ในระหว่างศึกหาเสียงเลือกตั้งเยอรมันจะได้ยินบ่อย ๆ
ว่าเป็นการหาเสียงที่น่าเบื่อ
ซึ่งไม่เป็นความจริง ไม่น่าเบื่อหากสองพรรคการเมืองที่ร่วมกันปกครองประเทศเป็นเวลา
๔ ปี ขณะนี้เน้นย้ำถึงความแตกต่างหลายประการ ไม่น่าเบื่อหากมีความเป็นไปได้ของการจับมือผสมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนับแต่ปี
๑๙๔๙ ไม่น่าเบื่อหากพรรคชาตินิยมขวาสามารถคาดหวังผลได้ว่าจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรสมัยหน้า
ไม่น่าเบื่อที่จะเปรียบเทียบนโยบายเกี่ยวกับคำถามทางการเมืองที่สำคัญ ๆ ได้แก่
การศึกษา และระบบภาษี การเกษียณบำนาญ และการประกันสุขภาพ
ความต่อเนื่องหรือการเปลี่ยนแปลง
การเมืองกลายเป็นเรื่องอุดมคติและแตกแยกกันอีกครั้งหนึ่ง ศึกหาเสียงเลือกตั้งไม่เพียงในภาคตะวันออกที่เข้มข้นหนักหน่วงขึ้นกว่าในปีก่อน
ๆ อย่างชัดเจน มีการตะโกนคำว่า
“ผู้ทรยศต่อราษฎร” หรือ “ผู้กระตุ้นสงคราม”
โดยเฉพาะยามที่นายก ฯ Angela Merkel ปรากฎตัว
หลายต่อหลายครั้งพลเมืองที่โกรธเคืองบางคนถึงกับอยากให้เธอเข้าคุก
ภายใต้กลุ่มผู้ประท้วงเหล่านี้การเห็นด้วยกับความรุนแรงไปจนถึงความคิดที่พร้อมที่จะใช้กำลังด้วยตนเองแพร่ระบาดกว้างขวาง การสำรวจความคิดเห็นมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยมาหลายสัปดาห์แล้ว
ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าน่าเบื่อ
แต่ขณะเดียวกันผลการศึกษาจากการสอบถามของสถาบันที่เชื่อถือได้ก็สร้างความตื่นเต้น
เนื่องจากมีพรรคการเมืองถึงสี่พรรคที่มีโอกาสจะเป็นพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอันดับสามในสภาผู้แทนราษฎรเยอรมันสมัยที่
๑๙
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวนเท่าใดที่ยังตัดสินใจไม่ได้จริง
ๆ ในวันใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง
แม้จะมีการสำรวจความคิดเห็นต่าง ๆ ก็ตาม
การแสดงออกแบบสบาย ๆ ของนาง Merkel ผู้รักษาตำแหน่ง
และความก้าวร้าวเป็นพิเศษของผู้ท้าชิง Martin Schulz ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และความเบื่อหน่าย แต่ทั้งสองคนไม่มีทางเลือกอื่นมากนัก นอกเหนือจากการแสดงออกดังกล่าว
นางแมร์เคลในฐานะผู้กำกับทิศทางที่สุขุมในช่วงเวลาของวิกฤตและความไม่สงบทั่วโลก
เขาในฐานะบุรุษแห่งการเปลี่ยนแปลง
ผู้ประสงค์จะสร้างบริบทใหม่ในนโยบายภายในและสังคม ความต่อเนื่องหรือการเปลี่ยนแปลงเป็นทางเลือกสองข้อสำหรับผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งในการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่
๒๔ กันยายน
ในเรื่องพื้นฐาน
โดยเฉพาะในนโยบายต่างประเทศ
แมร์เคลและชูลซ์มีความเห็นพ้องกันมากกว่าที่ผู้หาเสียงเลือกตั้งอยากให้เป็น พรรคการเมืองของทั้งคู่เห็นพ้องกันในหลักการประชาธิปไตยและยึดหลักการทางจริยธรรม
และตามกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นส่วนใหญ่
การลงคะแนนเสียง
ในการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรระดับแคว้นของปีนี้และปีที่ผ่านมา
จำนวนผู้ไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งเพิ่มขึ้น
ผู้สังเกตการระดับผู้เชี่ยวชาญจากแวดวงการเมืองและวิชาการเชื่อว่าในวันที่
๒๔ กันยายนชาวเยอรมันจะเดินทางไปใช้สิทธิมากกว่าในการเลือกตั้งเมื่อสี่ปีที่แล้ว
ในปี ๒๐๑๓ มีผู้ไปใช้สิทธิ ๗๑.๕% และในปี ๒๐๑๗ มีผู้ไปใช้สิทธิ
๗๖.๕% ดังนั้นในครั้งนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นการแสดงความเบื่อหน่าย ประชาธิปไตยของสหพันธ์สาธารณรัฐในช่วงเวลา ๖๘
ปีบ่งชี้ถึงเสถียรภาพ พหุนิยม เปิดกว้าง เปลี่ยนแปลงได้ และเป็นมิตรเป็นส่วนใหญ่ เพียงหนึ่งครั้งในสี่ปีจึงเรียกร้องการสนับสนุนเป็นพิเศษที่เสียเวลาเพียงเล็กน้อยจากพลเมือง
นั่นคือต้องมีการเลือกตั้ง
ประชาธิปไตยไม่ได้จำกัดเพียงในสถาบันและการเมือง แต่ยืนยงอยู่ได้ด้วยสังคมมนุษย์ ผู้ที่ไม่ไปเลือกตั้งถือเป็นผู้ที่คว่ำบาตรประชาธิปไตย
กฎหมายการเลือกตั้งทั่วไปกำหนดว่ามีที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร
๕๙๘ ที่นั่ง
แต่ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากหวั่นเกรงว่าจะมีจำนวนมากกว่านี้มาก เนื่องจากส.ส.
แบบแถม (Überhang) และการปรับตัวเลข (Ausgleich)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น