วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มูลค่ายี่ห้อ

ตามการศึกษาประจำปีของ “BrandZ“ แอปเปิลได้แชมป์เครื่องหมายการค้าที่มีมูลค่ามากที่สุดของโลกกลับคืนมา  บริษัทวิจัยการตลาด Millward Brown คำนวณมูลค่าเครื่องหมายการค้าของกลุ่มบริษัทไอโฟน ๒๔๗ พันล้านดอลลาร์  ด้วยการกระโดดเพิ่มขึ้น ๖๗% แอปเปิลผลักกูเกิลยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตที่เป็นผู้นำในปี ๒๐๑๔ ไปอยู่ในอันดับ ๒  Millward Brown ชี้แจงการเพิ่มขึ้นของมูลค่าเครื่องหมายการค้าของแอปเปิลเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคมที่ผ่านมาว่าเนื่องจากความสำเร็จของไอโฟน ๖  มูลค่าเครื่องหมายการค้าของกูเกิล ผู้เชี่ยวชาญเห็นว่าอยู่ที่ ๑๗๓.๖ พันล้านดอลลาร์  เครื่องหมายการค้าที่มีมูลค่าสูงที่สุด ๑๐ แห่งมาจากสหรัฐอเมริกาทั้งหมด  โดยไมโครซอฟท์อยู่ในอันดับ ๓ ก่อนหน้าไอบีเอ็ม  ตรงกันข้าม โคคาโคลา แมคโดนัลด์และมาร์ลโบโร หล่นลงไปอยู่ปลาย ๆ ของ ๑๐ อันดับ  ที่ซึ่งคู่แข่งขันจากประเทศจีนไล่จี้มาติด ๆ โดยอันดับ ๑๑ ได้แก่ กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ต Tencent  อันดับ ๑๓ Alibaba  ระหว่าง ๒ อันดับนี้เป็นยักษ์ใหญ่ออนไลน์ของสหรัฐ ได้แก่ เครือข่ายเฟซบุ๊ค ที่มูลค่าเครื่องหมายการค้าเพิ่มขึ้น ๒ เท่าภายใน ๑ ปี  เครื่องหมายการค้าที่มีมูลค่ามากที่สุดของประเทศเยอรมัน ได้แก่ SAP ในอันดับ ๒๔ เทเลคอม อันดับที่ ๒๗ BMW อันดับ ๓๔ และเมอร์เซเดส-เบนซ์ อันดับ ๔๓

ธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์แข่งขันดุเดือด

ระยะเวลาสำหรับผู้ชอบล่าของถูกและผู้เดินทางใช้เครื่องบินมากในประเทศเยอรมันดูเหมือนจะดีอย่างที่ไม่เคยมีมานานแล้ว  โดยมีเส้นทางบินของสายการบิน”โลว์คอสต์” มากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  ขณะเดียวกันราคาก็ถูกลงเช่นกัน  เนื่องจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น  ตามข้อมูลของศูนย์การเดินทางทางอากาศและอวกาศเยอรมัน (DLR) ต้นปี ๒๐๑๕ สายการบินราคาถูกเสนอเส้นทางในและจากประเทศเยอรมัน ๕๑๘ แห่ง  สถิติก่อนหน้านี้อยู่ที่ ๕๐๗ ในตารางการเดินทางฤดูหนาวปี ๒๐๑๑  จนถึงปัจจุบันแทบไม่มีการแข่งขันระหว่างสายการบินราคาถูกในประเทศเยอรมัน
ตามข้อมูลของ DLR ราว ๘๗% ของเส้นทางมีเพียงสายการบินสายเดียวพร้อมข้อเสนอราคาถูก  แต่ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลง  ไม่เพียงเพราะว่าไรอันแอร์ (Ryan Air) กระพือการแข่งขัน  ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทลงทุนรายใหญ่ที่สุดในยุโรปในกลุ่มธุรกิจสายการบินราคาถูกหรือโลว์คอสต์ หลังจากไรอันแอร์ใช้สนามบินเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในที่ไกลจากเมืองมากๆมาเป็นเวลาหลายปี  ขณะนี้หันมาลงทุนใช้สนามบินใหญ่ ๆ ด้วย เช่น เบอร์ลิน บรัสเซลส์ โคเปนเฮเกน และโรม  ทำให้มาขวางทางแข่งขันกับเยอรมันวิงส์  สายการบินลูกของลุฟท์ฮันซาและสายการบินแอร์เบอร์ลิน  นอกจากนั้นสายการบินใหญ่ ๆ ใช้สายการบินลูกเดินหน้าเข้าไปในตลาดข้อเสนอราคาถูกเพิ่มขึ้น ตัวอย่างเช่น ที่สเปน สายการบิน Iberia พร้อมกับ Iberia Express และ Vueling  ลุฟท์ฮันซาสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของยุโรปเสริมสร้างสายการบินราคาถูกอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน  โดยในอนาคตจะบินในนามของ ยูโรวิงส์
Michael O´Learyนายใหญ่ไรอันแอร์คาดการต่อสู้เรื่องราคาอย่างหนักหน่วง  Johannes Braun ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคาร Commerzbank คำนวณข้อเสนอมากเกินขีดในเส้นทางสั้น ๆ ในยุโรป  โดยเฉพาะไรอันแอร์ขยายข้อเสนอออกไป  เช่นเดียวกับ Easyjet สายการบินราคาถูกของอังกฤษและ Vueling  ผลที่ตามมาคือราคาในเส้นทางสั้น ๆ จะลดลง  ตามการสุ่มทดสอบของ  DLR ราคาเฉลี่ยต้นปี ๒๐๑๕ (ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการราคาถูก) ในทุกเส้นทางและช่วงเวลาจองอยู่ที่ระหว่าง ๕๐-๑๓๐ ยูโร รวมภาษีและค่าธรรมเนียม  ปีที่แล้วเฉลี่ย ๗๐-๑๖๐ ยูโร  อย่างไรก็ดี ราคาจั๋วเครื่องบินมีความแตกต่างสูง  การจองเที่ยวบินในวันถัดไปอาจมีราคาแพงกว่าการบินที่จะมีขึ้นในอีก ๓ เดือนข้างหน้าหลายเท่า
ตามข้อมูลของ DLR ด้วยการบิน ๑,๘๐๐ ครั้งต่อสัปดาห์และสัดส่วนตลาด ๓๘%ในฤดูหนาวปี ๒๐๑๕ เยอรมันวิงส์ผลักแอร์เบอร์ลินคู่แข่งตกจากอันดับสุดยอดเป็นครั้งแรก  เหตุผลคือเยอรมันวิงส์บริษัทลูกของลุฟท์ฮันซาได้รับมอบหมายเส้นทางส่วนใหญ่ในทวีปที่อยู่นอกที่มั่น München และแฟรงก์เฟิร์ตมาจากสายการบินลุฟท์ฮันซา  ตรงกันข้าม แอร์เบอร์ลินลดข้อเสนอราคาถูกเหลือ ๑,๗๐๐ เที่ยวต่อสัปดาห์  เพียง ๓๕% ของเที่ยวบินราคาถูกทั้งหมดเป็นข้อเสนอของแอร์เบอร์ลิน  ต้นปี ๒๐๑๕ จำนวนเส้นทางภายในประเทศเยอรมันเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเป็นพิเศษ รวมทั้งระหว่างประเทศเยอรมันและอังกฤษ  รวมทั้งสิ้นมีสายการบินราคาถูกขนาดใหญ่ ๗ สายครอบครอง ๙๕% ของตลาดเยอรมัน ได้แก่ เยอรมันวิงส์ แอร์เบอร์ลิน ไรอันแอร์ Easyjet, Wizz flybe และ Norwegian  ในเดือนมกราคม ๒๐๑๕  DLR นับการเริ่มบินของสายการบินราคาถูก ๔,๘๐๐ เที่ยวต่อสัปดาห์  ซึ่งติดระดับที่สูงที่สุดตามสถิติครั้งล่าสุด

ยื่นเรื่องขอลี้ภัยในเยอรมันต้องรอนานมาก

ผู้ขอลี้ภัยในประเทศเยอรมันต้องรอนานมากจนกว่าเรื่องจะได้รับการพิจารณาและได้รับอนุญาตให้หางานทำ  ตามการศึกษาของมูลนิธิ Bertelsmann การติดขัดในการพิจารณาที่เพิ่มขึ้นเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อการปรับตัวสำหรับผู้ลี้ภัย  ในปี ๒๐๑๕ ผู้ลี้ภัยมากกว่า ๒๔๐,๐๐๐ คนรอคอยการตัดสินนานกว่า ๗ เดือน  ระหว่างนี้สำนักงานเพื่อการอพยพและผู้ลี้ภัยแห่งชาติที่รับผิดชอบใช้เวลาพิจารณาเฉลี่ย ๕ เดือน  Ulrich Kober จากมูลนิธิ Bertelsmann วิจารณ์ว่าการขาดความปลอดภัยในการวางแผนทำให้ยากต่อการปรับตัวให้เร็วขึ้นในตลาดแรงงานสำหรับผู้ลี้ภัยจำนวนมาก  แม้ว่ารัฐบาลจะลดหน้าที่พักอาศัย (ผู้ลี้ภัยต้องใช้ชีวิตอยู่ที่ที่กำหนดให้) และการห้ามทำงานลงเหลือ ๓ เดือน  แต่นายจ้างไม่รู้ว่าสามารถจ้างงานผู้ลี้ภัยได้หรือไม่  เนื่องจากความไม่แน่ชัดเรื่องการได้อยู่ในประเทศเยอรมันได้หรือไม่  ตามตัวเลขใหม่ล่าสุด ระหว่างนี้คำร้องขอลี้ภัยทุก ๑ ใน ๒ กรณีได้รับการอนุมัติ  ผู้ลี้ภัยสงครามกลางเมืองจากซีเรีย Eritrea และอิรัก อัตราถึงกับอยู่ที่เกือบ ๑๐๐%  แต่ระหว่างที่ผู้ลี้ภัยจากซีเรียสามารถคำนวณการตัดสินได้หลัง ๔ เดือน  ชาวปากีสถานต้องรอเฉลี่ย ๑๗.๔ เดือน

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Pfingsten

สำหรับชาวคริสเตียนนอกเหนือจากการฉลองคริสต์มาสและเทศกาลอีสเตอร์แล้ว Pfingsten เป็นหนึ่งในพิธีฉลองที่สำคัญที่สุด โดยมีวันหยุดในวันอาทิตย์ (Pfingstsonntag) และวันหยุดในวันจันทร์ (Pfingstmontag)  คำนี้มาจากศัพท์ภาษากรีก “Pentekoste“ ที่แปลว่าวันที่ ๕๐  เนื่องจากชาวคริสเตียนเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ๕๐ วันหลังอีสเตอร์  แต่ละปีเทศกาลอีสเตอร์จะตรงกับวันต่าง ๆ กัน  ดังนั้น Pfingsten จึงตรงกับวันที่ต่างกันเสมอ  ในปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๔ และ ๒๕ พฤษภาคม  แต่ว่าเขาฉลองอะไรกันในวันนี้?  ประชาชนจำนวนมากที่เคร่งศาสนากล่าวว่า Pfingsten เป็นวันถือกำเนิดของโบสถ์คริสต์  บาทหลวง Johennes Pricker อธิบายว่าในหนังสือไบเบิลระบุว่า Petrus หนึ่งในสาวกของพระเยซูได้เทศน์สั่งสอนประชาชนเป็นครั้งแรก  โดยให้คำตอบถึงคำถามที่ว่าเหตุใดสาวกจึงมารวมตัวกันครั้งแล้วครั้งเล่าในนามของพระเจ้าและรำลึกถึงการฟื้นคืนชีพของพระเยซูในวันอีสเตอร์  นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลอง

