วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

บินยาวนาน

ผู้เขียนนั้นต้องสารภาพว่าเบื่อการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน ๆ มาก  แต่เจ้ากรรมที่มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน  จึงหนีไม่พ้นการต้องเดินทางไปเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราว  แม้ว่าหลังการจากไปของญาติผู้ใหญ่หน้าที่กลับไปเยี่ยมญาติจะผ่อนคลายลงก็ตามที  ก่อนหน้าการเดินทางแต่ละครั้งจะรู้สึกเบื่อมากเมื่อนึกภาพการต้องนั่งอยู่ในที่คับแคบเป็นวัน  จึงชอบอ่านข้อควรปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหนื่อยเพลียเมื่อถึงจุดหมาย  จริง ๆ เรื่องนี้มีให้อ่านอยู่เป็นประจำ  เนื่องจากชาวเยอรมันเป็นแชมป์โลกด้านการเดินทางท่องเที่ยว  แต่ส่วนใหญ่อ่านแล้วก็จะผ่าน ๆ ตาไปและมักจะลืม  เผลอประเดี๋ยวเดียวก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์ที่คนไทยเรานิยมเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน จึงนำมาลงให้อ่านเตือนความจำกันอีกที
ศาสตราจารย์  Thomas Loescher จากสมาคมอาชีพแพทย์อายุรเวชเยอรมันกล่าวว่าผู้เดินทางจำนวนมากรู้สึกเหนื่อยและเพลียหลังการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะทางไกล  ไม่ว่าจะเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาหรือในกรณีที่ย่ำแย่เลือดจับตัวเป็นก้อนก็ตามที  แต่การโดยสารเครื่องบินนาน ๆ ทำให้บางคนถึงกับป่วย  หากคำนึงถึงข้อแนะนำบางประการจะผ่านพ้นการเดินทางไกลได้ดีขึ้น
ตั้งแต่ก่อนการเดินทางเริ่มต้นผู้เดินทางควรตรึกตรองว่าจะสวมเครื่องแต่งกายชนิดใดบนเครื่องบิน การผสมผสานกันระหว่างเครื่องทำความเย็นบนเครื่องบินและเสื้อผ้าที่บางเกินไปสามารถนำไปสู่อาการหวัด  นอกจากนั้นผู้เดินทางจำนวนมากมักนอนหลับบนเครื่องบิน  ซึ่งทำให้ร่างกายเย็นลงอีก  ศ. Loescher จึงแนะนำเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมแขนและขา  แม้ว่าไม่ถึงกับต้องเป็นเสื้อไหมพรมหนา  แต่ก็ไม่ควรเป็นเสื้อสายเดี่ยว และควรห่มผ้าที่ทางสายการบินแจกให้
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังควรพูดคุยกับแพทย์ก่อนการบิน  ศ. Loescher แนะนำให้ไปพบกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง  ผู้ที่ต้องกินยาในเวลาเฉพาะเป็นประจำสามารถงุนงงได้เนื่องจากเวลาที่ผิดกัน  การให้คำปรึกษาจากมืออาชีพจึงจำเป็น  นอกจากนั้นยังสมควรให้แพทย์ออกใบรับรองยาที่นำติดตัวไปด้วย  เขาชี้แจงว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาระหว่างการตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
บ่อย ๆ ที่แทบไม่มีที่ว่างระหว่างแถวที่นั่งในเครื่องบิน ผู้เดินทางมีพื้นที่สำหรับเหยียดแข้งขาน้อยและนั่งติดอยู่กับที่ขยับเขยื้อนไม่ได้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่มีความเสี่ยงที่เลือดจะจับตัวควรเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ ระหว่างการบินจะดีที่สุด  โดยควรเดินไปเดินมาในเครื่องบินไกลเท่าที่เป็นไปได้  ตรงนี้ก็ควรคุยกับแพทย์และขอใบสั่งยา “Heparin “ ซึ่งช่วยระงับการจับตัวของเลือด  นอกจากนั้น Loescher  ยังแนะนำการออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องเคลื่อนไหว  แต่สามารถทำที่ที่นั่งได้  ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะกับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่เลือดจะจับตัวกันเท่านั้น  หากเหมาะสำหรับทุก ๆ คน
หลายคนมักนิยมดื่มไวน์ก่อนเริ่มต้นบิน  อีกแก้วระหว่างอาหารและดื่มเหล้าผลไม้เพื่อช่วยย่อย ฯลฯ  แต่ในการบินระยะทางไกลผู้เดินทางควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์  มิฉะนั้นหลังการลงจอดอาจไม่เพียงเมาค้างเท่านั้น  ศ. Loescher เตือนว่าแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ  เขาแนะนำผู้โดยสารให้ดื่มน้ำมาก ๆ ระหว่างบิน  ซึ่งไม่เพียงแต่ถูกสุขลักษณะเท่านั้น  แต่ยังมีประโยชน์ตรงที่ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น  ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขึ้นบินและลงจอดการดื่มน้ำอึกเล็ก ๆ ช่วยสร้างสมดุลย์ของความดัน
เพื่อหลีกเลี่ยงอาการ Jetlag ผู้โดยสารสามารถปรับตัวให้เข้ากับจังหวะเวลาของจุดหมายปลายทางได้ตั้งแต่อยู่ระหว่างการบิน  หากตอนไปถึงเป็นเวลาดึก ผู้โดยสารสามารถทดลองตื่นระหว่างบิน  หากไปถึงตอนเข้าก็คุ้มค่าที่จะงีบบนเครื่อง  ศ. Loescher ยังแนะนำผู้เดินทางที่ไม่สามารถนอนหลับบนเครื่องบินให้ใช้ฮอร์โมน Melatonin  แต่กระนั้นก็ดี มันไม่ให้ผลกับทุกคนและควรกินเพียงหลังปรึกษาหารือกับแพทย์แล้ว
นั่นไง ไม่ยากเลย  เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาก่อนแล้วนั่นเอง  ว่าแต่เคยทำกันบ้างหรือเปล่า?  ตัวผู้เขียนน่ะหากไม่มัวแต่ดูหนังฟังเพลงอยู่ก็มักจะหลับยันป้าย  จึงมักไม่ง่วงไม่เพลียเมื่อถึงปลายทาง  แต่หิว (ฮา)  เพราะเหม็นอาหารบนเครื่องจนกินไม่ลง   ผู้อ่านท่านใดทดลองนำไปปฏิบัติแล้วได้ผลหรือไม่อย่างไรอย่าลืมนำมาบอกเล่ากันบ้างเด้อ

เรียบเรียงโดย  “เอื้อยอ้าย”

ข้อมูล  Aachener Zeitung

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น