วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

ผู้นำนานาชาตินำคลื่นมหาชนเดินขบวนต้าน “ลัทธิหัวรุนแรง” ในฝรั่งเศส-สื่อมะกันงงไร้เงา “โอบามา”

        รอยเตอร์/เอเอฟพี – ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส และบรรดาแขกผู้มีเกียรติต่างชาติ รวมถึงผู้นำเยอรมนี, อิตาลี, อังกฤษ, ตุรกี, อิสราเอล และดินแดนปาเลสไตน์ ได้เดินนำขบวนประชาชนนับล้านคนในกรุงปารีสเพื่อแสดงพลังต่อต้านลัทธิหัว รุนแรงสุดโต่ง เมื่อวานนี้ (11) หลังเกิดเหตุมือปืนอิสลามิสต์ก่อการโจมตีฝรั่งเศสในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งนักวิจารณ์ระบุว่าเป็นการระดมคลื่นมหาชนครั้งใหญ่ที่สุดในปารีส นับตั้งแต่ฝรั่งเศสได้รับการปลดปล่อยจากกองทัพนาซีในปี 1944

 
 

          ประชาชนนับล้านๆ คนต่างป่าวร้องสโลแกนว่า “ไม่กลัว” หลังเกิดเหตุโจมตีต่อเนื่อง 3 วันในกรุงปารีสเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้คร่าชีวิตพลเมืองฝรั่งเศสไป 17 คน รวมถึงผู้สื่อข่าวและตำรวจ
กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสประเมินว่า มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมเดินขบวนทั่วประเทศเกือบ 4 ล้านคน ขณะที่ผู้สันทัดกรณีบางคนระบุว่า เฉพาะในเมืองหลวงฝรั่งเศสก็มีผู้คนออกมาแสดงพลังไม่ต่ำกว่า 1.6 ล้านคน

       ประธานาธิบดีออลลองด์ได้เดินเกี่ยวแขนบรรดาผู้นำต่างชาติ ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล และประธานาธิบดีมะห์มูด อับบาส แห่งปาเลสไตน์ อันเป็นการแสดงถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวครั้งประวัติศาสตร์

         กระแสธารแห่งมนุษยธรรมที่หลั่งไหลไปตามท้องถนนครั้งนี้มีวัตถุ ประสงค์เพื่อไว้อาลัยแด่เหยื่อความรุนแรง ซึ่งเริ่มต้นจากการสังหารหมู่กองบรรณาธิการนิตยสารแนวเสียดสี “ชาร์ลี เอ็บโด” เมื่อวันพุธที่ 7 มกราคม ตามมาด้วยเหตุจับตัวประกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตยิวเมื่อวันที่ 9 มกราคม ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 17 คน

         ฝูงชนต่างร้องตะโกน “ชาร์ลี ชาร์ลี” เพื่อแสดงความรำลึกถึงนักหนังสือพิมพ์และนักเขียนการ์ตูนของชาร์ลี เอ็บโด ที่ถูกสังหารเพราะผลิตสื่อล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัดของชาวมุสลิม บ้างก็ชูป้ายข้อความที่เขียนว่า “ฉันเป็นคนฝรั่งเศส และฉันไม่กลัว” หรือ “สร้างเรื่องขำขัน ไม่ใช่สงคราม” และ “น้ำหมึกควรหลั่งไหล ไม่ใช่เลือด”

       ความรู้สึกโศกเศร้าเข้าเกาะกุมเมืองแห่งแสงสี และผู้คนจำนวนมากถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อได้มาร่วมแสดงพลังเชิดชูเสรีภาพในการ แสดงออก หลังแดนน้ำหอมต้องเผชิญเหตุโจมตีนองเลือดครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบครึ่ง ศตวรรษ

        อย่างไรก็ดี กิจกรรมครั้งนี้กลับไร้เงาของบุคคลสำคัญอย่างประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ และไม่มีแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของวอชิงตันอย่างรองประธานาธิบดี หรือรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ

       แม้ เจน ฮาร์ตลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำฝรั่งเศส จะเป็นตัวแทนเข้าร่วมเดินขบวนเมื่อวานนี้ด้วย (11) แต่สื่อบางสำนักในอเมริกายังอดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เหตุใด โอบามา จึงไม่เดินทางไปเอง หรือไม่ก็ควรจะส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอย่างรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ จอห์น เคร์รี ก็ยังจะดูเหมาะสมกว่านี้

       เคร์รี อยู่ระหว่างเยือนอินเดียตามกำหนดการล่วงหน้า ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เอริค โฮลเดอร์ ก็ได้เดินทางไปกรุงปารีสเพื่อหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของยุโรปว่า ด้วยมาตรการป้องกันการก่อเหตุของพวกหัวรุนแรงสุดโต่ง แต่ไม่ได้ออกมาร่วมเดินขบวน

      สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาถก โดย ฟารีด ซากาเรีย ผู้ดำเนินรายการข่าวด้านกิจการสาธารณะถึงกับชี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯทำผิดพลาดที่ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปร่วมกิจกรรมนี้เลย
ด้าน เกรตา แวน ซัสเตเรน ผู้สื่อข่าวของฟ็อกซ์นิวส์ ก็โพสต์ทวิตเตอร์ว่า “น่าอายจริงๆ ประธานาธิบดีโอบามา อยู่ไหน? ทำไมเขาไม่ไปด้วย?”

       “ช่างน่าเศร้าที่ผู้นำ 50 ประเทศทั่วโลกสามารถพร้อมใจกันแสดงความเป็นหนึ่งเดียวที่ปารีส แต่ประธานาธิบดี โอบามา กลับปฏิเสธที่จะไป ความขี้ขลาดตาขาวยังคงอยู่” นิวต์ กิงกริช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งเคยลงสมัครชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันเพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง ประธานาธิบดีเมื่อปี 2012 กล่าวผ่านทวิตเตอร์

      ทำเนียบขาวยังไม่ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนในเรื่องนี้ แต่เมื่อวันศุกร์(9) โอบามา ได้ให้สัญญาว่า สหรัฐฯ พร้อมสนับสนุนฝรั่งเศส “ผมอยากให้ประชาชนชาวฝรั่งเศสรับรู้ว่า สหรัฐฯพร้อมจะยืนหยัดเคียงข้างท่านทั้งวันนี้ และวันพรุ่งนี้”

      อย่างไรก็ดี การที่โอบามาไม่มาปรากฏตัวดูเหมือนจะได้รับปฏิกิริยาเชิงลบจากสื่อเมืองน้ำ หอมไม่มากนัก โดยผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ฝรั่งเศสคนหนึ่งกล่าวว่า เรื่องที่จะให้ โอบามา เดินทางมาด้วยตนเองนั้น “แทบไม่ต้องคิด” เนื่องจากติดขัดเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะต้องอยู่ในขั้นสูงสุด เมื่อผู้นำสหรัฐฯเดินทางไปปฏิบัติภารกิจทั้งในประเทศและต่างแดน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น