๗๐% ของคนทำงานที่ได้รับการสอบถาม ระบุว่าบริษัทที่ทำงานอยู่ดำเนินไปดีมาก และ ๕๔% ของพลเมืองประเมินสภาวะเศรษฐกิจของตนว่าดีมาก แต่ในอีกด้านหนึ่ง มากกว่า ๓ ใน ๔
หวั่นเกรงความรุนแรงและอาชญากรรมมากขึ้น
การก่อการร้ายและการลี้ภัยหมู่ที่ต่อเนื่อง
ตามการศึกษาจำนวน ๓๔ หน้าของสถาบัน Allensbach
ที่ได้รับการเสนอเมื่อต้นเดือนกันยายนแสดงภาพที่น่าสังเกต
สภาวะอารมณ์ของพลเมืองในขณะนี้มีองค์ประกอบที่ไม่ธรรมดา ความพึงพอใจทางวัตถุเพิ่มขึ้น
ความวิตกเกี่ยวกับความมั่นคงของตำแหน่งของตนเองเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำ
แต่การมองโลกในแง่ดีในอนาคตถดถอยลงอย่างรวดเร็ว
ตามการวิเคราะห์ที่มีที่มาจากตัวเลขใหม่จากการสอบถามประชากรวัยตั้งแต่ ๑๔
ปีขึ้นไป
เนื่องจากการลี้ภัยหมู่ในปีที่ผ่านมาพลเมืองไม่มั่นใจ โดยน้อยกว่า ๒๐% ของชาวเยอรมันวิตกเกี่ยวกับตำแหน่งงาน แต่เพียง ๓๖% มองปีที่จะมาถึงด้วยความหวัง
ค่าที่ต่ำกว่านี้มีเพียงช่วงเริ่มต้นวิกฤติเศรษฐกิจในปี ๒๐๐๘ (๓๔%) การก่อการร้ายในวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๐๐๑ (๓๑%)
และวิกฤติน้ำมันครั้งแรกปี ๑๙๗๓ (๓๐%) ตรงกันข้าม ในปี ๒๐๑๓
ขณะที่คลื่นการลี้ภัยและการก่อการร้ายยังเป็นเรื่องของอนาคต ๕๖% ของชาวเยอรมันเต็มไปด้วยความหวัง และระหว่างการก่อการร้ายในปี ๒๐๐๑
และวิกฤติเศรษฐกิจตั้งแต่ปี ๒๐๐๘ ความหวังยังฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ในปี ๒๐๐๗ ยังเป็น ๕๐% การศึกษาได้ข้อสรุปว่าความหวาดกลัวอนาคตในหมู่ประชากรขึ้น
ๆ ลง ๆ สุดขีด
ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นก็เช่น ความรู้สึกปลอดภัยของประชาชน ๘๒% หวั่นเกรงการเพิ่มขึ้นของความรุนแรง ๗๔% คลื่นก่อการร้ายในประเทศ ๙๒%
ประสงค์ให้มีตำรวจมากขึ้น ๕๑% ให้กองทัพคุ้มครองภายในประเทศ ขณะเดียวกัน ๗๐% ของผู้ถูกสอบถามก็เห็นว่าการปรับตัวของผู้ลี้ภัยในประเทศเยอรมันแทบไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จ
แต่ต่อคำถามที่ว่าผู้ถูกสอบถามเห็นว่าสิ่งใดสำคัญมาก การปรับตัวของชาวต่างชาติอยู่ในอันดับสุดท้ายของ
๗ อันดับด้วยจำนวน ๓๑% ตรงกันข้าม
ความเท่าเทียมทางสังคมอยู่ในอันดับแรกสุดคิดเป็น ๘๐% สำหรับการหาเสียงเลือกตั้ง หัวข้อความปลอดภัยในที่สาธารณะและการต่อสู้กับความยากจนเป็นเรื่องสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น