วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563

มารยาทการทักทาย


          ใช้ศอกแทนการจูบ ?  ใช้กำปั้นแทนการกอด ?  ตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ Sars-CoV-2 แพร่ระบาด คนเราต้องทักทายกันต่างไปจากเดิม  พร้อมกับการระบาดทั่วโลก มารยาทและพิธีกรรมต้องถูกทดสอบเนื่องจากอันตรายต่อการติดเชื้อ  การจับมือกันพ้นจากความนิยม  แพทย์แนะนำให้ล้างมือบ่อย ๆ และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดทางร่างกาย ขณะนี้ประชาชนค้นหาทางเลือกที่เหมาะสม  เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงทดลองใช้การทักทายแบบอินเดีย (มนัสเต) ซึ่งก็คือเหมือนการไหว้ทักทายแบบไทยนั่นเอง  ส่วนที่อื่นนักการเมืองใช้วิธีวางมือไว้ที่หัวใจหรือก้มหัวทักทายกัน  Imme Gerke นักชีววิทยาด้านพฤติกรรมกล่าวว่ามีรูปแบบการทักทายกันหลากหลายมากมายนับไม่ถ้วน  ซึ่งทำให้การจับมือเป็นเรื่องไม่จำเป็นอีกต่อไป  ที่ไม่เหมาะสำหรับขณะนี้คือ การสัมผัสด้วยหน้าผากหรือจมูกของกลุ่มชนบางกลุ่มและการจูบกันก็ต้องเลิกไปก่อน  ทำให้ในอินเตอร์เน็ตมีวิดีโอที่ผู้คนทักกันด้วยการเตะด้วยเท้าหรือยื่นมือมาในอากาศโดยไม่สัมผัสแตะต้องกันแบบ “อู่ฮั่นเช็ค” หรือ “ฟูตเช็ค”   สำนักงานเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของไบเอิร์นได้ระบุว่าการสวมกอด ในฐานะทางเลือกแทนการจับมือ ขณะนี้ก็ไม่แนะนำ  หน้ากากธรรมดาสามารถป้องกันคนอื่น ๆ ได้ หากคนใดคนหนึ่งป่วย  ซึ่งบางทีในอนาคตมันเป็นมารยาทที่ดี  โดยการสวมหน้ากากหากเป็นหวัด 
ทางเลือกทักทายที่ปรับให้เหมาะสมในช่วงไวรัสระบาดที่ Gerke ชอบที่สุด ได้แก่ การแบมือวางไว้ที่หัวใจ   เธอกล่าวว่าชาวอาหรับจำนวนมากก็ทำกัน  ซึ่งบ่อย ๆ เป็นคำตอบสำหรับการที่บุรษและสตรีไม่ควรสัมผัสแตะต้องกัน  และเธอเห็นว่าขณะนี้มันเป็นการทักทายที่เหมาะที่สุด  โดยเป็นท่าทีที่ดีกว่าการทักทายโดยใช้กำปั้นที่ขณะนี้บริษัทจำนวนมากโฆษณาชักชวนให้ทำ  เมื่อปีที่แล้วอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาก็เคยใช้วิธีนี้ทักทายกับนักการเมืองพรรคเขียวที่ไบเอิร์นมาแล้ว  แม้ว่าโดยตัวของมันเองแล้วการทักด้วยกำปั้นที่เรียกกันว่า “Fist Bump” หรือ “Ghettofaust” จะปลอดเชื้อไวรัสมากกว่าการจับมือกัน  แต่ทำให้แทบไม่สามารถเว้นระยะห่างสองเมตรได้เลย  เช่นเดียวกันกับการทักทายอีโบลาที่ Jens Spahn รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมันได้นำมาใช้แล้ว  นั่นคือ การสัมผัสกันเพียงที่ข้อศอก  Howard Carpendale นักร้องก็ได้ใช้ลักษณะการทักทายแบบนี้ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ ๑๒ มีนาคมที่ผ่านมา  แต่ Gerke กล่าวว่าทั่วโลกมีรูปแบบการทักทายมากมาย  โดยไม่จำเป็นต้องคิดค้นการใช้ด้วยข้อศอก 
เธอยังมีข้อเสนออีกอันหนึ่ง  ที่จนถึงปัจจุบันแทบไม่มีการระบุถึง  แต่ตามคำกล่าวของเธอ เป็นที่เข้าใจกันทั่วโลกไม่ว่าวัฒนธรรมไหน  โดยเธอกล่าวว่ามีรูปแบบการทักทายที่ประชาชนทั้งหมดและลิงคุ้นชินมาตั้งแต่เกิด  ได้แก่ การเลิกคิ้ว  แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็มีปฏิกิริยาแบบนั้นด้วย  แต่เธอเห็นว่าการไม่ทักทายเลยเป็นความคิดที่แย่ที่สุด  เนื่องจาก “การทักทายเป็นเครื่องมือที่ใช้ระงับความก้าวร้าว”
ไม่รู้ละ ขอให้ผู้อ่าน “ชาวไทย” เชิญเลือกรูปแบบการทักทายที่ชื่นชอบตามรสนิยมได้เลย  ส่วนผู้เขียนขอเลือกอยู่บ้านและทักทายกันผ่านจอมือถือ คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ไปก่อนก็แล้วกัน วิธีนี้รับรองปลอดไวรัสแน่ ๆ จร้า เชื่อหัวไอ้เรืองสิเอ้า 555

เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น