กลับมาว่ากันด้วยเรื่องขยะอีกครั้ง เริ่มจากการที่ผู้เขียนลากถังขยะประเภทต่าง ๆ ไปวางหน้าบ้าน เพี่อรอการมาเก็บทีไร เป็นต้องแปลกใจกับเพื่อนบ้านสองหลังฝั่งตรงข้ามแทบจะทุกครั้งไป ความที่ถังขยะเต็มจนล้นแล้วล้นอีก บ่อยครั้งยังแถมด้วยถุงเพิ่มเติมข้างถังอีกต่างหาก ไอ้เจ้าถังขยะที่ปิดฝาไม่ลงนี้ ถ้าหากเป็นถังเหลืองที่ใส่ขยะบรรจุภัณฑ์หรือพลาสติก พอมีลมมาถุงพลาสติกหรือห่อขนมเป็นปลิวว่อนไปทั่ว เป็นดั่งว่าถนนถูกประดับด้วยดอกไม้ (พลาสติก) หลากหลายสีไปซะงั้น ไอ้เราก็เกิดอาการงงใจว่าอยู่กันก็แค่ไม่กี่คน ทำไม้...ขยะอะไรจะมากมายขนาดนั้น เพราะถังก็มีตั้งสี่แบบเข้าไปแล้วสำหรับขยะประเภทต่าง ๆ
ว่ากันว่าขยะที่ดีที่สุดก็คือการไม่มีขยะแต่แรก แต่น่าเสียใจที่การไม่ผลิตขยะเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องของอุดมคติที่ไม่อาจทำได้จริง แต่อย่างน้อยที่สุดผู้ที่แยกขยะให้ดีก็ช่วยทำให้การนำกลับมาใช้ใหม่เป็นไปได้ แต่ก็นั่นแหละในความเป็นจริงก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าขยะถูกทิ้งในถังผิดประเภทบ่อย ๆ เช่น บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ถูกทิ้งในถังขยะดำ ทำให้สูญเสียไปไม่ได้รีไซเคิล ทั้งที่ผู้บริโภคเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการรีไซเคิลที่ประสบความสำเร็จ เรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของวงโคจรวัสดุที่มีค่า(เป็นวัตถุดิบในการผลิต) ถ้าจะให้บรรลุเป้าหมายใหญ่ ได้แก่ การลดแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ลง เพื่อป้องกันสภาพภูมิอากาศ พวกชาวบ้านอย่างเรา ๆ ก็ต้องเริ่มต้นก้าวแรกที่บ้านในชีวิตประจำวันนี่แหละ ตามข้อมูล กระดาษสามารถใช้แล้วใช้อีกได้ถึง ๑๐-๒๕ ครั้ง แก้วสามารถหลอมนำกลับมาใช้ได้ใหม่บ่อยเท่าที่ต้องการ โดยไม่สูญเสียคุณภาพ ขวดแก้วใหม่ประกอบด้วยแก้วเก่า ๖๐% ขวดแก้วสีเขียวถึงกับ ๙๐%
Axel Suklew จากกลุ่มริเริ่มสร้างสรรค์ “Mülltrennung wirkt” กล่าวว่ามันจะมีประสิทธิภาพเพียงเมื่อผู้บริโภคให้การสนับสนุนในกรอบของการแยกขยะ เพียงการแยกชนิดอย่างถูกต้องสามารถทำให้องค์ประกอบเดี่ยว ๆ เช่น ถ้วยโยเกิร์ต กลายเป็นวัตถุดิบของการรีไซเคิลที่ยั่งยืน สำหรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ เครื่องใช้ในบ้าน ชิ้นส่วนรถยนต์ ท่อ ฯลฯ โดยทั่วไปกฎง่าย ๆ มีว่า
- บรรจุภัณฑ์จากพลาสติก โลหะและวัสดุที่ผสมผสานจนแยกจากกันไม่ออกง่าย ๆ ด้วยมือเปล่าให้ทิ้งในถังหรือถุงเหลือง
- บรรจุภัณฑ์จากกระดาษ กระดาษแข็ง กล่องกระดาษ ให้ทิ้งในถังขยะกระดาษ
- บรรจุภัณฑ์จากแก้ว แยกตามสีและทิ้งในคอนเทนเนอร์ของแต่ละสี