แหล่งน้ำสะอาด-ว่ายน้ำไม่ต้องกังวล

ผู้ชอบเล่นน้ำสามารถว่ายน้ำได้โดยไม่ต้องกังวลในทะเลสาบ แม่น้ำ  และตามชายฝั่งทั้งในประเทศเยอรมันและในยุโรปโดยรวม  ในปีที่ผ่านมา  ตรวจพบว่าสถานที่ว่ายน้ำในประเทศเยอรมันส่วนใหญ่ (๙๗.๖%) บรรลุมาตรฐานขั้นต่ำของสหภาพยุโรป
ในการเก็บตัวอย่างน้ำทดสอบ ส่วนใหญ่ของสถานที่ว่ายน้ำ ๒,๒๙๐ แห่งถึงกับแสดงผลที่ดีถึงดีเลิศ  ทั้งนี้ เป็นรายงานของสำนักงานตัวแทนสิ่งแวดล้อมแห่งสหภาพยุโรป (EEA) ที่ได้เปิดเผยที่บรัสเซลส์และโคเปนเฮเกนเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคมที่ผ่านมา  เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ประเทศเยอรมันพัฒนาขึ้นเล็กน้อย  (ปี ๒๐๑๓ คิดเป็น ๙๗% บรรลุมาตรฐานขั้นต่ำ)  สำหรับผู้ที่ต้องการแสงแดดนอกเหนือจากน้ำสะอาด ประเทศไซปรัส เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเหมาะเป็นพิเศษ  สถานที่ว่ายน้ำตามชายฝั่งที่ได้รับการตรวจสอบทั้ง ๑๑๒ แห่ง ผู้ทดสอบระบุค่า “ดี” เป็นอย่างน้อย  อันดับ ๒ ใน EU ตามมาด้วยประเทศกรีซ  ตามมาติด ๆ ด้วยประเทศโครเอเซีย  ที่ประเทศฝรั่งเศส สเปน อิตาลีและโปรตุเกส มากกว่า ๙๐% ของสถานที่ว่ายน้ำตามชายฝั่งก็บรรลุมาตรฐานขั้นต่ำด้วย
สำหรับการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นเป็นผู้รับผิดชอบ  โดยเก็บตัวอย่างทดสอบเป็นประจำระหว่างฤดูกาลว่ายน้ำ  ผลจะลงในรายงานประจำปีของ EU ในภายหลัง  โดยต้องระวังแบคทีเรีย ๒ ชนิดเป็นพิเศษ ได้แก่ E.coli และ Darmenterokokken  ซึ่งทั้งคู่บ่งชี้ถึงการปนเปื้อนของอุจจาระในน้ำ  E.coli สามารถนำไปสู่การคลื่นไส้หรือท้องเสีย  Darmenterokokken ถึงกับสามารถก่อให้เกิดความเจ็บป่วยหนักได้ ตัวอย่างเช่น หากเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผล
สาเหตุของความสกปรกมีหลากหลาย  Peter Kristensen จาก EEA ที่รวบรวมข้อมูลประเมินว่าระหว่าง ๑ ใน ๓ และครึ่งหนึ่งมาจากฝนที่ตกหนักและท่อระบายน้ำล้น  แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขที่แน่นอน  แต่ในปีที่ผ่าน ๆ มาเขาได้ตรวจสอบต้นเหตุด้วยโดยการสุ่มตัวอย่าง  มูลสัตว์  เช่น ห่านจำนวนมากหรือนกป่าอื่น ๆ ก็สามารถนำไปสู่ความสกปรก  เช่นเดียวกับปุ๋ย หรือ ขี้หมา  Kristensen กล่าวว่าแบคทีเรียที่อาศัยในลำไส้ทั้งคู่เป็น “ดัชนีที่ดี” ของสภาพของแหล่งน้ำ  ในสถานที่ ๑๔ แห่งในประเทศเยอรมันควรระมัดระวังในการกระโดดลงน้ำ  เนื่องจากการปนเปื้อนด้วยเชื้อโรคสูงมากจนคุณภาพน้ำถูกจัดว่า “บกพร่อง”  นอกเหนือจาก Finsterroter See ในแคว้น Baden-Wuerttemberg ยังมีหาด Kleinostheim ที่ Mainparksee Mainaschaff ที่ไบเอิร์น ฯลฯ

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เสพติดจนตาย

แม้ว่าจะมีการเรียกร้องให้ระวังเรื่องปริมาณ  แต่ประชาชนหลายล้านคนในประเทศเยอรมันก็ยังเสี่ยงสุขภาพและชีวิตกับแอลกอฮอล์ บุหรี่ และยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย  โดยผู้ใหญ่ราว ๑.๗๒ ล้านคนในวัยถึง ๖๔ ปีถือว่าเสพติดแอลกอฮอล์  แต่ละปีประชาชนอย่างน้อย ๗๔,๐๐๐ คนเสียชีวิตจากผลของแอลกอฮอล์หรือแอลกอฮอล์และยาสูบร่วมกัน  ตามรายงานยาเสพติดและการเสพติดปี ๒๐๑๕ ของรัฐบาลที่ได้รับการเสนอเมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคมที่ผ่านมาที่เบอร์ลิน  มีแนวโน้มทางบวกบางประการในหมู่เยาวชน  ตามข้อมูลของศูนย์กลางเพื่อการชี้แจงด้านสุขภาพแห่งชาติ  สัดส่วนของผู้สูบบุหรี่วัย ๑๒-๑๗ ปีนับแต่ปี ๒๐๐๑ ลดลงจาก ๒๗.๕% เหลือ ๙.๗% ในปี ๒๐๑๔  จำนวนผู้มีวัย ๑๐-๒๐ ปีที่ถูกนำตัวไปโรงพยาบาลเนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นพิษลดลง ๑๒.๘% เหลือ ๒๓,๒๖๗ คนในปี ๒๐๑๓  รายงานรวบรวมสถิติที่เป็นที่รู้จักจำนวนมากเข้าด้วยกัน  ทำให้มีข้อบ่งชี้อีกครั้งว่ายาเสพติดสังเคราะห์ Crystal Meth มีอิทธิพลเหนือประชาชนจำนวนมากขึ้นทุกที  จำนวนผู้เสพที่เพิ่งทดลองยาจนเสพติดเพิ่มขึ้น ๑๔% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า

พักการประท้วงของการรถไฟเยอรมัน

สหภาพแรงงานคนขับรถไฟ (GDL) ยุติการสไตรค์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศเยอรมันและยอมรับการไกล่เกลี่ยอย่างไม่มีผู้ใดคาด  ทำให้ความยุ่งเหยิงบนท้องถนนและสถานีรถไฟช่วง Pfingsten ถูกระงับไว้  จนกว่าจะถึงอวสานของการข้อตกลงกลางเดือนมิถุนายนการสไตรค์ครั้งต่อไปของคนขับรถไฟถูกหยุดไว้ก่อน  อย่างไรก็ดี สหภาพแรงงานรถไฟและการคมนาคม (EGV) คู่แข่งขันอาจเรียกร้องให้สไตรค์หลัง Pfingsten  เย็นวันที่ ๒๑ พฤษภาคมที่ผ่านมา EVG ได้เริ่มการเจรจาค่าแรงรอบที่ ๑๒ กับการรถไฟ ฯ  Regina Rusch-Ziemba หัวหน้าการเจรจาของ  EVG กล่าวว่าโอกาสสำหรับจบการเจรจา ๕๐: ๕๐  ศูนย์กลางของความขัดแย้ง ได้แก่ การต่อสู้แย่งชิงอำนาจของสหภาพแรงงานทั้งสอง  GDL ไม่เพียงประสงค์จะเจรจาสำหรับคนขับรถไฟ  หากแต่สัญญาค่าแรงของตนเองสำหรับพนักงานรถไฟด้วย  แต่ใน EVG มีการจัดการให้กลุ่มอาชีพเจ้าหน้าที่รถไฟมากกว่า  จนถึงปัจจุบันการรถไฟ ฯ ปฏิเสธสัญญาค่าแรงที่แตกต่างกันสำหรับกลุ่มอาชีพเดียวกัน  Claus Weselsky หัวหน้า GDL กล่าวว่าขณะนี้การรถไฟ ฯ ได้รับประกันเป็นลายลักษณ์อักษรว่า GDL จะได้รับสัญญาของตัวเองสำหรับพนักงานรถไฟด้วย  ทำให้ในการต่อสู้ GDL ประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะขั้นหนึ่งที่สำคัญ  ในอนาคตจะสามารถมีส่วนร่วมในการเจรจาค่าแรงทั้งหมดด้วย  ไม่เพียงสำหรับพนักงานขับรถไฟ  สำหรับผู้ไกล่เกลี่ยมีการระบุ Matthias Platzeck  อดีตนายก ฯ แคว้นบรันเดนบวร์ก (พรรค SPD) และ  Bodo Ramelow (พรรคเขียว) หัวหน้ารัฐบาลแคว้นทือริงเกน  ไม่นานหลังการเสนอชื่อ Ramelow ได้สร้างความปั่นป่วน  โดยกล่าวหาการรถไฟ ฯ ถึง “พฤติกรรมที่ไม่เป็นมืออาชีพ”  นอกจากนั้นสหพันธ์ในฐานะเจ้าของก็ไม่วางตัวห่างจากความขัดแย้งตามหน้าที่ที่ควรเป็น  Arnold Vaatz รองหัวหน้าส่วน ส.ส. พรรค CDU/CSU กล่าวว่าใครที่ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยโจมตีหนึ่งในสองของฝ่ายที่ขัดแย้งกันในการแถลงการณ์ครั้งแรกทำตัวให้หมดคุณสมบัติในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เมืองใหญ่พาเครียด

