ไข้หวัดเป็นโรคติดเชื้อที่สามารถเกิดกับทุกคน แต่เป็นโรคที่เป็นเองหายเอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดเป็นพิเศษ
อาจใช้ยาพาราเซตามอลลดไข้แก้ปวดเฉพาะเมื่อมีไข้สูงหรือปวดศีรษะ ข้อผิดพลาด คือ มีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อเกินจำเป็น ซึ่งไม่เพียงไม่ให้ประโยชน์
เนื่องจากมันไม่ได้มีส่วนฆ่าเชื้อไวรัสหวัดที่เป็นสาเหตุแล้ว
ยังอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาง่าย แพ้ยาง่ายและทำให้ร่างกายอ่อนแอตามมาได้ ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหวัด ซึ่งมีอยู่มากกว่า
๒๐๐ ชนิดจากกลุ่มไวรัส ๘ กลุ่มด้วยกัน
การเกิดโรคแต่ละครั้งจะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดเพียงชนิดเดียว
เมื่อเป็นแล้วร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสหวัดชนิดนั้น
ในการเป็นไข้หวัดครั้งใหม่ก็จะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดชนิดใหม่ที่ร่างกายยังไม่เคยติดมาก่อน หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ ดังนั้น คนเราจึงเป็นไข้หวัดได้บ่อย
เชื้อหวัดมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการสูดหายใจผ่านละอองเสมหะ
ผู้ป่วยไอหรือจามรดภายในระยะไม่เกิน ๑ เมตร
นอกจากนั้นยังอาจติดต่อโดยการสัมผัส
ระยะฟักตัวของโรค คือ ๑-๓ วัน
โดยทั่วไปมักมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพัก ๆ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
อาจมีอาการคอแห้ง แสบคอหรืออาการเจ็บคอนำมาก่อน
ต่อมาจะมีน้ำมูกไหล ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะ อาการมักเป็นอยู่นาน ๔๘-๙๖ ชั่วโมง (๒-๔
วันเต็ม) แล้วก็ทุเลาไปได้เอง อาการน้ำมูกไหลจะเป็นมากแค่ ๒-๓ วัน
ส่วนอาการไออาจนานเป็นสัปดาห์หรือบางรายอาจไอเป็นแรมเดือนหลังจากอาการอื่น
ๆ หายดีแล้ว
เนื่องจากไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส
จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ
เพียงแต่ให้รักษาไปตามอาการเท่านั้น
ได้แก่
๑. พักผ่อนมาก ๆ
ห้ามตรากตรำทำงานหนักหรือออกกำลังกายมากเกินไป
๒. สวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น
อย่าถูกฝนหรือถูกอากาศเย็นจัดและอย่าอาบน้ำเย็น
๓. ดื่มน้ำมาก ๆ
เพื่อช่วยลดไข้และทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง
๔. ควรกินอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน
น้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ
๕. ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรใช้น้ำธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง)
เช็ดตัวเวลามีไข้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น