หลังการโต้คารมทางโทรทัศน์ระหว่างนายก ฯ Angela
Merkel กับ Martin
Schulz ผู้ท้าชิง CDU/CSU
และ SPD เข้าสู่ช่วงสุดท้ายของศึกหาเสียงเลือกตั้งด้วยความกระฉับกระเฉง
ทั้งสองฝ่ายต่างประกาศชัยชนะในการปะทะคารมเป็นเวลา ๙๐ นาทีเมื่อเย็นวันที่
๒ กันยายนที่ผ่านมา
แต่ในการสอบถามแมร์เคลมีคะแนนนำหน้า
ผู้ชมราว ๑๖.๒๓ ล้านคนได้ติดตามการโต้คารมทางโทรทัศน์ หรือคิดเป็นสัดส่วนการตลาด ๔๖.๑% ทำให้การโต้คารมเป็นรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดจนถึงปัจจุบันของปีนี้ ในรายการ “Fünfkampf”
ของพรรคการเมืองขนาดเล็กกว่า ๕ พรรคทางสถานีโทรทัศน์ ARD
เมื่อเย็นวันที่
๓ กันยายนที่ผ่านมามีการปะทะคารมกันหนักหน่วงในนโยบายผู้ลี้ภัย Sahra Wagenknecht ผู้สมัครแข่งขันจากพรรคซ้ายได้ต่อต้านการส่งประชาชนในประเทศเยอรมันที่ปรับตัวได้ดีมาหลายปีแล้วออกนอกประเทศ เธอปฏิเสธการส่งตัวกลับไปยังประเทศอัฟกานิสถานด้วย ในขณะที่
Christian Lindner หัวหน้าพรรค FDF
กล่าวว่าผู้ที่ไม่มีสิทธิพำนักอาศัยต้องกลับไปเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ Joachim Herrmann รัฐมนตรีมหาดไทยแคว้นไบเอิร์นจากพรรค
CSU ชี้แจงว่าพรรคของเขาไม่เห็นว่าสมเหตุสมผลที่จะอนุญาตให้ครอบครัวตามมาได้
(ที่ขณะนี้ถูกยกเลิกชั่วคราว) อีกครั้งหนึ่ง
ตรงกันข้าม Cem Oezdemir ผู้สมัครแข่งขันจากพรรคเขียวได้บ่งชี้ว่าการอนุญาตให้ครอบครัวตามมาได้ทำให้การปรับตัวง่ายขึ้นด้วย
ทั้งนี้
ผู้ชมกว่า ๑๖ ล้านคนได้ติดตามการโต้คารมทางโทรทัศน์ของนายก ฯ และผู้ท้าชิงก่อนหน้าการเลือกตั้งทั่วไป ขณะเดียวกันประชาชนเกือบ ๒๐,๕๐๐
คนได้ให้คะแนนผู้สมัครแข่งขันสดด้วยเครื่องวัด Debat-O-Meter
ของมหาวิทยาลัย
Freiburg นักวิชาการได้แสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับขนาดของข้อมูลที่รวบรวมได้และกล่าวถึง
“การลงมติในช่วงเวลาจริงครั้งใหญ่ที่สุด”
ในการวิจัยความคิดเห็นเท่าที่เคยมีมาในการปะทะคารมทางโทรทัศน์ โดยผู้เข้าร่วมเห็นว่าผู้ลี้ภัย-การขอลี้ภัย
(๒๔.๓%) เป็นปัญหาหลักในประเทศเยอรมัน
ก่อนหน้าความปลอดภัยภายใน (๒๐.๖) และความยุติธรรมทางสังคม (๑๗.๓) หัวข้อเกษียณบำนาญ (๑๑.๔) และการศึกษา (๗.๓) สูญเสียความหมาย ผู้พัฒนา Debat-O-Meter
ยังสรุปว่าการโต้คารมทางโทรทัศน์ช่วยผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งให้ตัดสินใจได้
เนื่องจากสัดส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ตกลงใจลดน้อยอย่างชัดเจนจาก ๒๓.๕%
ก่อนการปะทะคารมเหลือเพียง
๑๔.๔% ของผู้ถูกสอบถามที่ยังรู้สึกไม่มั่นใจหลังการถ่ายทอดสด โดยนายก ฯ
ได้รับคะแนนจากสตรีและผู้สูงอายุ
ชูลซ์สร้างความเชื่อมั่นมากกว่าในบุรุษและผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งอายุน้อย ต่อคำถามที่ว่าจะเลือกผู้ใดโดยตรง นายก ฯ
ได้รับคะแนนนำหน้าด้วยคะแนนเสียง ๔๖.๕% ชูลซ์ ๓๙.๒% ในการสอบถาม ผู้เข้าร่วมเห็นว่าแมร์เคล
(๐.๔๐) น่าเชื่อถือมากกว่าชูลซ์ (๐.๓๕) เล็กน้อย
นายก ฯ สามารถทิ้งห่างคู่แข่งขันอย่างชัดเจนในคำถามเกี่ยวกับสมรรถภาพ โดย นางแมร์เคลได้รับคะแนน ๐.๕๗ ชูลซ์ ๐.๒๖ อย่างไรก็ดี
ยังมีเวลาอีกสามสัปดาห์จนกว่าจะถึงการเลือกตั้งในวันที่ ๒๔ กันยายน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น