ใช้ศอกแทนการจูบ ? ใช้กำปั้นแทนการกอด ? ตั้งแต่เชื้อไวรัสโคโรนาชนิดใหม่ Sars-CoV-2
แพร่ระบาด คนเราต้องทักทายกันต่างไปจากเดิม พร้อมกับการระบาดทั่วโลก
มารยาทและพิธีกรรมต้องถูกทดสอบเนื่องจากอันตรายต่อการติดเชื้อ การจับมือกันพ้นจากความนิยม แพทย์แนะนำให้ล้างมือบ่อย ๆ
และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดทางร่างกาย ขณะนี้ประชาชนค้นหาทางเลือกที่เหมาะสม
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงทดลองใช้การทักทายแบบอินเดีย (มนัสเต) ซึ่งก็คือเหมือนการไหว้ทักทายแบบไทยนั่นเอง
ส่วนที่อื่นนักการเมืองใช้วิธีวางมือไว้ที่หัวใจหรือก้มหัวทักทายกัน Imme Gerke นักชีววิทยาด้านพฤติกรรมกล่าวว่ามีรูปแบบการทักทายกันหลากหลายมากมายนับไม่ถ้วน
ซึ่งทำให้การจับมือเป็นเรื่องไม่จำเป็นอีกต่อไป ที่ไม่เหมาะสำหรับขณะนี้คือ
การสัมผัสด้วยหน้าผากหรือจมูกของกลุ่มชนบางกลุ่มและการจูบกันก็ต้องเลิกไปก่อน ทำให้ในอินเตอร์เน็ตมีวิดีโอที่ผู้คนทักกันด้วยการเตะด้วยเท้าหรือยื่นมือมาในอากาศโดยไม่สัมผัสแตะต้องกันแบบ
“อู่ฮั่นเช็ค” หรือ “ฟูตเช็ค”
สำนักงานเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยด้านอาหารของไบเอิร์นได้ระบุว่าการสวมกอด
ในฐานะทางเลือกแทนการจับมือ ขณะนี้ก็ไม่แนะนำ
หน้ากากธรรมดาสามารถป้องกันคนอื่น ๆ ได้ หากคนใดคนหนึ่งป่วย ซึ่งบางทีในอนาคตมันเป็นมารยาทที่ดี โดยการสวมหน้ากากหากเป็นหวัด
ทางเลือกทักทายที่ปรับให้เหมาะสมในช่วงไวรัสระบาดที่
Gerke
ชอบที่สุด ได้แก่ การแบมือวางไว้ที่หัวใจ เธอกล่าวว่าชาวอาหรับจำนวนมากก็ทำกัน ซึ่งบ่อย ๆ
เป็นคำตอบสำหรับการที่บุรษและสตรีไม่ควรสัมผัสแตะต้องกัน และเธอเห็นว่าขณะนี้มันเป็นการทักทายที่เหมาะที่สุด
โดยเป็นท่าทีที่ดีกว่าการทักทายโดยใช้กำปั้นที่ขณะนี้บริษัทจำนวนมากโฆษณาชักชวนให้ทำ เมื่อปีที่แล้วอดีตประธานาธิบดีบารัค
โอบามาก็เคยใช้วิธีนี้ทักทายกับนักการเมืองพรรคเขียวที่ไบเอิร์นมาแล้ว แม้ว่าโดยตัวของมันเองแล้วการทักด้วยกำปั้นที่เรียกกันว่า
“Fist Bump” หรือ “Ghettofaust”
จะปลอดเชื้อไวรัสมากกว่าการจับมือกัน
แต่ทำให้แทบไม่สามารถเว้นระยะห่างสองเมตรได้เลย เช่นเดียวกันกับการทักทายอีโบลาที่ Jens
Spahn รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมันได้นำมาใช้แล้ว นั่นคือ การสัมผัสกันเพียงที่ข้อศอก Howard Carpendale นักร้องก็ได้ใช้ลักษณะการทักทายแบบนี้ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่
๑๒ มีนาคมที่ผ่านมา แต่ Gerke กล่าวว่าทั่วโลกมีรูปแบบการทักทายมากมาย
โดยไม่จำเป็นต้องคิดค้นการใช้ด้วยข้อศอก
เธอยังมีข้อเสนออีกอันหนึ่ง ที่จนถึงปัจจุบันแทบไม่มีการระบุถึง แต่ตามคำกล่าวของเธอ
เป็นที่เข้าใจกันทั่วโลกไม่ว่าวัฒนธรรมไหน
โดยเธอกล่าวว่ามีรูปแบบการทักทายที่ประชาชนทั้งหมดและลิงคุ้นชินมาตั้งแต่เกิด ได้แก่ การเลิกคิ้ว แม้แต่เด็กเล็ก ๆ
ก็มีปฏิกิริยาแบบนั้นด้วย แต่เธอเห็นว่าการไม่ทักทายเลยเป็นความคิดที่แย่ที่สุด เนื่องจาก
“การทักทายเป็นเครื่องมือที่ใช้ระงับความก้าวร้าว”
ไม่รู้ละ
ขอให้ผู้อ่าน “ชาวไทย” เชิญเลือกรูปแบบการทักทายที่ชื่นชอบตามรสนิยมได้เลย
ส่วนผู้เขียนขอเลือกอยู่บ้านและทักทายกันผ่านจอมือถือ
คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ไปก่อนก็แล้วกัน วิธีนี้รับรองปลอดไวรัสแน่ ๆ จร้า
เชื่อหัวไอ้เรืองสิเอ้า 555
เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น