 ผู้เขียนนั้นแม้ว่าเทือกเขาเหล่ากอตั้งแต่ปู่ย่าตาทวดไล่ลงมาจนถึงรุ่นพ่อแม่จะเป็นคนต่างจังหวัด  พี่ ๆ ของผู้เขียนถึงกับเกิดในบ้านโดยมีผดุงครรภ์เป็นผู้ทำคลอด  แต่ตัวผู้เขียนเองเกิดและโตที่กรุงเทพ ฯ มาโดยตลอด  ถึงหากว่าแทบทุกครั้งที่โรงเรียนปิดเทอมใหญ่จะไปเยี่ยมตายายที่ต่างจังหวัดและใช้เวลาเที่ยวเล่นอยุ่ที่นั่นคราวละหลายสัปดาห์  แต่ใจจริงไม่เคยคิดอยากไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น  ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เลือกแต่เฉพาะในกรุงเทพ ฯ  พระเจ้าคงจะหมั่นไส้จึงดลบันดาลให้มาอยู่บ้านนอกของเยอรมันเสียเลย  ขนาดว่าเดินออกจากบ้านไม่กี่สิบเมตรก็เจอฝูงวัวกินหญ้าอยู่ในทุ่งก็แล้วกัน  สวนหลังบ้านวันดีคืนดีม้าและตัวลามาของเพื่อนบ้านก็จะยื่นหัวมาทักทาย   ความที่อยู่มานานคงจะเคยชิน  กลายเป็นว่าทุกครั้งที่เดินทางไปกรุงเทพมหานครของเราจะชื่นชมยินดีน้อยลงทุกที ทั้งอากาศเป็นพิษ หนวกหู วุ่นวาย คนหน้าตาบูดบึ้ง เต็มไปด้วยความเครียด  เมื่อใดที่ได้ออกต่างจังหวัดจึงจะรู้สึกหายใจคล่องขึ้น  ในขณะที่เจ้าลูกชายกลับชอบใจเมืองฟ้าอมรว่าสนุกสนานตื่นเต้น มีอะไรให้ทำเยอะดี ไม่น่าเบื่อ
เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดเฉพาะที่เมืองไทยเรา  เมืองใหญ่ที่ไหน ๆ ก็คงก่อให้เกิดความเครียดเหมือนกันไปหมด  ตามสถิติของประเทศเยอรมัน ในหมู่คนเมืองมีการป่วยไข้ทางจิตบ่อยกว่าชาวชนบทอย่างชัดเจน  ศาสตราจารย์ Andreas Meyer-Lindenberg จากสถาบันกลางเพื่อสุขภาพจิต (Zentralinstitut für Seelische Gesundheit ) มหาวิทยาลัย Mannheim กล่าวว่าโรคหวาดกลัวและโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นในประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองบ่อยกว่าราว ๓๐-๔๐%  ผลการตรวจสอบของสถาบัน ฯ ได้ผลว่าโรคจิตเภทเกิดขึ้นกับมนุษย์ที่เติบโตในเมืองบ่อยกว่าประชาชนที่ใช้ชีวิตอยู่ในชนบทถึง ๓ เท่า  ศาสตราจารย์ Meyer-Lindenberg กล่าวว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองใดเมืองหนึ่งโดยเฉพาะ  หากแต่ทั่วโลกเหมือนกันหมด ว่าแล้วไหมล่ะเหมือนที่ผู้เขียนคิดไม่ผิดเลย  ดร. Mazda Adliแพทย์ใหญ่ Fliedner Klinik ที่เบอร์ลินและนักวิจัยเรื่องความเครียดของมหาวิทยาลัย  Charité ก็กล่าวว่ายิ่งเมืองที่คนเราเติบโตขึ้นมาใหญ่เท่าใด  ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจิตเภทขณะเป็นผู้ใหญ่ก็สูงขึ้นเท่านั้น (ว้าย ไม่เอานะ ช่วยด้วย)
ขณะนี้ ศ. Meyer-Lindenberg กำลังทำวิจัยว่าสิ่งใดที่เป็นสาเหตุทำให้ป่วยในการใช้ชีวิตในเมือง เช่นเดียวกับดร. Adli ที่ต้นปีนี้ได้ก่อตั้งกลุ่มวิชาการ Neurourbanistik ร่วมกับนักวางผังเมือง นักฟิสิกส์และนักประสาทวิทยา  ผู้เขียนไม่ใช่นักวิชาการ  แต่บอกได้จากประสบการณ์เลยว่าสิ่งที่รบกวนประสาท (อย่างน้อยก็ของตัวคนเขียนเอง) ก็ได้แก่ ความสกปรก กลิ่น ความแออัด ความสับสนวุ่นวาย มลภาวะ ฯลฯ  นี่เอาเฉพาะประเด็นหลัก ๆ นะ  ถ้าจะให้บรรยายจริงก็อีกยาวเลยละ
อย่างไรก็ดี ศ. Meyer-Lindenberg และคณะพบว่าคนในเมืองใหญ่จัดการกับความเครียดและความรู้สึกต่างออกไป  สมองจะมีปฏิกิริยาไวกับความเครียดมากกว่าผู้อยู่ในเมืองเล็กและชาวชนบท  แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในเมืองจะป่วยเป็นโรคจิต  คนบางคนก็ปล่อยวางได้มากกว่าผู้อื่น  และคนเมืองจำนวนมากก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องดีที่ในเมืองมีอะไรเกิดขึ้นตลอดเวลา  กระนั้น ดร. Adli กล่าวว่าผู้ที่ได้ประโยชน์มีเพียงผู้ที่สามารถหลบเลี่ยงได้หากรู้สึกว่าพอแล้ว
Iris Hauth จากโรงพยาบาล Alexianer St.Joseph ที่ Berlin-Weißensee กล่าวว่าหากมนุษย์มีความรู้สึกว่าสามารถควบคุมชีวิตและตัดสินใจได้ว่าจะถอนตัวหรือเข้าหามิตรสหายจะรู้สึกสบายดี  ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมเรื่องนี้ได้จะเผชิญกับผลกระทบเรื่องความเครียดของเมืองใหญ่
ศ.  Meyer-Lindenberg กล่าวว่า ๘๐% ของประชาชนในเมืองใหญ่ไม่รู้จักเพื่อนบ้าน  ทั้งที่การเข้าสังคมการติดต่อสื่อสารสำคัญมากสำหรับสุขภาพจิตของมนุษย์ผู้หนึ่ง  ผลของมันไม่ได้เห็นได้อย่างเปิดเผย
ดร. Adli สรุปว่าความเครียดในเมืองเป็นความเครียดที่ค่อย ๆ คืบคลานเข้ามาโดยไม่ทันสังเกต  ตามข้อมูลของ Hauth จะแสดงออกมาผ่านอารมณ์ที่ขุ่นมัว ความตึงเครียด  และการนอนไม่หลับ  แต่เธอก็ยอมรับว่าไม่ใช่ความเครียดทุกชนิดมาจากเมืองใหญ่  ความกดดันด้านอาชีพ  หรือความโกรธเคือง  ก็สร้างปัญหาให้  หากความเครียดของเมืองใหญ่เพิ่มเข้ามา  สามารถส่งเสริมทำให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น  ผู้ที่สังเกตเห็นอาการควรแก้ไขอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  โดยดูแลให้ตัวเองผ่อนคลายและชดเชยความตึงเครียดด้วยการเล่นกีฬา ไปเที่ยวพักผ่อนสุดสัปดาห์ในธรรมชาติ  หากยังไม่ช่วยอะไรก็ควรไปพบแพทย์ประจำบ้าน จิตแพทย์หรือนักบำบัดทางจิต  ตามข้อมูลของ Hauth หากไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม  ความเสี่ยงสำหรับความหวาดกลัวหรือความซึมเศร้าจะสูง  เนื่องจากการถูกโดดเดี่ยวทางสังคมเป็นหนึ่งในปัจจัยความเครียดที่สำคัญ  จึงควรแก้ปัญหาตรงจุด  โดยเข้าหาผู้คน  ซึ่งไม่มีที่ใดมีความเป็นไปได้มากมายเหมือนในเมือง  ประชาชนจำนวนมากเป็นทั้งปัญหาและทางแก้ปัญหาในตัวเอง  Hauth กล่าวว่าหากไปดูละครหรือไปร้านกาแฟ ถึงจะอยู่ท่ามกลางผู้คน  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รู้จักใครบางคนโดยอัตโนมัติ  ทางที่ดีควรไตร่ตรองว่าสนใจอะไรและควรจะติดต่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้มีรสนิยมเดียวกันได้ที่ไหน  ดร. Adli แนะนำวงขับร้องประสานเสียง กลุ่มอ่านหนังสือ ชมรมกีฬาหรือสถานที่พบปะของโบสถ์
โฮโฮ่ ก็ย้ายออกมาอยู่ในชนบทเสียเลยจะง่ายกว่าไหม?  แต่ก็นั่นแหละ ชีวิตในชนบทก็ไม่ได้โรแมนติกไปเสียทั้งหมดและไม่ได้ถูกรสนิยมของทุกคน  ตัวอย่างใกล้ตัวก็น้องสะใภ้ของผู้เขียน  ทีแรกเธอก็ฝันหวานถึงชีวิตสุขสงบนอกเมือง  แต่ย้ายออกมาไม่ทันไรก็ขนข้าวของกลับเข้าไปอยู่ในเมืองเสียอีกแล้ว นัยว่าเงียบเหงาเกินไป  ไม่มีกิจกรรมให้ทำแก้เบื่อ ฯลฯ อันนี้ก็ตัวใครตัวมันแล้วกันนะ  ผู้เขียนนั้นยอมรับเลยว่าจากคนกรุงกลายเป็นสาวบ้านนอกเต็มตัวไปแล้วจ้า

เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”

ขอบคุณข้อมูลจาก   Aachener Zeitung

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

บัญชีเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์

สภาพความหลากหลายทางพืชพรรณและสัตว์ในประเทศเยอรมันน่าเป็นห่วง  เนื่องจาก ๑ ใน ๓ ของรายชื่อพืช-สัตว์ที่รวบรวมอยู่ในบัญชีแดงลดปริมาณลงอย่างรวดเร็วถึงขั้นตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์  ในการเสนอรายงานที่ครอบคลุมชิ้นแรกเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคมที่ผ่านมาที่เบอร์ลิน
ประธานสำนักงานคุ้มครองธรรมชาติแห่งชาติ (BfN) ได้กล่าวว่าจนถึงปัจจุบันการคุ้มครองพลาดเป้าหมายระดับชาติ ที่จะยับยั้งการสูญเสียความหลากหลายทางชีววิทยา  ประเทศเยอรมันต้องเพิ่มความเพียรพยายามที่จะยุติการสูญพันธุ์อย่างเร่งด่วน  โดยพบว่า ๓๑% ของสัตว์ พืชหรือเห็ดกว่า ๓๒,๐๐๐ ชนิดถือว่าอันตรายที่จะสูญพันธุ์หรือเกือบทุก ๑ ใน ๓ ประเภท  ราว ๔% ถึงกับถือว่าสูญพันธุ์แล้ว  รวมทั้งสิ้นในประเทศเยอรมันมีสัตว์ใช้ชีวิตอยู่ราว ๔๘,๐๐๐ ประเภท พืชราว ๙,๕๐๐ ประเภทและเห็ดกว่า ๑๔,๐๐๐ ประเภท  เนื่องจากยังไม่ได้รู้จักดีทุกประเภท โดยมากเนื่องจากขาดผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบปริมาณ จึงไม่ได้ปรากฏอยู่ในบัญชีแดงทั้งหมดและในบัญชียังปรากฏว่าไปจัดอยู่ในประเภทที่ไม่ตกอยู่ในอันตรายด้วย  จากสัตว์แต่ละประเภทในประเทศเยอรมันที่เป็นที่รู้จักเพียงพอราว ๓๐% ตกอยู่ในอันตราย  เกือบ ๒๘% ของสัตว์ที่มีกระดูกสันหลัง ซึ่งรวมถึงปลาน้ำจืด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์เลื้อยคลาน นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ล้วนตกอยู่ในอันตรายเรื่องการลดจำนวนลงไปเรื่อยๆ  ในสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่น แมลง ถือว่าถึงกับ ๔๖% ของกว่า ๖,๐๐๐ ชนิดที่ได้รับการตรวจสอบตกอยู่ในอันตรายเรื่องปริมาณที่ลดลง  โดยพบเจอได้ยากมาก หายตัวไปหรือสูญพันธุ์แล้ว  ตามข้อมูลของ BfN สถานการณ์เกี่ยวกับนกในรอบ ๑๒ ปีที่ผ่านมาก็ลดน้อยลงอย่างมีนัยยะสำคัญ  ๓๔% ของประเภทนกลดลงไม่มากก็น้อย  และสำหรับนกอพยพอยู่ในแนวโน้มลดหายไปเช่นเดียวกัน  โดยเกือบ ๒๕% ตกอยู่ในอันตรายเรื่องจำนวนที่ลดลง
แต่ตามที่ BfN รายงานก็มีความสำเร็จที่แสดงว่ามาตรการคุ้มครองธรรมชาติที่เจาะจงและระยะยาวส่งผล  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวบีเวอร์ แมวป่า และหมาป่า  การอนุรักษ์ที่มีกฎหมายเป็นสัตว์คุ้มครอง  มาตรการพัฒนาหรือสร้างสถานที่อยู่อาศัยใหม่หรือโครงการอพยพย้ายถิ่นประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน  ประเมินว่าปริมาณปัจจุบันของแมวป่าในประเทศเยอรมันอยู่ที่ ๕,๐๐๐-๗,๐๐๐ ตัวอีกครั้งหนึ่ง และจำนวนนกบางประเภทก็ฟื้นตัวขึ้นด้วย

