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอนแห่งอังกฤษ ที่ร่วมเดินขบวนในปารีส คาดว่า ยุโรปจะต้องเผชิญภัยคุกคามจากการก่อการร้ายอีกหลายปี ทว่า มัตเตโอ เรนซี ผู้นำอิตาลี ประกาศว่า ยุโรปจะมีชัยชนะเหนือการท้าทายจากลัทธิก่อการร้าย
ก่อนหน้านั้น เรนซีได้ทวิตโดยใช้แฮชแท็ก #jesuischarlie (ฉันคือชาร์ลี) ซึ่งมีผู้ใช้กว่า 5 ล้านครั้งจนถึงขณะนี้
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า อเมริกาส่งเอกอัครราชทูตประจำปารีส เจน ฮาร์ตลีย์ ร่วมเดินขบวนด้วยเท่านั้น
สื่ออเมริกันพากันตั้งคำถามว่า เหตุใดประธานาธิบดีบารัค โอบามา จึงไม่ไปร่วมแสดงพลังในปารีส หรืออย่างน้อยก็ส่งคณะบริหารอาวุโส เช่น รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ไปแทน
ซีเอ็นเอ็นวิจารณ์ว่า อเมริกาทำผิดพลาด ขณะที่ฟ็อกซ์ นิว ทวิตว่า “น่าขายหน้า ประธานาธิบดีโอบามาอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่ไป”
ขณะที่นิวต์ กิงริช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และเคยรณรงค์เพื่อเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกันในปี 2012 ทวิตว่า “น่าเศร้าที่ผู้นำ 50 ชาติทั่วโลกแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในปารีส แต่ประธานาธิบดีโอบามากลับปฏิเสธไม่ไปเข้าร่วม ยังขี้ขลาดเหมือนเดิม”
ทางด้านทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกมาโต้ตอบเรื่องนี้ โดยที่โอบามานั้นได้ประกาศสนับสนุนฝรั่งเศสตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “ผมอยากให้ประชาชนฝรั่งเศสรับรู้ว่า อเมริกาจะยืนหยัดเคียงข้างฝรั่งเศสทั้งในวันนี้และวันข้างหน้า”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น