วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561

ไม่ค่อยอ่านหนังสือ


          ชีวิตประจำวันผ่านพ้นไปเร็วขึ้นทุกที ขณะเดียวกันข้อเสนอด้านสื่อใหม่ ๆ เช่นอินเตอร์เน็ตก็ทำให้แต่ละคนสิ้นเปลืองเวลามากขึ้นทุกที ผลคือ มนุษย์ทุกวันนี้อ่านหนังสือน้อยลง ทำให้ไม่ซื้อหนังสือ  พัฒนาการนี้ทำให้แวดวงหนังสือตกอยู่ในภาวะวิกฤติ ในปีที่ผ่านมามีการซื้อขายน้อยลง ๑.๖%
ตามการเปิดเผยของสมาคมหุ้นของการค้าหนังสือเยอรมันที่แฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายนที่ผ่านมา  ธุรกิจหนังสือเยอรมันสูญเสียลูกค้า ๖.๔ ล้านคนหรือ ๑๘% ของลูกค้าในตลาดสาธารณะ (ไม่รวมหนังสือเรียนและหนังสือวิชาการ) ระหว่างปี ๒๐๑๓-๒๐๑๗ ในทุกรุ่นวัย แต่ที่หดหายหนักที่สุด ได้แก่ กลุ่มอายุจาก ๒๐-๕๐ ปี  แม้ว่าจำนวนที่น่าตกใจเกี่ยวกับการหดหายของผู้ซื้อจะได้รับการเปิดเผยตั้งแต่ต้นปี  แต่ขณะนี้ธุรกิจหนังสือได้ทำการวิจัยหาต้นเหตุเป็นครั้งแรก โดยการสอบถามผู้บริโภคแบบครอบคลุมและพัฒนากลยุทธ์ในเวลาเดียวกัน 
ผลการศึกษาที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ ๗ มิถุนายนที่ผ่านมา หนังชุดใหม่ ๆ ที่เป็นที่ชื่นชอบ เช่น ใน Netflix กลายเป็นคู่แข่งใหญ่ของหนังสือ สามารถดูร่วมกับผู้อื่นและเปิดโอกาสให้ผ่อนคลายและพูดคุยกับผู้อื่นในวันรุ่งขึ้น  หน้าที่นี้สมัยก่อนเคยเป็นของหนังสือ  แต่การศึกษาพบว่าทุกวันนี้หนังสือ “ไม่เป็นหัวข้อสนทนาสำคัญ” อีกต่อไป ซึ่งในทางตรงข้ามทำให้มนุษย์ยากเข้าถึงหนังสือ และทำให้ผู้ไม่อ่านหนังสือกลายเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป 
นอกจากนั้น มีการระบุต่อไปว่าคนเรายังขาดทิศทางในตลาดหนังสือที่มีหัวเรื่องปีละมากกว่า ๗๐,๐๐๐ เรื่อง  Alexander Skipis ผู้จัดการหลักของสมาคมหุ้นกล่าวว่าเพื่อให้สามารถดึงผู้เลิกอ่านหนังสือให้กลับคืนมา หนังสือต้องไปหาผู้บริโภค  ความคิดแรกคือหนังสือสามารถถูกนำไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครคาดหมาย เช่น สโมสรออกกำลังกาย ในทางกลับกันร้านหนังสืออาจจัดสโมสรชายทะเล  ข้อเสนอที่น่าสนใจก็ได้แก่ จัดจุดอ่านหนังสือพิเศษในที่สาธารณะ ตัวอย่างเช่น สวนสาธารณะ หรือจัดงาน เช่น Speed-Dating ในหัวข้อหนังสือ  การอ่านหนังสือควรเป็น “ประสบการณ์ด้านอารมณ์ความรู้สึก” อีกครั้งหนึ่ง  วงการหนังสือรู้สึกดีที่ตามการศึกษา ประชาชนจำนวนมากหวนหาความเชื่องช้าลง เนื่องจากโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกที ตรงกันข้าม ความหวังว่าอีบุ๊ก (E-Book) จะเป็นตัวกระตุ้นกำไรไม่สัมฤทธิ์ผล หนังสือดิจิตอลก็โดนกระทบจากการประท้วงของผู้ซื้อ  ในปีที่ผ่านมาสัดส่วนของหนังสือเหล่านี้ในการซื้อขายมีจำนวนเพียง ๔.๖%  ซึ่งถดถอยลงเช่นเดียวกัน  แม้ว่าจะมีการหดหายของผู้ซื้อในปีหลัง ๆ กระนั้น ในการซื้อขายมากกว่า ๙,๐๐๐ ล้านยูโร ก็ค่อนข้างคงที่  ผู้ที่ตัดสินใจซื้อหนังสือก็จ่ายเงินมากกว่าเพื่อการนี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น