ผู้เขียนนั้นต้องสารภาพว่าเบื่อการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะเวลานาน ๆ มาก แต่เจ้ากรรมที่มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน จึงหนีไม่พ้นการต้องเดินทางไปเยี่ยมบ้านเป็นครั้งคราว แม้ว่าหลังการจากไปของญาติผู้ใหญ่หน้าที่กลับไปเยี่ยมญาติจะผ่อนคลายลงก็ตามที ก่อนหน้าการเดินทางแต่ละครั้งจะรู้สึกเบื่อมากเมื่อนึกภาพการต้องนั่งอยู่ในที่คับแคบเป็นวัน จึงชอบอ่านข้อควรปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหนื่อยเพลียเมื่อถึงจุดหมาย จริง ๆ เรื่องนี้มีให้อ่านอยู่เป็นประจำ เนื่องจากชาวเยอรมันเป็นแชมป์โลกด้านการเดินทางท่องเที่ยว แต่ส่วนใหญ่อ่านแล้วก็จะผ่าน ๆ ตาไปและมักจะลืม เผลอประเดี๋ยวเดียวก็จะถึงเทศกาลสงกรานต์ที่คนไทยเรานิยมเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้าน จึงนำมาลงให้อ่านเตือนความจำกันอีกที
ศาสตราจารย์ Thomas Loescher จากสมาคมอาชีพแพทย์อายุรเวชเยอรมันกล่าวว่าผู้เดินทางจำนวนมากรู้สึกเหนื่อยและเพลียหลังการโดยสารเครื่องบินเป็นระยะทางไกล ไม่ว่าจะเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาหรือในกรณีที่ย่ำแย่เลือดจับตัวเป็นก้อนก็ตามที แต่การโดยสารเครื่องบินนาน ๆ ทำให้บางคนถึงกับป่วย หากคำนึงถึงข้อแนะนำบางประการจะผ่านพ้นการเดินทางไกลได้ดีขึ้น
ตั้งแต่ก่อนการเดินทางเริ่มต้นผู้เดินทางควรตรึกตรองว่าจะสวมเครื่องแต่งกายชนิดใดบนเครื่องบิน การผสมผสานกันระหว่างเครื่องทำความเย็นบนเครื่องบินและเสื้อผ้าที่บางเกินไปสามารถนำไปสู่อาการหวัด นอกจากนั้นผู้เดินทางจำนวนมากมักนอนหลับบนเครื่องบิน ซึ่งทำให้ร่างกายเย็นลงอีก ศ. Loescher จึงแนะนำเครื่องแต่งกายที่ปกคลุมแขนและขา แม้ว่าไม่ถึงกับต้องเป็นเสื้อไหมพรมหนา แต่ก็ไม่ควรเป็นเสื้อสายเดี่ยว และควรห่มผ้าที่ทางสายการบินแจกให้
ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรังควรพูดคุยกับแพทย์ก่อนการบิน ศ. Loescher แนะนำให้ไปพบกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเดินทาง ผู้ที่ต้องกินยาในเวลาเฉพาะเป็นประจำสามารถงุนงงได้เนื่องจากเวลาที่ผิดกัน การให้คำปรึกษาจากมืออาชีพจึงจำเป็น นอกจากนั้นยังสมควรให้แพทย์ออกใบรับรองยาที่นำติดตัวไปด้วย เขาชี้แจงว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาระหว่างการตรวจสอบเพื่อความปลอดภัย
บ่อย ๆ ที่แทบไม่มีที่ว่างระหว่างแถวที่นั่งในเครื่องบิน ผู้เดินทางมีพื้นที่สำหรับเหยียดแข้งขาน้อยและนั่งติดอยู่กับที่ขยับเขยื้อนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่มีความเสี่ยงที่เลือดจะจับตัวควรเคลื่อนไหวร่างกายมาก ๆ ระหว่างการบินจะดีที่สุด โดยควรเดินไปเดินมาในเครื่องบินไกลเท่าที่เป็นไปได้ ตรงนี้ก็ควรคุยกับแพทย์และขอใบสั่งยา “Heparin “ ซึ่งช่วยระงับการจับตัวของเลือด นอกจากนั้น Loescher ยังแนะนำการออกกำลังกายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ไม่ต้องเคลื่อนไหว แต่สามารถทำที่ที่นั่งได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงเฉพาะกับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงที่เลือดจะจับตัวกันเท่านั้น หากเหมาะสำหรับทุก ๆ คน
หลายคนมักนิยมดื่มไวน์ก่อนเริ่มต้นบิน อีกแก้วระหว่างอาหารและดื่มเหล้าผลไม้เพื่อช่วยย่อย ฯลฯ แต่ในการบินระยะทางไกลผู้เดินทางควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ มิฉะนั้นหลังการลงจอดอาจไม่เพียงเมาค้างเท่านั้น ศ. Loescher เตือนว่าแอลกอฮอล์ทำให้ร่างกายขาดน้ำ เขาแนะนำผู้โดยสารให้ดื่มน้ำมาก ๆ ระหว่างบิน ซึ่งไม่เพียงแต่ถูกสุขลักษณะเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ตรงที่ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขึ้นบินและลงจอดการดื่มน้ำอึกเล็ก ๆ ช่วยสร้างสมดุลย์ของความดัน
เพื่อหลีกเลี่ยงอาการ Jetlag ผู้โดยสารสามารถปรับตัวให้เข้ากับจังหวะเวลาของจุดหมายปลายทางได้ตั้งแต่อยู่ระหว่างการบิน หากตอนไปถึงเป็นเวลาดึก ผู้โดยสารสามารถทดลองตื่นระหว่างบิน หากไปถึงตอนเข้าก็คุ้มค่าที่จะงีบบนเครื่อง ศ. Loescher ยังแนะนำผู้เดินทางที่ไม่สามารถนอนหลับบนเครื่องบินให้ใช้ฮอร์โมน Melatonin แต่กระนั้นก็ดี มันไม่ให้ผลกับทุกคนและควรกินเพียงหลังปรึกษาหารือกับแพทย์แล้ว
นั่นไง ไม่ยากเลย เป็นเรื่องง่าย ๆ ที่เราเคยได้ยินได้ฟังมาก่อนแล้วนั่นเอง ว่าแต่เคยทำกันบ้างหรือเปล่า? ตัวผู้เขียนน่ะหากไม่มัวแต่ดูหนังฟังเพลงอยู่ก็มักจะหลับยันป้าย จึงมักไม่ง่วงไม่เพลียเมื่อถึงปลายทาง แต่หิว (ฮา) เพราะเหม็นอาหารบนเครื่องจนกินไม่ลง ผู้อ่านท่านใดทดลองนำไปปฏิบัติแล้วได้ผลหรือไม่อย่างไรอย่าลืมนำมาบอกเล่ากันบ้างเด้อ
เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”
ข้อมูล Aachener Zeitung
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น