ไม่นานมานี้ได้อ่านบทความเกี่ยวกับพัฒนาการล่าสุดในสื่อสังคมที่สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้เชี่ยวชาญและร้านขายยา โดยแนวโน้มที่ก่อให้เกิดความวิตก ได้แก่ สิ่งที่เรียกว่า “เซตามอลชาเลนจ์” ที่กระตุ้นประชาชนอายุน้อยให้กินยาแก้ปวดพาราเซตามอลเป็นปริมาณมากเกินปกติ เพื่อให้ได้รับการยอมรับนับถือภายในกลุ่มชนในคอมมิวนิตี
อันนี้ผู้เขียนไม่รู้ว่าเป็นเรื่องท้าทายดังกล่าวเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หลังจากปิ่นโตที่บ้านสองเถาเติบโตพ้นวัยรุ่นไปแล้ว ก็ห่างหายไปจากเรื่องวัยรุ่นวัยวุ่นไปเลย แต่ถ้าจริงก็ถือเป็นเรื่องบ้าบิ่นเอามาก ๆ เนื่องจากเป็นการปฏิบัติที่แอบซ่อนความเสี่ยงอย่างหนักต่อสุขภาพ เป็นสาเหตุของความเสียหายต่อตับที่แก้ไขไม่ได้และสามารถนำไปสู่ความตายได้
ดร. Armin Hoffmann ประธานสภาเภสัชนอร์ดไลน์วิจารณ์ว่าประชาชนจำนวนมากดูจะไม่ตระหนักว่า การพิสูจน์ความกล้าหาญนี้ หากโชคดีก็จบลงที่โรงพยาบาล แต่ถ้าหากในกรณีที่ย่ำแย่ก็สามารถจบลงที่สุสานได้ การกินพาราเซตามอลที่ไม่ได้รับการควบคุมและปริมาณสูง นำไปสู่ความเสียหายของตับอย่างเฉียบพลัน และในกรณีที่เลวร้ายก็อวัยวะล้มเหลวและสามารถนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ในอดีตที่ผ่านมาก็มีประชาชนเสียชีวิตจากผลของการเมายาพาราเซตามอลมาแล้ว
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายและครูต้องพูดคุยกับเยาวชนเกี่ยวกับผลที่เป็นอันตรายต่อชีวิตนี้ การแพร่กระจายความนิยมของการกระทำที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพบนแพลตฟอร์มสื่อสังคม เช่น ติ๊กต็อก เป็นปัญหาที่เพิ่มมากขึ้นทุกที ดร. ฮอฟมันน์ย้ำว่ายาเป็นสารที่ให้ผลสูง ที่จำเป็นต้องมีการใช้อย่างระมัดระวังและได้รับการให้คำปรึกษาตามหลักวิชาการ ซึ่งเภสัชกรมีบทบาทอย่างมีนัยสำคัญในการชี้แจง ในส่วนของแพทย์ไทยเราก็มีการกล่าวถึงการใช้ยาแก้ปวดอย่างพร่ำเพรื่อ ในกรณีนี้เจาะจงที่ยาพาราเซตามอล เนื่องจากเป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้ง่าย โดยมีหัวข้อว่ามันสามารถลดปวดได้ทุกอย่างจริงหรือ มีการระบุว่าตามจริงแล้วมันเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยหากใช้อย่างถูกวิธี กินเมื่อต้องการบรรเทาปวดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น อาการปวดตามอวัยวะต่าง ๆ เคล็ดขัดยอก แต่พาราเซตามอลมีฤทธิ์ลดอาการปวดได้จำกัด รักษาได้เพียงอาการปวดขั้นอ่อนหรือปานกลางเท่านั้น โดยมีอาการปวดที่ยาพารา ฯ ใช้ได้ผลน้อย ไม่มีผลรักษาหรืออาจไม่ใช่ยาที่เหมาะสม เช่น อาการปวดขั้นรุนแรง ปวดจากแผลผ่าตัดใหญ่หรือจากมะเร็ง อาการปวดที่มีลักษณะอาการแบบแปลก ๆ ปวดแสบปวดร้อน ปวดเหมือนเข็มเล็ก ๆ ทิ่ม ปวดร้าวไปที่บริเวณอื่น ๆ อาการปวดศีรษะที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ปวดไมเกรนมากกว่าเดือนละ ๓-๔ ครั้ง หรือปวดศีรษะจากความเครียดมากกว่า ๑๕ ครั้งต่อเดือน ดังนั้น ยาใช้ยาพารา ฯ ในการระงับปวดให้ปลอดภัยควรกินยาอย่างเคร่งครัดตามที่ได้รับการแนะนำจากบุคลากรทางแพทย์หรือห้ามใช้เกินขนาดที่แนะนำ
โดยทั่วไปเมื่อใช้ในการรักษาความปวดเบื้องต้นในผู้ใหญ่ คือ ๕๐๐ มิลลิกรัมครั้งละ ๑-๒ เม็ด ทุก ๔-๖ ชั่วโมง แต่ใน ๑ วัน (๒๔ ชั่วโมง) ไม่เกิน ๘ เม็ด (๔,๐๐๐ มิลลิกรัม) ติดต่อกันไม่เกิน ๕-๗ วัน หากจำเป็นต้องใช้นานกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์
ขึ้นต้นด้วยเยอรมัน จบด้วยไทย แต่ได้ผลสรุปตรงกันว่า สิ่งใดที่มีประโยชน์แต่ถ้าใช้อย่างไม่ถูกวิธี หรือใช้เกินพอดี ก็อาจนำไปสู่โทษมหันต์ได้เช่นนี้แล เอวัง
ข้อมูล Aachener Zeitung am Sonntag มูลนิธิหมอชาวบ้าน
เรียบเรียงโดย "เอื้อยอ้าย"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น