ผักผลไม้ที่กินกันทุกวันที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ทำให้สุขภาพดีนั้นมีบางชนิดกลับมีอันตรายอย่างไม่น่าเชื่อ โดยมีสารหรือแร่ธาตุบางชนิดในปริมาณสูงและอาจก่อให้เกิดโทษกับผู้ป่วยโรคเรื้อรังบางโรคได้ ตามข้อมูลของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผักผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคเรื้อรังควรพึงระวัง ได้แก่
- ผู้ป่วยโรคไต ควรหลีกเลี่ยงการกินผักผลไม้ที่มีสารที่มีกรดออกซาลิกปริมาณสูง ซึ่งสามารถจับกับแคลเซียมตกตะกอนเป็นก้อนนิ่วที่ไต ทำให้ผู้ป่วยมักมีอาหารคลื่นไส้ อาเจียร ปวดเอว
ปัสสาวะปริมาณลดลง
- ผู้ป่วยธาลัสซีเมีย
ผู้ป่วยโรคนี้ควรเหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ตับสัตว์
เลือดสัตว์ เครื่องในสัตว์และผลไม้ที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ผักกูด ถั่วฝักยาว
ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกระเพรา ยอดมะกอก ยอดกระถิน
- ผู้ป่วยโรคไทรอยด์
ควรระวังการบริโภคกระหล่ำปลี ทูนิป และเมล็ดพันธุ์ผักกาดชนิดต่าง ๆ เช่น
เมล็ดพันธุ์ผักกาดสีดำ ขาว และน้ำตาล
พืชเหล่านี้มีสารกลูโคซิโนเวท
ซึ่งจะไปขัดขวางการรับไอโอดีนของต่อมไทรอยด์เพื่อเป็นสารตั้งต้นสร้างฮอร์โมนไทรอกซิน จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้โดยการต้ม จึงควรกินกระหล่ำปลีสุกจะดีกว่ากระกล่ำปลีดิบ
- ผู้ป่วยโรคกระเพาะและลำไส้ พริกมีสารที่เรียกว่าแค็ปไซซิน ซึ่งทำให้เกิดความเผ็ดร้อน พบได้ในพริกแทบทุกชนิด
พบมากในส่วนรกและเมล็ด สารดังกล่าวมีสรรพคุณลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ
หากกินในปริมาณมากจะทำให้กระเพาะอักเสบได้และผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งกระเพาะหากกินพริกในปริมาณมากจะทำให้โรคมะเร็งเป็นมากขึ้นได้
จะเห็นว่าผักที่ใช้เป็นอาหาร บางครั้งถ้ากินมากเกินไปหรือใช้ผิดส่วนของพืชก็จะทำให้เกิดพิษได้ ในบางคนอาจจะเกิดการแพ้อาหารได้ เนื่องจากแต่ละคนอาจจะไวต่อสารแพ้ต่างกัน
ฉะนั้น การกินผักผลไม้จะต้องสังเกตว่ามีอาการแพ้หรือไม่และไม่ควรกินผักที่กล่าวมาในปริมาณมากและควรระวังในผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น