ผู้หญิงทำงานมากกว่า

สตรีในประเทศเยอรมันทำงานมากกว่าบุรุษ  อย่างไรก็ดี ไม่ได้รับเงินค่าแรงบ่อยกว่ามาก  สตรีวุ่นวายกับการดูแลครอบครัว งานบ้าน อาชีพ  และงานอาสาสมัครหรือกิตติมศักดิ์เฉลี่ยราว ๔๕.๕ ชั่วโมงต่อสัปดาห์  มากกว่าเฉลี่ยของบุรุษ ๑ ชั่วโมง  เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคมที่ผ่านมาสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยการศึกษาของปี ๒๐๑๒ ๒๐๑๓ ที่ตรวจสอบว่ามนุษย์แบ่งสรรเวลาอย่างไร  ว่าสตรีทำงาน ๒ ใน ๓ โดยไม่ได้รับค่าจ้าง  ในบุรุษน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง  เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติลักษณะนี้ท้ายสุดของปี ๒๐๐๑ ปี ๒๐๐๒ ทั้งสตรีและบุรุษทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างน้อยกว่านี้

ขึ้นเงินบำนาญ

ตั้งแต่วันที่ ๑ กรกฎาคมศกนี้เป็นต้นไปผู้รับบำนาญ ๒๐.๕ ล้านคนจะได้รับเงินมากขึ้น ในเยอรมันตะวันตกบำนาญขึ้น ๒.๑%  ในภาคตะวันออก ๒.๕% ตามที่กระทรวงสังคมได้เปิดเผย  ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้รับบำนาญรายเดือน ๙๐๐ ยูโรมีเงินมากขึ้น ๑๘.๙๐ ยูโรในภาคตะวันตกและ ๒๒.๕๐ ยูโรในภาคตะวันออก  การขึ้นสูงกว่าที่การประกันบำนาญพยากรณ์ และไม่มีผลกระทบจากเงินเฟ้อ  เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อท้ายสุดอยู่ที่ -๐.๑%  พื้นฐานการปรับ ได้แก่ สินค้าและค่าแรง  ตามสถิติ การขึ้นค่าแรงอยู่ที่ ๒.๐๘% ในภาคตะวันตกและ ๒.๕% ในภาคตะวันออก  Andrea Nahles รัฐมนตรีสังคมกล่าวว่าสำหรับผู้รับบำนาญ ๒๐ ล้านคน การปรับเงินบำนาญปีนี้ถือเป็นข่าวดี  โดยได้ประโยชน์จากสภาวะเศรษฐกิจที่ดี ในปี ๒๐๑๔ บำนาญขึ้น ๑.๖๗% ในภาคตะวันตกและ ๒.๕๓% ในภาคตะวันออก

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ขาดแคลนการบริจาคอวัยวะ

ประชาชนราว ๘๗% คิดหนักเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะ  แต่เพียงทุก ๑ ใน ๓ คน (๓๑%) เป็นเจ้าของบัตรบริจาคอวัยวะที่ในกรณีเสียชีวิตสามารถตัดสินเห็นด้วยหรือต่อต้านการผ่าตัดอวัยวะ  ทั้งนี้ เป็นผลการสอบถามจากบริษัทประกันสุขภาพ Barmer GEK ในปี ๒๐๑๒ การบริจาคอวัยวะประสบกับความเสียหายด้านภาพลักษณ์อย่างแรง  ครั้งนั้นมีการเปิดเผยว่าในศูนย์ปลูกถ่าย ๕ แห่งทั่วประเทศมีการแก้ไขบิดเบือนการมอบอวัยวะ  กรณีนี้ส่งผลหนัก  เนื่องจากในประเทศเยอรมันขาดแคลนอวัยวะบริจาค
ตัวเลขโดยเฉลี่ยประชาชน ๑๑,๐๐๐ คนรอคอยอวัยวะ  ก่อนหน้ากรณีอื้อฉาวมีผู้บริจาค ๑,๒๐๐-๑,๓๐๐ คนต่อปี  ผลที่ตามมาหลังเกิดกรณีอื้อฉาวจำนวนลดลงเหลือ ๘๖๔ คนในปี ๒๐๑๔  ในประเทศเยอรมันได้รับอนุญาตให้ผ่าอวัยวะหากมีการยินยอมของผู้ประสบเหตุหรือของญาติ และโดยแพทย์สองคนที่ไม่อยู่ในหน่วยงานเดียวกันได้วินิจฉัยว่าคนไข้สมองตายแล้ว  เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ถูกสอบถามรับว่ากรณีอื้อฉาวสิ่งอิทธิพลทางลบต่อความไว้วางใจ  แต่ยิ่งผู้ใดสนใจอย่างลึกซึ้ง ความพร้อมที่จะให้อวัยวะในกรณีเสียชีวิตก็ยิ่งสูงขึ้น  โดย ๕๓% ชี้แจงว่าพร้อมบริจาคอวัยวะสูง  ในกลุ่มผู้ที่ลังเลเกี่ยวกับคำถามนี้อย่างถึงแก่นพร้อมจะบริจาค ๒ ใน ๓
Christoph Straub ประธานใหญ่ GEK กล่าวว่าบริษัทจะดูแลให้มีความเพียรพยายามสำหรับการชี้แจงมากขึ้น  ไม่ปล่อยปละละเลย  นับแต่ปลายปี ๒๐๑๒ บริษัทประกันตามกฎหมายและประกันเอกชนต้องชี้แจงผู้ทำประกันเกี่ยวกับการบริจาคอวัยวะอย่างสม่ำเสมอ  การรณรงค์ส่งผล  โดย ๘๓% ของพลเมืองรู้ว่าสามารถปลดภาระญาติพี่น้องจากการตัดสินใจที่ยากด้วยบัตรบริจาคอวัยวะ  แต่เพียง ๕๓% ตระหนักว่าสามารถตัดสินใจต่อต้านการผ่าตัดอวัยวะออกจากร่างได้ด้วยบัตรนี้เช่นกัน

ยับยั้งไม่ได้

 ลูกค้าการรถไฟแห่งประเทศเยอรมันต้องเตรียมรับมือกับการยกเลิกขบวนรถไฟอีกครั้งหนึ่ง  แม้จะพยายามเจรจาจนถึงนาทีสุดท้าย พนักงานขับรถไฟได้เริ่มต้นการสไตรค์รอบที่ ๙ เมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคมที่ผ่านมา  โดยเริ่มแรกเพียงรถไฟขนส่ง  ตั้งแต่เวลา ๒ นาฬิกาของวันที่ ๒๐ พฤษภาคมรถไฟสำหรับผู้โดยสารควรจะสไตรค์ด้วย  ทั้งนี้ไม่มีการระบุวันยุติว่าเมื่อไหร่  ถือเป็นการประท้วงโดยไม่มีกำหนดขอบเขตการสิ้นสุด

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

อาชีพตำรวจเสี่ยงฆ่าตัวตายสูง

อัตราการฆ่าตัวตายในกลุ่มอาชีพตำรวจในแคว้นนอร์ดไรน์-เวสฟาเลนสูงกว่าในกลุ่มประชากรโดยรวม ๒ เท่า  ตามสถิติใหม่ของกระทรวงกิจการภายในของแคว้น ในรอบ ๕ ปีที่ผ่านมา  เจ้าหน้าที่ตำรจในแคว้นรวมทั้งสิ้น ๔๑ นายฆ่าตัวตาย  ตามข้อมูลของ Ralf Jaeger รัฐมนตรีกิจการภายใน สาเหตุที่ฆ่าตัวตายที่พบบ่อยที่สุดเป็นเรื่องผิดหวังส่วนตัว  เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องไปที่ที่เกิดเหตุเป็นคนแรกหากมีอุบัติเหตุรุนแรง การกระทำผิด การทะเลาะเบาะแว้งในครอบครัว  หรือความรุนแรงบนท้องถนน
ตามสายตาของ Gregor Golland ผู้เชี่ยวชาญกิจการภายในของพรรค CDU มีความเห็นว่า  อาชีพตำรวจที่เคร่งเครียดพร้อมการทำงานเป็นกะ  เป็นความกดดันและมักถูกคาดหวังที่จะต้องมีความทนทานทางร่างกายและจิตใจสูง  เขากล่าวเตือนว่าหากมีปัญหาสังคม ครอบครัว  และการเงินเพิ่มเข้ามา ภาระในหลายกรณีจะสูงเกินไป
Arnold Plickert ประธานสหภาพแรงงานตำรวจ (GdP) ของแคว้นคิดหาแนวทางที่จะรู้อาการบ่งชี้ได้ทันเวลา  ว่าตำรวจผู้ใดที่กำลังตกอยู่ในวิกฤต  ในกรณีมากกว่า ๓๐ กรณีเจ้าหน้าที่ฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนที่ใช้ปฏิบัติหน้าที่  สถิติในประเทศเยอรมันมีการฆ่าตัวตายราว ๑๐,๐๐๐ ครั้งต่อปี  ด้วยการฆ่าตัวตาย ๔๑ กรณีในเจ้าหน้าที่ ๔๐,๐๐๐ คน และอาชีพตำรวจมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ นอกเหนือจากนายธนาคาร  แพทย์ และนักธุรกิจ

ค่าบริการมือถือยังแพงเหมือนเดิม

ความฝันที่ในไม่ช้าชาวยุโรปจะสามารถใช้บริการ โทรศัพท์ ส่งข่าวสั้น(sms) และเซิร์ฟอินเตอร์เน็ตได้ในราคาเหมือนอยู่ที่บ้านมีอันต้องรอไปก่อน   เนื่องจากสิ่งที่คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปและรัฐสภาประสงค์จะทำให้เป็นจริงจนกว่าจะถึงปลายปีนี้  กำลังเผชิญกับการต่อต้านใหญ่จากประเทศสมาชิก  ตามรายงานของสื่อ แทนที่จะยกเลิกค่าธรรมเนียม  Roaming ประเทศสมาชิก ๒๘ ประเทศกลับเห็นพ้องต้องกันกับปริมาณการใช้ฟรีที่มีน้อย ในการโทรศัพท์ ข่าวสั้น และจำนวนเมกาไบท์สำหรับอินเตอร์เน็ตในต่างประเทศใน EU  โดยหลังการโทรศัพท์ ๕๐ นาที  ๕๐ ข่าวสั้น รวมทั้ง ๑๐๐ เมกาไบท์ สำหรับการเซิร์ฟในอินเตอร์เน็ตจะมีค่าใช้จ่ายปกติของเครือข่ายต่างแดน  สำหรับ sms แต่ละข่าวที่ส่งจากต่างแดนใน EU ขณะนี้มีราคา ๖ เซนต์ การโทรศัพท์ ๑๙ เซนต์ต่อนาที  ในการเซิร์ฟด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่ผู้ใช้ต้องชำระ ๒๐ เซนต์ต่อเมกาไบท์  ขณะนี้การเจรจาระหว่างรัฐสภายุโรปและประเทศสมาชิกยังไม่สิ้นสุด  แต่มีข้อเสนอประนีประนอมแล้ว  โดยระหว่างช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อจาก ๑๕ ธันวาคม ๒๐๑๕ ถึง ๑๕ ธันวาคม ๒๐๑๖ ให้ใช้ปริมาณที่กำหนด  โดยควรให้ผู้บริโภคโทรศัพท์ ๑๐๐ นาที  ข่าวสั้น ๑๐๐ ชิ้น รวมทั้งขนาดข้อมูล ๒๐๐ เมกาไบท์ตามในราคาภายในประเทศของตน

