เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอสถานการณ์
“ต้นเดือนกินเหลา ปลายเดือนกินมาม่า” หรือถ้าตามสำนวนไทยสมัยก่อนก็คืออาการ
“ชักหน้าไม่ถึงหลัง” ที่ให้ภาพที่ชัดเจนแจ่มแจ้งดีจริง ๆ มาแล้ว
เพิ่งมกราคมเดือนแรกของปีอาการนี้ก็มาเกิดกับใครหลายต่อหลายคน เนื่องจากในช่วงเทศกาลควักกระเป๋าซื้อของขวัญของนู่นของนี่ไปเสียเยอะ
พอมาเจอเข้ากับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นปีแบบประกันภัยและอื่น ๆ เข้าให้
บัญชีธนาคารนี่แทบจะโบ๋กันเลยทีเดียว
ผู้เขียนเคยมีคนรู้จักที่เปลี่ยนชื่อด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้มีเงินเหลือเก็บ
ไม่ใช้จ่ายสุรุยสุร่าย ฟังแล้งงงว่าแล้วเกี่ยวกับชื่อตรงไหน ง่ายที่สุดเลย คือ เปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองและทำตามคำแนะนำของคนที่เขาประสบความสำเร็จ
ร่ำรวยเป็นเศรษฐีเงินล้านกันดีกว่าไหม
แรกเริ่มเลยคือการยับยั้งชั่งใจและการไตร่ตรองให้ดีก่อน
ไม่ใช่ว่าเดินไปเห็นเสื้อสวยรองเท้าเปรี้ยวถูกใจก็คว้ามา การซื้อแบบสายฟ้าแล่บแบบนี้แลที่ทำให้กระเป๋าเบาโหวงกันมาแล้วนักต่อนัก เครื่องมือง่าย ๆ
ก็คือกลับไปนอนคิดดูใหม่ก่อนสักคืน
คำนวณดูด้วยก็ดีนะ ว่าต้องทำงานนานกี่ชั่วโมงกี่วันถึงจะได้เงินก้อนนี้มา และที่เขาว่าช่วยได้มากเลยก็คือ การจ่ายเงินสด
เนื่องจากการศึกษาได้แสดงแล้วว่าผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลงได้ถึง
๕๐% หากควักเงินผ่านมือไปโดยตรง อันนี้ต้องเอาคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญมาอ้าง คุณ
Korina
Dörr หัวหน้าสำนักงานให้คำปรึกษาด้านเงินและงบประมาณ เธอแนะนำว่าโดยทั่วไปเราต้องเพ็งเล่งการบริโภคส่วนตัวให้ดี เพราะประชาชนส่วนใหญ่(ซึ่งก็รวมถึงตัวเราด้วย)ไม่สามารถเพิ่มรายได้ของตนเองได้ง่าย
ๆ
จึงควรดูรายจ่ายให้ถี่ถ้วนและหลีกเลี่ยงเรื่องไม่จำเป็น
คำแนะนำของเธอคือ
ให้แบ่งรายจ่ายทั้งหมดออกเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่ “จำเป็น” “เพื่อความรื่นรมย์” และ
“ฟุ่มเฟือย”
เสร็จแล้วแต่ละเดือนก็กำหนดงบประมาณประจำเดือนที่แน่นอนสำหรับแต่ละกลุ่ม ด้วยวิธินี้ทำให้เราใช้จ่ายอย่างมีจิตสำนึก
จัดลำดับความสำคัญก่อนหลังและสามารถประหยัดได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้น
เพื่อให้สามารถมองการเงินส่วนตัวได้ทั่วถึงขึ้นกว่าเดิม มันคุ้มค่าที่จะทำบัญชีงบประมาณ ผู้ที่รู้ว่ามีเงินเข้ามาเท่าใดและใช้จ่ายออกไปเท่าไหนจะตระหนักในระยะเวลาสั้น
ๆ ว่าตรงไหนที่ควรจะใช้ให้น้อยลง
ตรงนี้มีที่ให้สั่งสมุดบัญชีแบบเป็นเล่มได้ฟรีในเพจ www.geld-und
–haushalt.de หรือภายใต้หมายเลขโทรศัพท์ 030/20455818 ก็ได้
นอกจากนั้นในเพจนี้ยังมีแบบออนไลน์และคำแนะนำอีกหลายประการ สำหรับผู้ทิ่เกิดมีปัญหาด้านการเงินขึ้นมา
ข้อสุดท้าย
การประหยัดเงินสดทำได้อีกหากเรารู้จักเล่ห์กลทางจิตวิทยาในการจับจ่ายซื้อของบางข้อ ปัจจุบันนี้ทุกคนคงจะรู้กันแล้ว ว่าเราไม่ควรไปซื้อของเวลาหิว
ๆ เพราะเห็นอะไรก็น่ากินไปหมด
ลงท้ายเลยกวาดข้าวของมามากเกินต้องการ กินไม่ทันต้องทิ้งอีก แต่เรื่องของลดราคาก็เช่นกัน คงเคยเห็นป้ายราคาที่ขีดราคาเดิมทิ้ง
ตั้งราคาใหม่หรือปิดป้ายลดราคาแดงโร่หรืออะไรที่ล่อใจอื่น ๆ อันนี้อย่าหลงกลง่าย ๆ เพราะบ่อย ๆ ที่มีการใช้ผลกระทบตรงข้าม เช่นว่า
ไวน์ราคา ๑๐ ยูโรอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าถูกดีจัง
เพราะใกล้ ๆ กันนั้นราคาขวดละ ๔๐ ยูโร
กระนั้น ก็ไม่ควรให้กลอุบายนี้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของตัวเราเอง
ดีเนอะ ฟังดูง่ายดี
เหมือนว่าจะทำได้ไม่ยาก เอ้า ลองเอาไปใช้กันดูจ้า
แต่ที่แน่ ๆ ง่ายกว่าเปลี่ยนชื่อแน่นอน อันนี้ฟันธง!!!
เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น