เหมือนทั้งโลกพุ่งความสนใจมาอยู่ที่เบอร์ลินในวันเลือกตั้งเมื่อวันที่
๒๔ กันยายนที่ผ่านมา ประชาชนจาก ๑๓๗
ประเทศวิ่งผ่านเมืองหลวง
สำนักนายกรัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรไปจนถึงสัญลักษณ์ของเมือง ที่ประตู Brandenburger
Tor นักกีฬามาถึงเส้นชัย
สภาพอากาศตอนเช้าหม่นมัว แต่อารมณ์ชื่นบาน
การแข่งขันวิ่งมาราธอนได้รับการถ่ายทอดไปทั่วโลกและภายหลังผลการเลือกตั้งทั่วไป ซึ่งก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนในช่วงเย็น แนวโน้มประเทศเยอรมันขยับไปทางขวา สหพันธ์สาธารณรัฐจะเปลี่ยนแปลงไป เป็นครั้งแรกนับเป็นเวลากว่า ๖๐
ปีที่พรรคเอียงขวา Alternative für Deutschland (AfD) ได้เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเยอรมัน สำหรับพรรค CDU/CSU
พร้อมกับหัวหน้ารัฐบาลที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในยุโรปนับว่าได้รับผลคะแนนเสียงที่ย่ำแย่ที่สุดในช่วงระยะเวลาการเป็นนายก
ฯ ของ Angela Merkel พรรคร่วมรัฐบาลผสม SPD
ตกต่ำ
บุคลากรของพรรคจะเปลี่ยนแปลงไป Martin
Schulz ตัวแทนลงชิงชัยตำแหน่งนายก ฯ ของพรรคประกาศการเข้าสู่การเป็นฝ่ายค้าน ทำให้พรรคสังคมนิยมที่ได้รับความเสียหายปิดทางเลือกที่ไม่ให้พรรค
AfD ซึ่งได้รับเลือกมากที่สุดเป็นอันดับสามได้เป็นหัวหน้าฝ่ายค้าน พรรค FDP
หวนกลับคืนสู่รัฐสภาอย่างน่าประทับใจหลังความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี
๒๐๑๓
พรรคซ้ายและพรรคเขียวยังคงที่เหมือนเดิม
แต่ประเทศเยอรมันซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่ได้รับความเชื่อถือจากบรัสเซลส์
วอชิงตัน มอสโคว์ ปารีสทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองจะยังคงมีเสถียรภาพเท่าใด ?
ความเป็นไปได้เพียงประการเดียวในการจับมือจัดรัฐบาลผสม
ได้แก่ การผสมสีธงชาติจาไมกาจาก พรรค CDU/CSU,
FDP และพรรคเขียว
ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในระดับสหพันธ์
และการทดสอบที่แคว้นชเลสวิก-โฮลสไตน์นับแต่ฤดูร้อนปีนี้ก็สั้นและยากที่จะเปรียบเทียบกับในระดับสหพันธ์ หลังการคำนวณผลล่วงหน้าผู้ประท้วงได้รวมตัวกันต่อต้านฝ่ายขวาที่กลางกรุงเบอร์ลิน โดยประท้วงการเหยียดผิวและน้ำเสียงของพรรค AfD แมร์เคลปรากฎตัวที่ศูนย์กลางพรรคและได้รับการไชโยโห่ร้องเหมือนกับว่าได้รับคะแนนเสียง
๔๐% แมร์เคลให้คำมั่นว่า
CDU/CSU
ประสงค์จะชนะใจผู้เลือกพรรค
AfD กลับคืนผ่านนโยบายที่ดี
การแก้ไขปัญหาและการใส่ใจต่อความวิตกกังวล
แม้ว่าเธอจะยอมรับว่านางคาดผลคะแนนเสียงที่ดีกว่านี้ แต่หลังการรับผิดชอบเป็นรัฐบาลมาถึง ๑๒
ปีไม่ใช่เรื่องธรรมดาอยู่เองที่ CDU/CSU จะบรรลุเป้าหมายทางกลยุทธ์
นั่นคือพรรคได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง ได้รับมอบหมายให้เป็นรัฐบาล และไม่มีใครก่อตั้งรัฐบาลได้หากไม่มี CDU/CSU อย่างไรก็ดี
จำนวนมากเห็นว่าแมร์เคลต้องรับผิดชอบต่อการสูญเสียคะแนนอย่างหนักของ CDU/CSU ผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ผู้หนึ่งได้เสนอสถิติที่แสดงว่าผู้ที่ก่อนหน้านี้ไม่ไปเลือกตั้ง
๑.๒ ล้านคนขณะนี้ได้เทใจลงคะแนนเสียงให้ AfD
และผู้ที่ก่อนหน้านี้เคยลงคะแนนเสียงให้
CDU/CSU
ซึ่งนับเป็นบาดแผลลึก ในแวดวง CDU/CSU
เห็นว่านายก
ฯ แมร์เคลก่อให้เกิดความแตกแยกในประเทศจากนโยบายผู้ลี้ภัยในปี ๒๐๑๕ ของเธอ และทำให้พรรคประชานิยมขวาจัดได้รับแรงขับเคลื่อน Horst
Seehofer หัวหน้าพรรค CSU
ได้พยายามดึงผู้ถือหาง
AfD มายัง CDU/CSU
ด้วยการต่อต้านแมร์เคลอย่างหนัก
โดยการกดดันแมร์เคล ขู่จะฟ้องร้องศาลรัฐธรรมนูญและเรียกร้องพรมแดนสูงสุดของผู้ลี้ภัยจำนวน
๒๐๐,๐๐๐ คนต่อปี
ซึ่งคงแทบไม่สามารถหยุดยั้งเขาไม่ให้นำมาเป็นเงื่อนไขการเจรจาต่อรองตั้งรัฐบาลผสมได้ เนื่องจากแมร์เคลไม่ต้องการ
รวมทั้งพรรคเขียวด้วย
ซึ่งจะเป็นปัญหาของพันธมิตรสีธงชาติจาไมกาที่ขณะนี้ดูเหมือนว่าเป็นความเป็นไปได้หนึ่งเดียว การเจรจาต่อรองต้องหนักหน่วงมาก Seehofer ได้กล่าวในเย็นวันที่
๒๔ กันยายนที่ผ่านมาถึง “ความผิดหวังอย่างหนัก”
ในปี ๒๐๑๘
จะมีการเลือกตั้งที่แคว้นไบเอิร์น
ขณะนี้ประเทศเยอรมันเผชิญกับสิ่งที่เป็นเรื่องปกตินานแล้วในประเทศเพื่อนบ้าน
เพียงแต่ว่าประเทศเยอรมันมีอดีตที่เลวร้ายกับนาซี ดังนั้น การเลือกตั้งที่ได้ผลเช่นนี้ จึงได้รับการเพ่งเล็งจากทั่วโลก ขณะนี้มีความหวาดกลัวว่า AfD
จะเลือกวาจาที่เป็นพิษกับบรรยากาศในประเทศและเป็นหนทางยาวไกลสำหรับพรรคการเมืองต่าง
ๆ ที่จะได้ใจผู้ถือหาง AfD กลับคืนมา
ผลการเลือกตั้ง CDU/CSU
๓๓.๐% (-๘.๖) SPD ๒๐.๕%
(๕.๒) พรรคซ้าย ๙.๒% (+๐.๖)
พรรคเขียว ๘.๙% (+๐.๕) FDP
๑๐.๗% (+๖) AfD ๑๒.๖% (+๗.๙) ผู้ไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
๗๖.๕% (ปี ๒๐๑๓ มีจำนวน ๗๑.๕%)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น