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ศิลปินในวงการเพลงภาษาเยอรมัน (129) Trio

เอกอัครราชทูต  วิญญู แจ่มขำ

Trio เป็นวงดนตรีประเภทคลื่นเยอรมันลูกใหม่ขนาดย่อม ที่เรียกว่า Neue Deutsche Welle-NDW ซึ่งมีสมาชิกในวง ฯ ๓ คน ได้แก่นาย Stephen Remmler เป็นนักร้อง  และบางครั้งก็เล่นคีย์บอร์ด นาย Gert “Kralle” Krawinkel เล่นกีต้าร์ และนาย Peter Behrens ตีกลอง ก่อตั้งขึ้นที่เมืองเล็ก ๆ ในรัฐนีแดร์ซัคเซ่น คือเมือง Großenkneten เมื่อปี ๑๙๘๐ (พ.ศ. ๒๕๒๓) โดยนาย Klaus Voormann ซึ่งบางครั้งได้เข้ามาร่วมเล่นเบสให้สำหรับเพลงบางเพลง แต่พวกเขาชอบที่จะอธิบายแนวดนตรีของวง ฯ ว่าเป็นประเภท Neue Deutsche Fröhlichkeit หรือความร่าเริงแบบเยอรมันใหม่มากกว่า เพราะเพลงที่ผลิตออกมาล้วนมีโครงสร้างและตัวโน้ตธรรมดา ทั้งจำกัดการใช้เครื่องดนตรีเพียงกลองและกีต้าร์กับการใช้เสียงขับร้องเพลงเท่านั้น หากใช้เครื่องดนตรีเพิ่ม ก็มีเพียงเบสเท่านั้น เวลาพวกเขาเล่นดนตรี จะเห็นนาย Remmler เล่นทำนองเพลงที่ตั้งรายการไว้แล้วจากคีย์บอร์ดของเครื่องคาสิโอ้เล็ก ๆ ขณะที่นาย Behrens ตีกลองด้วยมือข้างหนึ่งและกินลูกแอ๊ปเปิ้ลจากมืออีกข้างหนึ่ง
เพลงดังที่สุดของวง ฯ ก็คือเพลง Da da da, ich lieb dich nicht du liebst mich nicht aha aha aha ซึ่งเรียกง่าย ๆ ก็คือ Da Da Da ซึ่งดังไป ๓๐ ประเทศทั่วโลก ในสหรัฐอเมริกา ใช้ว่า Da Da Da I Don’t Love You You Don’t Love Me Aha Aha Aha หรือ Da Da Da
เพลง Da Da Da ติดอันดับเพลงเยอรมันยอดนิยมอันดับที่ ๒ ในเดือนเมษายน ค.ศ. ๑๙๘๒ (พ.ศ. ๒๕๒๕) อันดับที่ ๒ ในสหราชอาณาจักร ในเดือนกรกฎาคม และอันดับที่ ๓ ในแคนาดา ในเดือนธันวาคม ปีเดียวกัน พวกเขาได้ลองทำหนังเรื่อง Drei gegen Drei แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ในปี ๑๙๘๕ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ได้เลิกวง ฯ แล้วแยกกันไปทำอาชีพอื่นกัน

รางวัลคาร์ล Karlspreis

Martin Schulz ประธานรัฐสภาสหภาพยุโรปเรียกร้องสหภาพยุโรปให้ปกป้องและเน้นคุณค่า ในเรื่อง เสรีภาพและประชาธิปไตยเนื่องจากวิกฤตและความตึงเครียดในทวีป  ท่ามกลางผู้นำประเทศ ๘ ประเทศ ในจำนวนนี้รวมถึงประธานาธิบดี Francois Hollande จากประเทศฝรั่งเศส  กษัตริย์ Felipe ที่ ๖ จากประเทศสเปน พระเจ้าอับดุลลาห์ที่ ๒ จากประเทศจอร์แดน ชุลซ์ วัย ๕๙ ปีได้รับรางวัลคาร์สไพรซ์สำหรับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยของสหภาพยุโรปเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคมที่ผ่านมาที่ศาลาว่าการเมือง Aachen
ประธานาธิบดี Joachim Gauck ของประเทศเยอรมันได้เตือนถึงการแสดงตัวที่มุ่งมั่นของประเทศสมาชิก EU ทั้ง ๒๘ ประเทศ  โดยกล่าวว่าในอันตรายสมาคมสหภาพยุโรปต้องพิสูจน์ว่ามีสมรรถภาพในการลงมือจัดการและการป้องกันด้วย  เนื่องจากอันตรายเช่นในกรณีของการก่อการร้ายมาจากทั้งภายในและภายนอกในขณะเดียวกัน  ประธานาธิบดีโอลลองด์ที่ผูกพันเป็นมิตรกับชุลซ์มาเป็นเวลานานเน้นความรับผิดชอบนานาชาติของยุโรป โดยกล่าวว่าการเป็นชาวยุโรปหมายถึงต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมและความไม่เท่าเทียมกัน  พระเจ้าอับดุลลาห์บินอัลฮุสเซนทรงเห็นว่ายุโรปมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งตะวันออกกลาง  โดยเป็นเรื่องของการสื่อข่าวสารที่เน้นความสำคัญเป็นพิเศษ  ภายใต้แขกเหรื่อยังมีประธานาธิบดี Petro Poroschenko จากประเทศอูเครนและประธานาธิบดี Dalia Grybauskaité  จากประเทศลิธัวเนียที่เคยได้รับรางวัลคาร์ลสไพรซ์ด้วย  สาธุคุณ Heinrich Mussinghoff จาก Aachen ยกย่องชุลซ์ที่เสริมสร้างประสิทธิภาพของรัฐสภายุโรป

ไปรษณีย์ประท้วง

ลูกค้าการไปรษณีย์แห่งประเทศเยอรมันจำนวนมากต้องเตรียมรับมือกับความล่าช้าในการส่งจดหมายและพัสดุอีกครั้งหนึ่งในสัปดาห์นี้  หลังการยกเลิกกลางคันของการเจรจาค่าแรงรอบที่สี่  เพื่อต่อรองระยะเวลาทำงานที่สั้นลงเมื่อวันที่ ๙  พฤษภาคมที่ผ่านมา สหภาพแรงงาน Verdi ได้ประกาศมาตรการสไตรค์ทั่วประเทศ  ลูกค้าการไปรษณีย์ ฯ จำนวนมากขึ้นทุกทีตกอยู่ในวังวนของการประท้วงผ่านการส่งจดหมายล่าช้า  โดย Verdi ประสงค์จะเปิดเผยช่วงเวลาของการสไตรค์ล่วงหน้าไม่นาน  ในการเจรจาค่าแรงรอบที่สี่สหภาพแรงงานปฏิเสธข้อเสนอใหม่ของนายจ้างว่าไม่เพียงพอ  บริษัทไม่พร้อมที่จะลดเวลาทำงานต่อสัปดาห์  Andrea Kocsis ผู้นำการเจรจากล่าวว่าด้วยข้อเสนอนี้การไปรษณีย์ ฯ เพิ่มความขัดแย้ง  ซึ่งผู้ทำงานจะไม่ยอมรับ  ขณะนี้คณะกรรมาธิการค่าแรงควรจะเป็นผู้ตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการเจรจาค่าแรงต่อไป  หากการเจรจาได้รับการชี้แจงว่าล้มเหลว  ก็ไม่อาจตัดการลงมติและการสไตรค์เป็นเวลาหลายวันออกไปได้อีก  การไปรษณีย์ ฯ ได้เสนอจะยืดการปกป้องการให้ออกจากงาน ๓ ปีไปจนถึงปลายปี ๒๐๑๘  และให้วันที่ ๒๔ และ ๓๑ ธันวาคมเป็นวันหยุดงานอีกครั้งหนึ่ง  ในขณะที่สหภาพแรงงานเรียกร้องการลดเวลาทำงานต่อสัปดาห์ลงจาก ๓๘.๕ เป็น ๓๖ ชั่วโมง  โดยค่าแรงเท่าเดิม

ข้อมูลที่น่ารู้ ว่ากันกันว่า…สำหรับนั่งหลังพวงมาลัยกับนักดื่ม

เข้าห้องน้ำบ่อย ๆ กินขนมปังหรือดื่มกาแฟ ฯลฯ  มีทฤษฎีหลากหลายเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถช่วยคนเมาไม่ให้เมาจนฟุบ  Gabriele Bartsch จากสำนักงานใหญ่สำหรับปัญหาการเสพติดเยอรมัน (DHS) กล่าวว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยไม่ได้จริง  ตัวอย่างการบอกเล่าบางประการและความเป็นจริง
  • ขนมปังดูดแอลกอฮอล์  ไม่จริง  เนื่องจากแอลกอฮอล์เดินทางจากกระเพาะอาหารเข้าสู่เส้นเลือด  ซึ่งขนมปัง ๑ ชิ้นทำอะไรได้น้อยมาก  อย่างไรก็ดี ดื่มแอลกอฮอล์ร่วมกับอาหารจะทำให้เมาช้ากว่า  เนื่องจากโดยทั่วไปจะดื่มช้าลง
  • กาแฟทำให้หายเมา แม้ว่ากาแฟและเครื่องดื่มชูกำลังจะช่วยเร่งชีพจร  ทำให้บางทีรู้สึกฟิตขึ้น  แต่ไม่ได้ลดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด
  • เครื่องดื่มผสมไม่ทำให้เมาเหมือน Schnaps  เรื่องนี้ Bartsch กล่าวว่าร่างกายไม่ได้สนใจบรรจุภัณฑ์  หากแต่ปริมาณแอลกอฮอล์ที่เข้าสู่ร่างกาย  อย่างไรก็ดี อันตรายที่จะดื่มมากเกินไปใน Schnaps สูงกว่า  เนื่องจากรับของเหลวน้อยกว่า  ทำให้เกิดความรู้สึกว่ายังมีที่ในกระเพาะอีก  ส่วนเครื่องดื่มผสมบ่อย ๆ แทบไม่รู้สึกถึงรสชาติแอลกอฮอล์  ดังนั้น จึงมักค่อนข้างถูกประเมินผลต่ำ
  • ผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่าทนแอลกอฮอล์ได้มากกว่า ข้อนี้เป็นความจริง  Bartsch กล่าวว่าแต่ไม่ได้หมายความว่าประชาชนที่น้ำหนักมากกว่าสามารถดื่มได้โดยไม่ต้องคิดมาก  ร่างกายจะทนแอลกอฮอล์ได้เพียงไรขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น สภาพร่างกายส่วนบุคคล  ความเคยชินและอาหาร ก็มีบทบาทด้วย
  • แอลกอฮอล์ที่เกินปริมาณจะถูกขับออกไปพร้อมปัสสาวะ ข้อนี้ก็คล้ายคลึงกับเรื่องขนมปัง  แอลกอฮอล์จะเข้าสู่กระแสโลหิตก่อนที่จะไปยังกระเพาะปัสสาวะ
ดังนั้น สิ่งเดียวที่ช่วยได้ คือ ดื่มน้อยลง!

วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

พักการประท้วงไปอีกนาน

ยกเลิกการเตือนภัยสำหรับผู้โดยสารรถไฟ  หลังการยุติการประท้วงเป็นเวลาเกือบ ๑ สัปดาห์ สหภาพแรงงานคนขับรถไฟ GDL ยังไม่วางแผนการสไตรค์ครั้งใหม่  Claus Weselsky หัวหน้า GDL กล่าวต่อหนังสือพิมพ์ “Frankfurter Allgemeinen Sonntagszeitung” ว่าประเทศเยอรมันและลูกค้าการรถไฟ ฯ ขณะนี้สมควรได้รับการพักและการรถไฟ ฯ พักตรึกตรองแลดูสถานการณ์ก่อนมีการเคลื่อนไหวต่อไป  หลังยุติการประท้วงการรถไฟ ฯ ค่อย ๆ หวนคืนสู่ธุรกิจปกติ  แต่สหภาพแรงงานไม่ประสงค์จะออกความเห็นเกี่ยวกับการพักสไตรค์ไปอีกยาวนาน  โดยขณะนี้ไม่มีแผนการสำหรับการประท้วงครั้งใหม่   Weselsky ปฏิเสธข้อสันนิษฐานว่าครั้งหน้า GDL มีทางเลือกเพียงการสไตรค์โดยไม่มีกำหนดเวลา  โดยกล่าวว่าการสไตรค์โดยไม่มีกำหนดเวลาเป็นเครื่องมือสุดท้าย  ซึ่ง GDL ยังไม่ไปไกลขนาดนั้น  ตามข้อมูลของ GDL ในการสไตรค์ล่าสุดมีสมาชิกเข้าร่วมเฉลี่ย ๓,๓๐๐ คนต่อวัน  Weselsky เปิดเผยว่ามากกว่าการสไตรค์ครั้งก่อนหน้าอย่างชัดเจนและปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับเงื่อนไขการสไตรค์ที่ไม่หนักแน่น  สภาอุตสาหกรรมและการค้าเยอรมันระบุความเสียหายจากการสไตรค์สำหรับเศรษฐกิจเยอรมันราว ๕๐๐ ล้านยูโร  ตามข้อมูลของโฆษก การรถไฟ ฯ ยังไม่สามารถระบุความเสียหายที่เกิดขึ้นกับการรถไฟ ฯ ได้

เลือกตั้งเบรเมน

หลังการสูญเสียอย่างชัดเจนของทั้งสองพรรคในการเลือกตั้งที่เบรเมนเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลผสมแดง-เขียวที่ร่วมกันบริหารมา ๘ ปีถึงกับสั่นคลอน แม้ว่าพรรค SPD ภายใต้การนำของJens Boehrnsen หัวหน้ารัฐบาลจะชนะการเลือกตั้งอย่างชัดเจนและสามารถก่อตั้งรัฐบาลครั้งใหม่ แต่เป็นผลการเลือกตั้งที่ย่ำแย่ที่สุดนับแต่ปี ๑๙๔๖  พรรคเขียวที่เป็นคู่ผสมของ SPD มาตั้งแต่ปี ๒๐๐๗ พร้อมผู้สมัคร  Karoline Linnert สูญเสียคะแนนเสียงอย่างหนักหลังผลการเลือกตั้งที่ดีมากในปี ๒๐๑๑  ตามผลการเลือกตั้ง SPD ที่เป็นรัฐบาลบริหารมาโดยตลอดนับแต่ปี ๑๙๔๖ ได้รับคะแนนเสียง ๓๒.๙% (-๕.๗)  CDU ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ ๒ ด้วยคะแนน ๒๒.๖% (+๒.๒)  ตามมาด้วยพรรคเขียว ๑๕.๓% (-๗.๒)  พรรคซ้าย ๙.๒% (+๓.๖)  FDP ประสบความสำเร็จได้เข้าสภาด้วยคะแนนเสียง ๖.๕% (+๔.๑)  AfD ๕.๕% (+๕.๕)  ผู้ไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งอยู่ที่ ๕๐%  ซึ่งต่ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน  Boehrnsen ได้เปิดเผยในคำชี้แจงเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคมที่ผ่านมา ขอรับผิดชอบผลการเลือกตั้งที่ที่เลวร้ายสำหรับพรรค SPD โดยจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง  เขาประสงค์จะเปิดทางให้กับการแต่งตั้งบุคลากรใหม่และนโยบายใหม่ของพรรค  จนกว่าจะถึงวันที่ ๑๘ พฤษภาคมควรดำเนินการพูดคุยกับผู้สมัครที่จะมารับตำแหน่งต่อและยื่นข้อเสนอ  Boehrnsen เป็นรัฐบาลบริหารที่เบรเมนมาตั้งแต่ปี ๒๐๐๕ ทำให้เป็นนายก ฯ ที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดในประเทศเยอรมัน  แม้ว่าพรรคคู่ผสมทั้งสองจะสูญเสียคะแนนเสียง  กระนั้น ก็ยังสามารถปกครองเบรเมนต่อไปด้วยคะแนนเสียงข้างมากเฉียดฉิว  ๑ วันหลังการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคทั้งสองยังเปิดกว้างเกี่ยวกับอนาคตของการจับมือผสม  โดยกล่าวว่าประสงค์จะรอสรุปผลลัพธ์ที่เป็นที่แน่นอนแล้วและวิเคราะห์สถานการณ์

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

น้ำมันอะโวคาโดช่วยลดอาการป่วย

นักวิจัยในเม็กซิโกเผยน้ำมันอะโวคาโดช่วยป้องกันโรคเบาหวาน-ความดันโลหิตสูง   อะโวคาโด เป็นที่รู้จักกันดีเรื่องคุณสมบัติในการช่วยลดคอเลสเตอรอล แต่ขณะนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้วิจัยพบว่าอะโวคาโดยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์ถูกทำลายจากปัจจัยทางสภาพแวดล้อมต่างๆ อาทิเช่น การแพร่กระจายของมลภาวะทางอากาศ ได้ด้วย
avcd-09-12-2014
เม็กซิโก เป็นประเทศที่ปลูกอะโวคาโดมากที่สุดในโลก จากข้อมูลของสำนักเลขาธิการด้านเศรษฐกิจของเม็กซิโก ระบุว่า ในปี 2553 เม็กซิโก มีอะโวคาโดเป็นผลิตผลถึง 1.8 ล้านตัน ซึ่งส่งออกไปยังสหรัฐ ญี่ปุ่น แคนาดา และยุโรปเป็นหลัก เฉพาะรัฐมิโชอากังแห่งเดียว ก็ผลิตอะโวคาโดเป็นจำนวนราว 18% ของอะโวคาโดทั้งโลก และราว 95% ของอะโวคาโดทั้งประเทศ
นายคริสเตียน กอร์เตส โรโจ นักวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งมิโชอากัง ในเมืองซาน นิโคลัส ฮิดัลโก กล่าวว่า อะโวคาโด มีบางสิ่งบางอย่างนอกเหนือไปจากรสชาติ ลักษณะ และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งเขาและทีมงานได้ค้นพบว่า น้ำมันอะโวคาโด มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ที่ช่วยป้องกันผลกระทบจากโรคต่างๆ ในกรณีที่ระบบเซลล์ไมโทคอนเดรียถูกขัดขวาง
ทั้งนี้ ไมโทคอนเดรีย เป็นส่วนประกอบในเซลล์ ที่ทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานของเซลล์ และแปลงพลังงานจากโมเลกุลของอาหาร ไปสู่สารให้พลังงานสูงแก่เซลล์ รวมไปถึงการแบ่งตัวของเซลล์ด้วย อย่างไรก็ตาม ไมโทคอนเดรีย ยังมีโมเลกุลของออกซิเจน ซึ่งสามารถถูกเปลี่ยนแปลงไปเป็นอนุมูลอิสระ หลังจากสัมผัสกับปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมบางประการ ซึ่งรวมถึงการสูบบุหรี่ รังสี และมลภาวะ อนุมูลอิสระนี้สามารถแปลงโมเลกุล ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมีหน้าที่สร้างเซลล์ ให้กลายเป็นอนุมูลอิสระได้เช่นกัน และนั่นเป็นการทำลายการทำงานของเซลล์
จากการทดลองร่วมกับยีสต์เซลล์ ทำให้เห็นผลว่า คุณสมบัติของอะโวคาโด มีส่วนช่วยต้านความชราและโรคบางโรคได้ เช่น โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิตสูง “การค้นพบที่สำคัญคือ น้ำมันอะโวคาโด ช่วยเพิ่มพูนกระบวนการทำงานไมโทคอนเดรียของยีสต์เซลล์ ในระหว่างเวลาที่อนุมูลอิสระลดลง นี่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะน้ำมันอะโวคาโด อาจจะสามารถให้ผลเช่นเดียวกันนี้ในมนุษย์ ในกรณีของโรค ที่ทำให้ไมโทคอนเดรียถูกทำลาย น้ำมันอะโวคาโด ก็จะช่วยให้อวัยวะทนทาน หรือต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากขึ้น” นายโรโจ กล่าว
อะโวคาโด ซึ่งประกอบไปด้วยโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 เช่นเดียวกับวิตามินอี เป็นที่รู้จักในฐานะที่มีคุณสมบัติในการต้านสารอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่หลอดเลือด ด้วยการลดคอเลสเตอรอลและลดอัตราการเสี่ยง ที่หลอดเลือดจะถูกทำลาย สารต้านอนุมูลอิสระ ยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความแข็งแรง ให้แก่ผนังหลอดเลือด ทั้งยังช่วยให้หลอดเลือดปรับตัวได้ดีขึ้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิตอย่างฉับพลัน
ด้วยคุณสมบัติหลากหลายประการนี้ บางพื้นที่ในรัฐมิโชอากัง จึงขนานนามอะโวคาโดว่าเป็น “ทองคำสีเขียว” เพราะเป็นเสมือนอนาคตของเศรษฐกิจท้องถิ่น นอกจากนี้ น้ำมันอะโวคาโดยังมีราคาอยู่ที่ลิตรละ 7.15 ดอลลาร์ เทียบเท่ากับราคาน้ำมันมะกอกเลยทีเดียว

วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล ร่างกายแข็งแรง

แอปเปิ้ลให้สารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตและวิตามินซีเป็นหลัก ซึ่งปริมาณวิตามินซีจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว และความสด เนื้อแอปเปิ้ล 100 กรัม มีวิตามินซีประมาณ 6 มิลลิกรัม และให้พลังงานราว 59 แคลอรี ไม่ทำให้อ้วน แต่แอปเปิ้ลก็มีสารอาหารที่มีประโยชน์ชนิดอื่นทดแทน แบบที่เรียกได้ว่าไม่น้อยหน้าผลไม้อื่นแต่อย่างใด

