โรคปอดบวมอู่ฮั่นเกิดจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ซึ่งไวรัสตัวนี้เป็นไวรัสใหม่ที่ไม่เคยพบในมนุษย์มาก่อน ดังนั้น ทุกคนในโลกก็มีโอกาสจะติดเชื้อโรคได้เท่าเทียมกัน
ไวรัสตัวนี้อยู่ในกลุ่มโคโรนาที่พบได้ในสัตว์เกือบทุกชนิด
และมันมีการข้ามกันไปมาระหว่างคนกับสัตว์ สัตว์กับคน
โรคปอดบวมอู่ฮั่นนี้ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อายุเกิน ๖๕ ปี ประมาณครึ่งหนึ่งมีอายุเกิน ๘๐ ปี ผู้เสียชีวิตมักมีโรคอื่นร่วมด้วย จึงทำให้เสียชีวิตง่ายขึ้น เทียบกับโรค SARS และโรค MERS อยู่ในกลุ่มไวรัสเดียวกัน คือ
ไวรัสโคโรนา
แต่ความรุนแรงของโรคน้อยกว่าโรคทั้งสองชนิดมาก MERS มีอัตราการเสียชีวิต
๓๐% SARS มีอัตราการเสียชีวิตประมาณ
๑๐% แต่โรคปอดบวมอู่ฮั่นอยู่ที่ ๒-๓%
แต่สันนิษฐานว่าเป็นตัวเลขที่สูงกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย ผู้ป่วยควรใส่หน้ากากอนามัย หากผู้ป่วยไอหรือจามแล้วใส่หน้ากาก จะลดการแพร่กระจายของโรคไปได้ ๙๐% แต่หน้ากากต้องใส่ให้สนิท
ไม่มีลมรั่วไหลอยู่ข้าง ๆ เลย
การหายใจต้องผ่านหน้ากากอนามัยเท่านั้น
ซึ่งทำให้หายใจลำบากมาก
แต่ถ้าใช้แบบมีลมรั่วหรือใส่แล้วห้อยก็ไม่ต่างกับการใช้หน้ากากอนามัยชนิดที่คาด การเดินสวนกันไปมาไม่ทำให้ติดโรค การติดต้องมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิด เช่น
ไอใส่หน้าหรือไออยู่ใกล้ ๆ แล้วละอองเสมหะมาสัมผัสเราหรือละอองเสมหะไปตกอยู่ตามโต๊ะ
หรือที่ต่างๆ ที่เราเอามือไปจับ แล้วไม่ได้ล้างมือ แล้วมาโดนหน้าตา มันก็จะทำให้เกิดติดโรคขึ้นมาได้ แนวทางป้องกันโรคสามารถทำได้ทันที โดย
๑.
หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่
หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ
๒.
ปิดปาก
ปิดจมูกเวลาไอ จาม ด้วยกระดาษทิชชูหรือต้นแขนด้านใน
๓.
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจหรืออาการคล้ายไข้หวัด
๔.
ปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์และไข่ให้สุกด้วยความร้อน
๕.
สวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อต้องสัมผัสกับสัตว์ป่ามีชีวิตหรือสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม
ทั้งหมดนี้จะช่วยลดหนักให้เป็นเบา วัคซีนที่จะใช้ในคน จะใช้เวลาวิจัยและผลิตนานนับเป็นปี
เพราะฉะนั้นในระยะเวลาอันใกล้จึงคงจะยังเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวัคซีน
ข้อมูล ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น