วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

70 ปี การร่างกฎหมายพื้นฐานและการก่อตั้งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี


ในวันที่ 23 พฤษภาคม 1949 มีการประกาศใช้กฎหมายพื้นฐานในกรุงบอนน์เมื่อ 70 ปีที่ผ่านมา ถือว่าการร่างรัฐธรรมนูญใช้ชั่วคราวของประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นรากฐานของระบอบประชาธิปไตย โดยใช้อาคารสถานที่ของพิพิธภัณฑ์เคอนิก (Königsmuseum) ณ กรุงบอนน์ เป็นอาคารแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการถูกทำลายในสงครามโลกครั้งที่ 2

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ค.ศ. 1949 (พ.ศ. 2492) ประกาศใช้กฎหมายพื้นฐานและมีการลงนามในกรุงบอนน์ “กฎหมายแม่บท” ได้รับการออกแบบร่างอย่างรอบคอบในสมัยนั้น  แม้จะเป็นการร่างชั่วคราว  แต่ในปัจจุบันก็ยังใช้กันอยู่ น่าจะถือได้ว่าเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ (Verfassung) ฉบับถาวรของประเทศก็ว่าได้ ถือว่าเป็นรากฐานที่สำคัญของประชาธิปไตยในประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี
ที่เรียกว่ากฎหมายพื้นฐาน (Grundgesetz ตัวย่อ GG, หรือบางครั้งก็ใช้ GrundG) ไม่ได้เรียกว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญ (Verfassung) เนื่องจากการประกาศใช้ครั้งแรกโดยไม่ได้ผ่านการลงประชามติเป็นที่ยอมรับของทั้งประเทศ ด้วยในปีนั้นประชาชนในเขตปกครองของรัสเซียและรัฐซาลันด์(Saarland) ไม่ได้รับอนุญาตร่วมออกเสียงเห็นชอบด้วย ต่อมาในวันที่ 1 มกราคม 1957 รัฐซาลันด์กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐเยอรมมนี และภายหลังเมื่อมีการรวมประเทศเยอรมันเป็นหนึ่งเดียวในวันที่ 3 ตุลาคม 1990 จึงถือว่าเป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ(Verfassung)
คณะกรรมการร่างกฎหมายพื้นฐานในปีนั้น เป็นสุภาพสตรี 4 ท่าน (ภายหลังได้รับการเรียกขานว่าเป็น “แม่แห่งกฎหมายพื้นฐาน” หรือ Mütter des Grundgesetzes) เป็นจำนวนสุภาพบุรุษ 61 ท่าน หรือ Väter des Grundgesetzes รวมสมาชิกในสภาทั้งหมดเป็น 65 ท่าน
“แม่แห่งกฎหมายพื้นฐาน” ทั้งสี่ได้แก่ Elisabeth Selbert และ Friederike (Frieda) Nadig (ทั้งสองท่านสังกัดพรรค SPD) Helene Weber (สังกัดพรรค CDU) Helene Wessel (ผู้แทนของพรรค  Zentrumspartei)  ผู้มีบทบาทที่เด่นและต่อสู้อย่างหนัก คือ Elizabeth Selberg ได้ผลักดันเสนอให้ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย และมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง  ที่ได้เขียนบรรจุไว้ในมาตราที่ 3 กล่าวว่า “พลเมืองเพศหญิงเพศชายมีความเท่าเทียมกัน” หรือ "Frauen und Männer sind gleichberechtigt".
เส้นทางเริ่มต้นที่สำคัญ คือหมุดหมายที่พิพิธภัณฑ์เคอนิก (Königsmuseum) กรุงบอนน์ เริ่มจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1948 มีการเปิดรัฐสภา เพื่อทำหน้าที่ร่างกฎหมายพื้นฐาน (Grundgesetz)
เบื้องหลังเรื่องราวการเตรียมสถานที่แห่งนี้ เพราะว่าเป็นอาคารเดียวที่เหลืออยู่ รอดจากการถูกระเบิดทำลายในสงครามโลกครั้งที่สอง จึงใช้เป็นที่ประชุมคณะกรรมการสภาร่างกฎหมาย (Der Parlamentarische Rat) เพื่อร่างกฎหมายพื้นฐานในห้องโถงใหญ่ของพิพิธภัณฑ์บริเวณแสดงเรื่องราวของสัตว์ต่างๆ  มีการขนย้ายบรรดาสัตว์สต๊าฟต่าง ๆ ออกไปเก็บไว้ในที่ซ่อนอยู่หลังผ้าม่านที่อยู่รอบ ๆ บริเวณที่ตั้งโต๊ะนั่งประชุม แต่คงมียีราฟสต๊าฟตัวใหญ่มาก ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายผ่านประตูออกไปได้ ในห้องประชุมจึงมียีราฟสต๊าฟประดับอยู่ด้วย แม้จะมีผ้าคลุมห่อไว้ แต่ไม่สามารถคลุมได้หมดทั้งตัว ยังมีส่วนหัวโผล่ให้เห็น
แม้ว่ากฎหมายพื้นฐานจะมีการเจรจาหารือในขั้นต้นในอาคารสถาบัน Pädagogischen Akademie (ภายหลังใช้อาคารหลังนี้เป็นที่ทำการของสภา Bundesrat) และต่อมาพิพิธภัณฑ์เคอนิกยังเป็นสถานที่สำคัญที่ได้มีส่วนร่วมในที่ก่อตั้งของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่หลายคน ได้ใช้เป็นสำนักงานใหญ่ถาวรในห้องแสดงของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติในช่วงแรก ๆ ของการสถาปนาประชาธิปไตย นายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธ์ฯ Konrad Adenauer ยังใช้เป็นที่ทำงานเป็นเวลาสองเดือนก่อนย้ายไปที่ Palais Schaumburg
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าที่มาของสหพันธ์สาธารณรัฐฯ ที่มีเมืองหลวงเก่าในกรุงบอนน์และพิพิธภัณฑ์เคอนิกมีความเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่น ด้วยเหตุนี้ Jan Böhmermann จึงใช้ห้องประวัติศาสตร์ของศูนย์วิจัยในการถ่ายทำวิดีโอสำหรับเพลงย้อนแย้ง "Recht kommt" เสียดสี และการแย่งชิงอำนาจของศาลและแสดงความเคารพต่อการปฏิบัติหน้าที่ของนักกฎหมายและผู้พิพากษา