พลังงานที่ได้จากแอปเปิ้ลมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจคือ แอปเปิ้ลจะให้พลังงานค่อนข้างต่ำและค่อยเป็นค่อยไป เพราะแหล่งพลังงานของแอปเปิ้ลคือ น้ำตาลฟรักโทสซึ่งเป็นน้ำตาลที่เปลี่ยนรูปเป็นพลังงานอย่างช้า ๆ ในร่างกายช่วยให้ไม่รู้สึกหิว อิ่มนาน ผลที่ตามมาคือ ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ไม่สูงเร็วเหมือนกินขนมหวาน จึงเหมาะกับคนไข้เบาหวานด้วยเช่นกัน
เปลือกและเนื้อของแอปเปิ้ลมีเส้นใยอาหารที่ชื่อว่า “เพคติน” ที่มีคุณสมบัติพองตัวได้มาก ช่วยเพิ่มกากในทางเดินอาหาร ทำให้อวัยวะในทางเดินอาหารมีการทำงานเป็นปกติ เพิ่มประสิทธิภาพในการขับถ่าย ซึ่งเป็นการช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ และยังช่วยจับคอเลสเตอรอลไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ป้องกันโรคคอเลสเตอรอลในเลือดสูง โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง
นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังอุดมไปด้วยวิตามิน เกลือแร่และสารอาหารที่มีประโยชน์อีกหลายชนิด ทั้งวิตามินเอ บี 1 บี 2 บี 6 ไบโอติน กรดโฟลิก กรดแพนโทเธอนิค เกลือแร่ คลอไรด์ เหล็ก ทองแดง แมกกานีส แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม โซเดียม ซิลิคอน และยังมีกรดอินทรีย์ 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน สารอาหารเหล่านี้ มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน โดยเฉพาะวิตามินซี และสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบมากในแอปเปิ้ล จะช่วยป้องกันโรคหัวใจในผู้ที่รับประทานเป็นประจำ
แอปเปิ้ลเขียว หรือแอปเปิ้ลแดง ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน
เมื่อวิเคราะห์จากคุณค่าสารอาหารต่าง ๆ เปรียบเทียบระหว่างแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่แอปเปิ้ลแดงมีเหนือกว่าเล็กน้อยคือ ปริมาณของสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มฟลาโวนอยด์นั่นเอง
ดื่มน้ำแอปเปิ้ล ก็ได้ประโยชน์เท่ากินทั้งลูก?
จากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น จะพบว่าประโยชน์ของแอปเปิ้ลมาจากองค์ประกอบ 3 ตัวด้วยกันคือ จากเส้นใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากบริเวณเปลือก และจากน้ำตาลฟรักโทสที่มีมากในเนื้อแอปเปิ้ล ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำแอปเปิ้ล ควรเลือกวิธีการปั่นทั้งผล โดยไม่ต้องปอกเปลือก เพราะหากใช้วิธีคั้นน้ำ จะทำให้ได้เฉพาะน้ำตาลและสารต้านอนุมูลอิสระอีกเล็กน้อย ซึ่งอาจทำให้อ้วนได้มากกว่าเดิม และไม่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากแอปเปิ้ลอย่างครบถ้วน
กินแอปเปิ้ลอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ในแง่โภชนาการ แอปเปิ้ลไม่ใช่ผลไม้ที่มีวิตามินหรือแร่ธาตุในปริมาณสูงมากนัก เมื่อเทียบกับกล้วย ฝรั่งหรือส้ม แต่หากทานแอปเปิ้ลวันละ 2-4 ลูก โดยไม่ปอกเปลือกก็จะได้รับเส้นใยอาหารและสารอาหารต่าง ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะ

นิตยสาร  แม่บ้าน

ไปให้ถึงจุดหมาย

การสไตรค์ที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของการรถไฟแห่งประเทศเยอรมันทำให้ชีวิตของคนทำงานและคนเดินทางสัญจรประสบความยุ่งยาก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคมที่ผ่านมาสหภาพแรงงานคนขับรถไฟ GDL ได้ขยายการประท้วงไปสู่การคมนาคมทางไกล รถไฟในภูมิภาคและรถราง  การประท้วงเกือบ ๑ สัปดาห์ที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคมด้วยการคมนาคมขนส่งและควรดำเนินไปถึงวันที่ ๑๐ พฤษภาคมเป็นการประท้วงครั้งที่ ๘ ในความขัดแย้งเรื่องค่าแรง  สิ่งที่คนเดินทางควรทำ
db-14-09-2014
  • ตรวจสอบว่ารถไฟวิ่งหรือไม่  การรถไฟ ฯ ยังประสงค์จะคงบางส่วนของการเดินทางไว้  สำหรับเส้นทางระยะทางไกลราว ๓๐% ของทุกเที่ยวควรยังวิ่งอยู่  ในการคมนาคมในภูมิภาคควรเป็น ๑๕-๖๐%  ตารางการเดินทางสำรองดูได้ใน bahn.de/liveauskunft  ในสมาร์ทโฟนผู้โดยสารพบข้อมูลนี้ได้ใน App DB Navigator หรือ m.bahn.de  ข้อมูลเกี่ยวกับการประท้วงมีในหมายเลขโทรศัพท์ฟรี ๐๘๐๐๐ ๙๙๖๖๓๓ ด้วย
  • ในความล่าช้าเรียกร้องเงินคืน ตามกฎหมาย ในการล่าช้าตั้งแต่ ๑ ชั่วโมงขึ้นไปผู้โดยสารจะได้รับ ๒๕% ของราคาค่าโดยสารคืน  ตั้งแต่ ๒ ชั่วโมงขึ้นไป ๕๐%  ในกรณีเฉพาะบางกรณีผู้โดยสารที่ต้องคำนวณการล่าช้าอย่างน้อย ๖๐ นาทีที่จุดหมายปลายทางสามารถโดยสารยานพาหนะอื่น เช่น รถเมล์หรือแท็กซี  หากช่วงเวลามาถึงตามกำหนดอยู่ระหว่าง ๐-๕ นาฬิกาในตอนเช้า การรถไฟ ฯ จะชดเชยค่าใช้จ่ายให้ถึงอย่างมาก ๘๐ ยูโร  โดยผู้โดยสารต้องเก็บตั๋วโดยสารรถเมล์หรือใบเสร็จของแท็กซี่ไว้
  • ใช้รถไฟเที่ยวอื่น หากไม่มีเที่ยวเดินทางในตารางเดินทางสำรอง ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนไปขึ้นคันอื่น  โดยได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถไฟที่มีราคามากกว่าด้วย
  • ขอคืนตั๋วโดยสาร การรถไฟ ฯ เสนอลูกค้ารับคืนตั๋วโดยสารและการสำรองที่นั่งระหว่างการสไตรค์โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  ในเส้นทางที่รถไฟวิ่งด้วย
  • ทางเลือก สำหรับผู้โดยสารจำนวนมากรถบัสโดยสารทางไกลเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุด  นอกจากนั้นมีการเดินทางร่วม โดยในอินเตอร์เน็ตผู้ขับรถยนต์เสนอที่นั่งว่างในรถเป็นทางเส้นทาง

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทับทิม อาหารเป็นยามาตั้งแต่สมัยโบราณ 8,000 ปี & วิธีทำน้ำทับทิมสด…ดื่มเพื่อสุขภาพ

