ศาลสหพันธ์ (BGH) ได้ยืนยันในการพิจารณาคดีขั้นสุดท้ายเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายนที่ผ่านมา ห้ามการใช้หลอดไฟของผู้ผลิตจากนีเดอร์ซักเซน
ที่ในการทดลองพบว่าประกอบด้วยปรอทเกินค่าที่กำหนดอย่างชัดเจน
ผู้ฟ้องร้อง ได้แก่ Deutsche
Umwelthilfe (DUH) ที่ประกาศจะดำเนินการกับผู้ผลิตรายอื่น
ๆ ต่อไป ข้อได้เปรียบของหลอดไฟแบบประหยัดพลังงาน
ได้แก่ เปลืองไฟน้อยและใช้งานได้นานกว่า
ซึ่งมีส่วนช่วยในการปกป้องสภาพภูมิอากาศ
แต่หลอดไฟฉาบด้วยปรอท ซึ่งทำให้ส่องแสง
ปรอทเป็นโลหะหนักที่พบในธรรมชาติและเป็นพิษกับมนุษย์ ในการใช้งานธรรมดาหลอดไฟไม่ให้อันตราย แต่หากหลอดไฟแตก และปรอทไหลออกมาต้องระวังอย่างยิ่ง
หากหลอดไฟแตกในที่อยู่อาศัยควรเปิดให้อากาศในห้องถ่ายเท ท้ายสุดใช้กระดาษกวาดเศษแก้วเข้าด้วยกัน ใส่ในภาชนะที่ปิดสนิท
แล้วนำไปยังสถานีรีไซเคิล
ไม่ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นด้วยประการทั้งปวง
ส่วนหลอดไฟที่ไม่แตก
แต่เสียแล้ว
ไม่ควรทิ้งในถังขยะ แต่สามารถนำไปมอบที่จุดรวบรวม
เช่น ในร้านขายเครื่องไฟฟ้าขนาดใหญ่
แต่ไม่ควรโยนลงไป
เนื่องจากหากหลอดไฟแตก ปรอทจะไหลออกมา
อย่างไรก็ดี นักคุ้มครองผู้บริโภคเชื่อว่าหลอดไฟแบบประหยัดพลังงานแตกน้อยครั้งมาก ปัญหาปรอทในหลอดไฟแต่ละดวงก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับว่าหลอดไฟประกอบด้วยปรอทมากเท่าใดอและผู้ผลิตใช้เทคโนโลยีใด นับแต่ปี ๒๐๑๓ เกณฑ์สำหรับปรอทต่อหลอดไฟอยู่ที่
๒.๕ มิลลิกรัม แต่ DUH ค้นพบหลอดที่ค่าเกินกว่าเกณฑ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น