สนใจชมเกี่ยวกับวิดีโอ Böhmermann ได้ที่



ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศเยอรมัน โดยสังเขป

เยอรมนี (อังกฤษGermanyเยอรมัน: Deutschland ดอยฺชลันฺท) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (อังกฤษFederal Republic of Germanyเยอรมัน: Bundesrepublik Deutschland) เป็นสหพันธ์สาธารณรัฐแบบรัฐสภาในยุโรปกลาง ประกอบด้วยรัฐ 16 รัฐ มีพื้นที่ 357,021 ตารางกิโลเมตร และมีภูมิอากาศตามฤดูกาลแบบอบอุ่นเป็นส่วนใหญ่ มีประชากรประมาณ 82 ล้านคน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในสหภาพยุโรป ประเทศเยอรมนีเป็นจุดหมายการเข้าเมืองยอดนิยมอันดับสองในโลกรองจากสหรัฐ เมืองหลวงและมหานครใหญ่สุดของประเทศคือ กรุงเบอร์ลิน ขณะที่เขตเมืองขยายใหญ่สุด คือ รัวร์ โดยมีศูนย์กลางหลักดอร์ทมุนท์และเอ็สเซน นครหลักอื่นของประเทศ ได้แก่ ฮัมบวร์ก มิวนิก โคโลญ แฟรงก์เฟิร์ต ชตุทท์การ์ท ดึสเซลดอร์ฟ ไลพ์ซิก เบรเมน เดรสเดน ฮันโนเฟอร์ และเนือร์นแบร์ก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น