สิ่งที่ต้องระวังและมักเป็นปัญหาในการแยก คือ สิ่งของจำนวนมากผลิตหรือทำขึ้นจากวัสดุต่าง ๆ กัน ทำให้การแยกต้องทำอย่างระมัดระวัง ได้แก่
- ถ้วยโยเกิร์ต ฝาที่ทำจากอลูมีเนียมและตัวถ้วยที่เป็นพลาสติกทิ้งในถังเหลือง กระดาษที่หุ้มรอบถ้วยทิ้งในถังขยะกระดาษ
- ที่คล้ายคลึงกันก็ได้แก่ บรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีการผสมผสานกัน เช่น ห่อเนยแข็งหรือห่อไส้กรอก พลาสติกใสที่หุ้มอยู่บ่อย ๆ ใช้วัสดุพลาสติกคนละชนิดกับถาดที่ใส่มา เนื่องจากโรงงานแยกสมัยใหม่พร้อมเทคนิคใหม่ล่าสุดจะแยกขยะตามประเภทของวัสดุ ทางที่ดีที่สุดเราจึงควรแยกองค์ประกอบทั้งสองอย่างออกจากกัน ก่อนทิ้งในถังเหลือง
- ขวดพลาสติก ก็ควรแกะกระดาษที่หุ้มออกก่อนทิ้ง แต่การล้างก่อนทิ้งไม่จำเป็น
องค์กร World Wide Fund For Nature (WWF) ก็เห็นว่าพวกเราแต่ละคนสามารถมีส่วนร่วมในการแยกขยะที่ดีกว่าเดิม โดยการให้คำแนะนำสำหรับชีวิตประจำวัน
- ใช้ถังขยะอินทรีย์สำหรับขยะอินทรีย์หรือเอาไปทำเป็นปุ๋ย เนื่องจากที่ทิ้งขยะเป็นต้นเหตุราว ๓% ของการปล่อยแก๊ซเรือนกระจกของสหภาพยุโรป
- รีไซเคิลโลหะ โดยให้ข้อมูลว่าการรีไซเคิลกระป๋องอลูมิเนียมช่วยประหยัดพลังงานที่จำเป็นต้องใช้ในการผลิตกระป๋องใหม่ไปได้ ๙๐%
- นำแก้วเก่าไปทิ้งที่คอนเทนเนอร์ แก้วเก่า ๑๐๐ กิโลกรัมทำให้ประหยัดแก๊ซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้ ๑ ตัน
- ทิ้งกระดาษในถังขยะกระดาษเก่า กระดาษเก่า ๑๐๐ กิโลกรัมทำให้สามารถหลีกเลี่ยงคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ๗๐ กิโลกรัม
- รวบรวมขยะพลาสติก สำหรับการนำไปใช้ใหม่อีกครั้ง
- นำหลอดไฟประหยัดพลังงานและหลอดไฟอื่น ๆ ที่ใช้ไม่ได้แล้วไปมอบหรือทิ้งในที่รับ เพื่อการนำไปรีไซเคิล
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผู้อ่านอาจสั่นหัวว่าจุกจิกยุ่งยากไปไหม แต่ถ้าทำบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นความเคยชินไปเองและทำไปโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้ความคิดเยอะ ซึ่งมันไม่เพียงแต่ส่งผลทางบวกกับสิ่งแวดล้อมของเราเท่านั้น หากแต่กับกระเป๋าสตางค์ของเราด้วย เช่นว่าถ้าเราแยกขยะให้ถูกประเภท ก็จะมีขยะเหลือสำหรับถังดำน้อยลง ทำให้เราสามารถประหยัดค่าทิ้งขยะ โดยการเปลี่ยนไปใช้ถังขนาดเล็กลง หรือลดจำนวนลง ซึ่งที่บ้านผู้เขียนก็เคยทำมาแล้ว ขนาดนั้นถังขยะก็ไม่เคยเต็มถึงขนาดปิดไม่ลงสักที ถึงได้หัวจะปวดกับเพื่อนบ้าน แต่จะไปถามก็ใช่ที่ ไม่อยากให้เป็นข่าวพาดหัวว่าหญิงชราชาวไทยโดนเพื่อนบ้านทำร้ายร่างกาย เพราะต่อปากต่อคำกันเรื่องขยะ อิอิ
ข้อมูล Zeitung am Sonntag
เรียบเรียงโดย "เอื้อยอ้าย"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น