ตามข้อมูลของ Stefan
Willich นักไวรัสวิทยาจากโรงพยาบาลชาริเท (Charité)
เบอร์ลินที่ได้กล่าวในรายการทอล์คโชว์ “Maischberger“
เมื่อวันที่ ๑ เมษายนที่ผ่านมา
ตามการวิจัยโคโรนา สำหรับประเทศเยอรมัน ๒ ใน ๓ ของกรณีเสียชีวิตผู้ป่วยมีวัยสูงกว่า
๘๐ ปี ๓๐% มีวัยระหว่าง ๖๐-๘๐ ปี และ ๕%
ต่ำกว่า ๖๐ ปี ทำให้รู้ว่าสำหรับประชากรส่วนใหญ่
ไวรัสชนิดใหม่นี้ไม่เป็นอันตราย
ตัวอย่างเช่น เด็กและเยาวชน ซึ่งในประเทศเยอรมันไม่มีกรณีเสียชีวิตในกลุ่มนี้สักกรณีเดียว
เช่นเดียวกับในประเทศอิตาลี ในระดับนานาชาติเขาก็เห็นแนวโน้มที่เบาใจมาก
ได้แก่ กลุ่มผู้ติดเชื้อในประเทศเยอรมัน อิตาลี สเปน และฝรั่งเศสคงที่ ในประเทศเหล่านี้มีการห้ามออกนอกบ้านอย่างเคร่งครัด แต่น่าสนใจที่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ (ธุรกิจห้างร้านยังเปิดอยู่)
และที่สวีเดน (โรงเรียนยังเปิดอยู่) ด้วย
ซึ่งหมายความว่ามาตรการที่เข้มงวดนี้ไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่เป็นตัวตัดสิน หากแต่มาตรการปกป้องส่วนบุคคล ได้แก่
การล้างมือ การไอใส่ข้อพับแขน และการรักษาระยะห่าง มาตรการป้องกันเหล่านี้ยังต้องทำต่อไป แม้หลังการยุติการปิดตัวและการห้ามการติดต่อสัมพันธ์กัน สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงแทนการจำกัดการออกนอกบ้าน มันสำคัญกว่ามากและส่งผลดีกว่า
ตามข้อมูลของสถาบันโรแบร์ต-คอค (RKI) ผู้ป่วยโควิด-๑๙ เฉลี่ยมีอายุ ๔๘ ปี
๕๑% เป็นบุรุษ ๔๙% เป็นสตรี ตามข้อมูลทางคลินิกราว ๕๘,๐๐๐ กรณีที่สถาบัน ฯ
มี อาการที่พบบ่อยที่สุด คือ ไอ (๕๓%) และไข้ (๔๒%) Lothar Wieler ประธาน RKI กล่าวว่า ๑,๒๕๐ กรณีมีการพัฒนาเป็นปอดติดเชื้อ ล่าสุดอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ ๑.๒% ในวันที่ ๓๑ มีนาคมที่ผ่านมา อัตรายังอยู่ที่
๐.๘%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น