วันพุธที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560

เด็กบ้านแตก

        จะคงเป็นผู้ปกครองที่ดีได้อย่างไรหากความสัมพันธ์ขาดสะบั้นลง  ในรูปแบบสลับสับเปลี่ยนกัน (Wechselmodel) บุตรจากการหย่าร้างไม่ต้องตัดสินใจระหว่างมารดาและบิดา  เนื่องจากทั้งคู่แบ่งกันดูแลลูกคนละครึ่ง  แต่รูปแบบนี้จะได้ผลหรือหากได้รับการออกคำสั่งโดยศาล?  การตัดสินของศาลสหพันธ์ (BGH) สร้างคำถาม  ตามปกติหลังการแยกทางกัน  เด็กจะใช้ชีวิตอยู่กับผู้ปกครองคนใดคนหนึ่ง  ตามข้อมูลจากสมาคมมารดาและบิดาเลี้ยงเดี่ยว (VAMV) ใน ๙ จาก ๑๐ กรณีใช้ชีวิตอยู่กับมารดา  การมาเยี่ยมของบิดาบ่อย ๆ มีการตกลงกันเป็นจังหวะแน่นอน เช่น ทุก ๆ ๒ สัปดาห์  ซึ่งเรียกกันว่า “รูปแบบพำนักอาศัย” (Residenzmodel)  ตรงกันข้าม ในครอบครัวที่หย่าร้างทุก ๆ ๒๐ ครอบครัวอดีตคู่ครองแบ่งกันดูแลลูกเท่า ๆ กันตามรูปแบบสลับสับเปลี่ยน  ซึ่งอาจเป็นว่าลูกใช้ชีวิตอยู่ในโวนุงแห่งหนึ่งและมารดาบิดาผลัดกันเข้าไปอยู่ด้วย (รูปแบบรวงรัง-Nestmodel) แต่ที่บ่อยกว่าคือบุตรเดินทางไปมาระหว่างมารดาและบิดา  ในทางปฏิบัติผู้ปกครองเผชิญกับการท้าท้ายที่จะสร้างความรู้สึกว่าอยู่บ้านในที่สองแห่ง  ซึ่งส่งผลต่อการเงิน เพราะเด็กต้องการห้องนอนหรือมุมเล่น เครื่องเรือนและเครื่องแต่งกาย อนุบาลหรือโรงเรียน ชมรมฟุตบอลและการเรียนดนตรีต้องไปถึงได้จากทั้งสองบ้าน  ในคำถามประจำวันจำนวนมากจำเป็นต้องมีการออกเสียงกัน ต้องทำการบ้านอะไรบ้าง ?  ต้องเตรียมตัวสอบวิชาอะไร ? มีนัดกับแพทย์หรือเปล่า ?   Miriam Hoheisel ผู้จัดการ VAMV กล่าวว่าผู้ปกครองต้องสามารถสื่อสารและร่วมมือกันได้ดี  กระนั้นก็ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะรับได้ดีกับการเดินทางไปมา  หากอดีตคู่ครองไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้ว่าในอนาคตจะใช้เวลาอยู่กับลูกได้นานเท่าใด  โดยมากศาลต้องเป็นผู้ตัดสิน  ในกรณีนี้ที่ไบเอิร์น แรกทีเดียวผู้ปกครองได้ตกลงกันว่าให้บุตรชายที่ขณะนี้มีวัย ๑๓ ปีใช้ชีวิตอยู่กับมารดา และบิดามาเยี่ยมทุก ๆ ๒ สัปดาห์ช่วงสุดสัปดาห์  บิดาไม่ยอมรับแค่นั้นและพยายามเอาชนะให้บุตรชายมาอยู่ด้วยทั้งสัปดาห์ทุก ๆ วันจันทร์ที่สองหลังโรงเรียนเลิก  ในการพิจารณาชั้นแรกและชั้นที่สองเขาพ่ายแพ้ ดังนั้น เขาจึงอุทธรณ์ต่อศาลสหพันธ์ที่ Karlsruhe  กรณีนี้ต้องมีการพิจารณาที่ Nürnberg อีกครั้งหนึ่ง  เนื่องจากศาลสูงของแคว้นที่ Stuttgart ไม่ได้สอบถามบุตรชาย  ซึ่งตามความเห็นของผู้พิพากษา BGH เป็นเงื่อนไขที่ขาดไม่ได้  เนื่องจากแม้ว่าสิ่งที่ผู้ปกครองต้องการจะมีบทบาท  แต่มาตรฐานที่เป็นตัวตัดสินสำหรับการออกกฎเกณฑ์ปฏิบัติ ได้แก่ ความสุขของเด็ก  และในบางกรณี (ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่ในการตัดสิน) สามารถนำไปสู่การที่ศาลสามารถตัดสินให้ใช้รูปแบบสลับสับเปลี่ยน  แม้ว่าอดีตคู่ครองจะต่อต้านก็ตาม  อย่างไรก็ดี Hoheisel นึกภาพไม่ออกว่าผู้ปกครองที่ตกลงกันไม่ได้ในคำถามพื้นฐานจะร่วมมือกันเพื่อให้สามารถจัดการกับรูปแบบที่ยุ่งยากในการนำมาปฏิบัติได้อย่างไร  ตามประสบการณ์ของเธอ สำหรับลูกไม่ได้ตัดสินว่าใช้เวลากับผู้ปกครองทั้งสองนานเท่าใด ที่สำคัญกว่ามาก ได้แก่ มีเวลาที่มีคุณภาพกับทั้งสองคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น