วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567

หามาให้อ่าน อ่านนิทานให้ลูกฟัง

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนใช้ชีวิตเรียบง่าย สบาย ๆ อยู่กันสองคน อยากตื่นสายก็ตื่น อยากไปไหนก็ไป ไม่อยากก็ไม่ไป แต่วันดีคืนดีหลังสถานะกลายเป็น “ยาย” เป็น “ย่า” ภายในเวลาห่างกันเพียงแค่หนึ่งเดือนหนึ่งวัน ก็ต้องโบกมืออำลาชีวิตเรียบง่ายแสนสงบของเราไปเลย เพราะต้องรับบทบาทเลี้ยงหลานในวันที่พ่อแม่เขาไม่ว่าง ไอ้เราก็ว่างวายจากการเลี้ยงเด็กมาเป็นสิบ ๆ ปี จะรื้อฟื้นความทรงจำมาใช้ใหม่ก็ดูจะใช้กับเด็กสมัยนี้ไม่ได้เสียแล้ว เพราะผดุงครรภ์ที่แวะเวียนมาดูแลเด็กจะให้คำแนะนำอย่างที่เราไม่เคยได้ยิน เอ้า แล้วยังไงกันละเนี่ย ก็ต้องเชื่อเขาสิคะคุณ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้นี่นา

การมีหลานในวัยไล่เรี่ยกันมันก็ทำให้มีข้อสังเกตว่าเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่ไม่เหมือนกัน  ซึ่งนั่นก็น่าจะขึ้นกับทั้งองค์ประกอบเรื่องเพศ สิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงดูรวม ๆ กัน  หลานยายเธออยู่กับยายกับแม่ที่ช่างพูดช่างคุย จึงเริ่มต้นพูดได้เร็ว  ในขณะที่หลานย่าโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่พ่อพูดภาษาเยอรมัน แม่พูดไทย และทั้งสองคนคุยกันด้วยภาษาอังกฤษ  เจ้าหลานเริ่มต้นพูดได้ในวัยไม่ถึงขวบ แต่แล้วก็หยุดไปเฉย ๆ เริ่มพูดด้วยภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ  ใยย่าเรียกภาษาของหลานว่าภาษาต่างดาว  เจ้าตัวดูสนุกสนานคุยจ้อกับภาษาที่ตัวเองรู้เรื่องอยู่คนเดียว  เอาล่ะสิ ย่าก็เดือดเนื้อร้อนใจเที่ยวหาข้อมูลว่าแบบนี้ปกติหรือไม่ปกติอย่างไร พบว่าไม่ใช่ปัญหาที่เจออยู่ครอบครัวเดียว มีเคสแบบนี้เยอะแยะมากมาย บางรายถึงกับล่วงเลยไปถึงวัยสี่ห้าขวบก็มี  เอ๊ะ แล้วจะแก้อย่างไรได้บ้างน้า  ในการหาข้อมูลได้ไปเจอเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการกระตุ้นให้เด็กพูด  ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้เขียนใช้กับลูก ๆ เสมอและได้ผลดี  แสดงว่าวิธีการของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมดนิ  รู้สึกเสียดายถ้าจะเก็บไว้อ่านคนเดียว รออะไร ก็เอามาบอกต่อสิเล่า

คุณหมอเด็กหลายท่านแนะนำว่าการเล่านิทานเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการเสริมสร้างพัฒนาการให้แก่เด็กและเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์  นอกจากนี้ยังเป็นการใช้เวลาร่วมกันภายในครอบครัว  คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้ทุกวัน  อีกทั้งยังสร้างความทรงจำที่ดีให้เกิดขึ้นกับเด็กอีกด้วย  

เรื่องราวในนิทานเปรียบเสมือนเสถานการณ์สมมุติที่ช่วยให้เด็กได้ฝึกคิดตาม  เป็นแบบฝึกหัดในอีกรูปแบบหนึ่งที่สนุกและเข้าใจง่าย  โดยเด็กที่ฟังนิทานเป็นประจำจะมีทักษะการเรียนรู้ทางภาษา  มีทักษะการฟังและสรุปความและเสริมความสามารถในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า  มีสมาธิที่จดจ่อกับการฟัง  ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญมากในการเรียน

ประโยชน์ของการเล่านิทานเป็นการสร้างคุณค่าที่ยิ่งใหญ่แก่เด็ก เนื่องจาก

เสริมปัญญาเด็ก  นิทานจะช่วยให้เด็กฉลาดทั้งทางสติปัญญา (IQ) และฉลาดทางอารมณ์ (EQ)

ทำให้เด็กช่างคิด ช่างถาม ช่างสังเกต

เรียนรู้ภาษา มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษา

ฝึกจับประเด็น  การเล่าซ้ำจะทำให้เด็กจำได้ทั้งเรื่อง  มองภาพรวมเข้าใจเรื่องได้เร็ว

ฝึกสมาธิ  การตั้งใจฟังนิทานเป็นการฝึกสมาธิให้เด็ก

จินตนาการ  การฟังนิทานเป็นการเสริมสร้างจินตนาการ

คุณธรรม  ได้รับการปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่เด็กจากเนื้อหาในนิทาน

รักการอ่าน  การอ่านให้ฟังบ่อย ๆ ช่วยปลูกฝังให้เด็กมีนิสัยรักการอ่าน

ความสุข  บรรยากาศการเล่านิทานเป็นความสุขในครอบครัว

นับว่ามีประโยชน์มากทีเดียว นอกจากนั้นยังเป็นคำแนะนำที่ไม่ยากในการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน  อ่านให้ฟังหรือเล่าปากเปล่าก็ได้  คนพูดมากอย่างผู้เขียนนี้สบายเลยทีเดียว  เสียอย่างเดียว ห้ามเล่าไม่เหมือนเดิม เพราะเจ้าตัวเล็กจะคอยท้วงว่าเมื่อวานไม่ใช่แบบนี้นี่นา !!


เรียบเรียงโดย "เอื้อยอ้าย"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น