ในเมืองไทย นิยมปลูก ทับทิม เป็นต้นไม้มงคลไว้ตามบ้านหรือร้านค้า แต่เวลามีลูก ก็ปล่อยแตก แห้งอยู่กับต้น เป็นผลไม้ธรรมชาติที่ปลูกในบริเวณบ้านแต่ส่วนใหญ่ไม่นิยมนำมาใช้เป็นอาหาร เช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ เพราะมีเมล็ดมาก เนื้อมีรสเปรี้ยว เมล็ดแข็ง แกะยาก ฯ
20140922_164141
เด็กๆบางคนไม่รู้จักเลยว่าเป็นผลไม้ชื่ออะไร เพราะปกติก็ไม่มีวางขาย มามีไม่กี่ปีนี้ที่ผ่านมา ทับทิมมีแม่ค้านำมาขายในตลาด ขายดิบขายดี แต่เป็นทับทิมที่มาจากต่างประเทศ  เช่น จีน เป็นทับทิมเมล็ดนิ่มเคี้ยวเมล็ดกลืนได้ง่าย ส่วนที่ขายตามห้างใหญ่ๆราคาสูงมาก น่าจะมาจากประเทศอื่น ในประเทศไทยเราก็มีปลูกเป็นสวนใหญ่ๆ และมีการผลิตน้ำทับทิมขายแล้วเช่นกัน เช่นที่ อ.พบพระ  จ.ตาก ฯ
แต่การออกจำหน่ายไม่ทั่วถึงคนไทยทั้งประเทศ คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องซื้อของจีน ซึ่งมีปีละครั้ง ผลไม้จากจีนหลายชนิด มาขายในไทยแล้วขายดีมากด้วย แต่ในความรู้สึกของผู้ซื้อส่วนหนึ่ง จะกังวลเรื่อง ยาสารเคมีที่อยู่ในผลไม้แต่ละชนิดว่ามีมากหรือไม่มี แต่ก็ซื้อเพราะอร่อย และราคาไม่แพงมาก การที่จะมียาสารเคมีตกค้างในผลไม้หรือไม่นั้นผู้ซื้อไม่สามารถทราบได้เลย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ชนิดไหนที่วางขาย ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตามฤดูกาลหรือนอกฤดูกาล เพราะมีผู้ปลูกพืชผลขายนั้นมีน้อยรายที่จะนึกถึงสุขภาพของผู้ซื้อ
ทับทิม เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและมีสรรพคุณอย่างไร  ดังนี้คือ
บทความแรก ที่จะบอกกล่าวให้ทราบนี้เป็นบทความที่ผู้เขียนตัดเก็บไว้หลายปีแล้ว ก่อนที่จะเขียนบันทึกได้รวบรวมข้อมูลเรื่องทับทิมที่จะเขียน ซึ่งที่ท่าน สาโรจน์ ชวนะวิรัช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ปัจจุบันท่านอายุ 70 ปี เขียนนั้นทำให้เราทราบว่าความเป็นมาของทับทิม การค้นคว้าวิจัย การผลิตขาย ฯ โดยเฉพาะเป็นผลไม้อาหารเป็นยามาตั้งแต่สมัยโบราณ และสรรพคุณเยี่ยมมาก
มารีบผลิตน้ำทับทิมดื่มกันเถิด
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีมากในเมืองไทยชนิดหนึ่ง และมีชื่อเรียกต่างๆกันตามภูมิภาค เช่น พิลา พิลาขาว มะถือ และมะก่องแก้ว เป็นต้น มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Punica Granata ชื่อวงศ์ว่า Punicaceae ส่วนภาษาอังกฤษ เรียกว่า Pomegranaate หรือ Punic Apple
บทความในหนังสือพิมพ์คมชัดลึกได้เคยลงไว้ว่า ทับทิมเป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก ทับทิมสามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงแล้วเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจาก เปอร์เชีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีในแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัยด้วย
สำหรับจีนเอง ก็ถือว่า ทับทิมเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแก่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เชีย โบราณมีความเชื่อว่า คุณค่าทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้จากสวรรค์ หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้าเลยทีเดียว
ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียม และแคลเซียม Tannin Polyphenolic ซึ่งล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น เช่น ระบบฟอกโลหิต และระบบหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เชีย ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน ระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์ดังต่อไปนี้
สารฟื้นฟูสภาพเดิมของหัวใจและตับ การฟอกไต และท่อปัสสาวะ สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย ขจัดไขมันส่วนเกิน เป็นยาบำรุงกำลัง ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน ปรับปรุงระบบการฟอก และหมุนเวียนโลหิต การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ ต่อต้านการเสื่อมสมรรถนะทางเพศ และเพิ่มพลัง ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ ทำให้ผิวหน้าสวย
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา พบว่าในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด และมีประสทธิภาพสูงมาก งานวิจัยแรกพบว่า สารจากน้ำทับทิมสามารถลดภาวะการณ์แข็งตัวของเส้นเลือดจากไขมันในเลือดสูงได้ อีกรายงานยังสรุปว่าทำให้เส้นเลือดที่หนาตัว และมีไขมันสะสม ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดี มีความหนาตัวลดลง และลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย
มีรายงานการให้สารทับทิมในหนูทดลอง ก่อนที่จะให้สารพิษคาร์บอนเตตราคลอไรด์ต่อตับ พบว่าหนูที่ได้รับสารจากทับทิมมีฤทธิ์ป้องกัน การเป็นพิษต่อตับได้จริง ยังมีงานวิจัยอีกว่า ทับทิมในรูปน้ำคั้นสดและผ่านการหมัก มีฤทธิ์ในการยับยั้งเซลล์มะเร็งทรวงอกได้จริงอีกด้วย
ในประเทศญี่ปุ่น มีการแนะนำทับทิมทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ว่า ทับทิมมีสรรพคุณ ในการบรรเทาโรคหัวใจ และความดันโลหิตสูง ช่วยเพิ่มพลัง เพิ่มความงาม และประโยชน์อื่นอีกมากมาย ทำให้ทับทิมเป็นที่สนใจอย่างกว้างขวาง
การศึกษาค้นคว้าในประเทศอิสราเอลก็เช่นกัน ศาสตราจารย์ Michacl Aviram ค้นพบว่า การดื่มน้ำทับทิมคั้นวันละแก้ว จะช่วยเสริมสุขภาพของหัวใจให้ดีขึ้น นอกจากนั้นการศึกษาในขั้นต้นยังค้นพบด้วยว่า น้ำทับทิมประกอบด้วยสารที่สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าชาเขียว หรือไวน์แดงในปริมาณที่เท่ากันถึง 3 เท่าตัวด้วย
ในปัจจุบัน ได้มีการค้นคว้าและแปรรูปทับทิมมากมาย จากหลายประเทศทั่วโลกเช่น ในประเทศเยอรมนี นอกจากจะมีการผลิตสินค้าจากน้ำทับทิมเข้มข้นแล้ว ยังได้นำเมล็ด ใบ และดอก มาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าหลากหลายชนิด และกำลังวางแผนที่จะส่งออกมาจำหน่ายในประเทศไทยด้วย
แต่ประเทศที่น้ำทับทิมกำลังฮิตที่สุดก็คือ สหรัฐอเมริกาด้วยฝีมือของสามีภรรยา Resnicks แห่งลอสแองเจลิส พวกเขาได้ไปซื้อที่นา 100 เอเคอร์ เมื่อปีค.ศ 1978 ซึ่งมีแต่ต้นทับทิมปลูกอยู่เต็ม และไม่รู้จะทำอะไรกับต้นทับทิมเหล่านี้ เพราะคนอเมริกันรู้จักทับทิมเพียงร้อยละ 12 เท่านั้น เวลาผ่านไป 12 ปีครอบครัว Resnicks จึงไปอ่านพบเอกสารซึ่งแสดงว่าไม่แต่พวกเปอร์เซียเท่านั้น แต่คนอียิปต์โบราณ และต่อมาพวกโรมัน และพวกกรีกต่างก็ใช้ทับทิมเป็นยามาหลายพันปีแล้ว
ขณะเดียวกันก็ได้ยินข่าวที่ Dr.Aviram นักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลที่กล่าวถึงขั้นต้น ก็กำลังทำการค้นคว้าเรืองสารต่อต้านอนุมูลอิสระในไวท์แดงอยู่จึงได้เดินทางไปขอ Dr.Aviram ค้นคว้าทับทิมให้ด้วย ซึ่งในที่สุดก็ปรากฏว่ามีสารดังกล่าวมากกว่าไวท์แดงเสียอีก ครอบครัว Resnicks ซึ่งได้เริ่มกิจการผลิตน้ำทับทิมในปี ค.ศ. 2002 จึงได้เริ่มโหมตลาด และโฆษณาเป็นการใหญ่จนยอดขายได้เพิ่มขึ้นจาก 12 ล้านเหรียญ ในปี ค.ศ. 2003 เป็น 91 ล้านเหรียญในปัจจุบัน
นอกจากนั้นในการเป็นนักธุรกิจที่มองการไกล นายและนาง Resnicks ก็ได้ลงทุนมหาศาลไปถึง 17 ล้านดอลลาร์ ในการค้นคว้าสรรพคุณของทับทิมต่อไป ซึ่งล่าสุด Dr.Allan Pantuck แห่งมหาวิทยาลัย UCLA ก็ได้เผยแพร่ผลจากการศึกษา3 ปีเต็ม ยืนยันได้ว่าทับทิมมีผลช่วยยกระดับ PSA ในผู้ป่วยเป็นโรคต่อมลูกหมากได้อีกด้วย ครอบครัว Resnicks ได้โหมโฆษณาสรรพคุณของน้ำทับทิมเป็นวิเศษสุด โดยในที่สุดทางการสหรัฐได้ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง และครอบครัว Resnicks ก็ได้ลดการบรรยายสรรพคุณในการโฆษณาลงไปบ้างในขณะนี้
ทับทิมเป็นผลไม้ที่มีมากและรู้จักกันอย่างแพร่หลายในเมืองไทย และบรรดาแพทย์ของเราก็ได้รู้สรรพคุณของการใช้เปลือกทับทิมมารักษาโรคท้องร่วง หรือแผลเป็นหนองเป็นอย่างดีมานานแล้ว แต่ผมไปสำรวจซุปเปอร์มาร์เก็ตมาแล้ว ยังไม่เป็นมีน้ำทับทิมออกจำหน่ายเลย ปัจจุบันนี้ไทยก็มีโรงงานผลิตน้ำผลไม้มากมาย และก็มีวิทยาการก้าวหน้ามากพอตัว จึงควรรีบเร่งผลิตน้ำทับทิมออกสู่ตลาดไทย และตลาดโลกโดยเร็วที่สุด ซึ่งก็จะเป็นการช่วยเหลือชาวไร่ชาวสวนของเราไปด้วยในตัว ก่อนที่ฝรั่งจะส่งน้ำทับทิมเข้ามาให้คนไทยบริโภคเอง
น้ำทับทิมคั้นสด
เมื่อทับทิมแก่ที่ต้นหรือซื้อมาล้างผิวให้สะอาด ป้องกันเวลาแกะเมล็ดมือจะได้ไม่เปื้อนสิ่งที่อยู่ที่ผิวเปลือก โดยเฉพาะทับทิมที่ซื้อมา
ผ่าครึ่งกดมีดเบาๆที่ผิว ค่อยๆแกะเมล็ดด้วยมือ หรือนำไม้มาเคาะบนเปลือกแรงๆ เมล็ดจะล่วงลงมา ซึ่งหากเราไม่ทำน้ำดื่ม เราก็ทานทั้งเมล็ดๆไม่ควรคายทิ้งเคี้ยวให้หมดและกลืนลงท้องไป เพราะเมล็ดทับทิมมีประโยชน์มากๆ
เตรียมน้ำดื่มสะอาดที่เราดื่มหรือจะใช้น้ำต้มสุกที่เย็นก็ได้
พอประมาณ กับทับทิมที่เราจะทำน้ำดื่ม หรือบ้านไหนมีเครื่องแยกกากก็ทำได้ จะได้น้ำทับทิมเข้มข้น หรือเพิ่มน้ำตามใจชอบ
น้ำทับทิมแก้วนี้ ใช้วิธีปั่นด้วยเครื่องปั่นไฟฟ้า แล้วกรองเมล็ดส่วนที่ไม่ละเอียดออกเพื่อเวลาดื่มจะได้ไม่ติดขัด เมล็ดที่อยู่ในตะแกรงเราก็นำมาเคี้ยวได้ ถ้าทำมาก แนะนำให้นำเมล็ดที่น้ำออกแล้ว  ตากแดดหรืออบให้แห้ง บดเป็นผงไว้ชงดื่มหรือใส่แคปซูล เป็นยาได้อย่างดีตามสรรพคุณที่กล่าวข้างต้น กรณีที่ไม่มีเครื่องปั่น จะใช้มือบีบแรงๆโดยตรงหรือนำใส่ถุงผ้าขาวบาง หรือใช้ไม้ทุบถุงผ้ามีภาชนะรองด้านใต้ไว้ หรือตำในครกทรงสูง แล้วกรอง ก็จะได้น้ำทับทิมดื่มสดๆ สีของน้ำทับทิมจะชมพูมากน้อยอยู่ที่สีของเมล็ดทับทิมที่เราทำแต่ละครั้ง การจะเติมความหวานเพิ่มหรือไม่ โดยใช้น้ำตาลหรือน้ำผึ้ง ฯ แล้วแต่ผู้ดื่ม
20150508_135904
น้ำทับทิม เราทำได้เองแบบง่ายๆ ดื่มทันทีหรือแช่เย็นแล้วแต่ชอบ น้ำทับทิม สีอ่อนหรือสีเข็ม อยู่ที่สีของเมล็ดทับทิม และการเพิ่มน้ำเปล่า ปริมาณที่ทำ ที่เขาทำขายใช้เนื้อทับทิมปริมาณมาก สีจึงเข็มกว่าในแก้วนี้ และแก้วนี้ไม่ได้เติมความหวาน
20150508_135924

สาลี่…รักษาโรค

สาลี่ ภาษาอังกฤษ Asian pear, Chinese pear, Nashi pear, Korean pear, Japanese pear, Taiwan pear, Sand pear   มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Pyrus pyrifolia (Burm.) Nak. เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในวงศ์ Rosaceae โดยมีถิ่นกำเนิดในภาคตะวันตกของจีน
ลักษณะของต้นสาลี่ เป็นไม้ยืนต้น ทรงคล้ายพีระมิด ส่วนลักษณะของดอกมีสีขาวออกเป็นช่อ และลักษณะของผลสาลี่ หรือลูกสาลี่มีลักษณะคล้ายผลแอปเปิ้ล มีหลายสี ตั้งแต่สีเหลือง เขียว แดงอมส้มและน้ำตาล โดยเนื้อสาลี่จะมีลักษณะกรอบและฉ่ำน้ำ (แต่บางสายพันธุ์จะเป็นเนื้อทราย) มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อมีกลิ่นหอม มีเมล็ดขนาดเล็กลักษณะแบนรีสีดำหรือสีน้ำตาลออกดำ
จากการสุ่มตรวจของหน่วยงานรัฐ สาลี่เป็นผลไม้ที่มักจะตรวจพบสารเคมีกำจัดศัตรูพืชปนเปื้อนหรือสารตกค้างอยู่บ่อยๆ หากเราได้รับสารนี้เข้าไปในปริมาณมากก็อาจจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน หายใจติขัด และถึงขั้นเสียชีวิตได้   ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก่อนนำมารับประทานควรล้างให้สะอาดเสียก่อน
การรับประทานสาลี่จะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อรับประทานในขณะอิ่มหรือรับประทานหลังอาหาร และการกินควรเคี้ยวสาลี่ให้ละเอียด ค่อยๆเตี้ยว และไม่ควรกินเกินหนึ่งลูกต่อวัน  และสาลี่ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องเดิน ผู้ที่อาเจียนจากกระเพาะเย็น ไอจากความเย็น ผู้ที่มีอาการท้องร่วง และสตรีหลังคลอด
คุณค่าทางโภชนาการของสาลี่ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 42 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 10.65 กรัม
น้ำตาล 7.05 กรัม
เส้นใย 3.6 กรัม
ไขมัน 0.23 กรัม
โปรตีน 0.5 กรัม
วิตามินบี 1 0.009 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี2 0.01 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี3 0.219 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี5 0.07 มิลลิกรัม 1%
วิตามินบี6 0.022 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี9 8 ไมโครกรัม 2%
โคลีน 5.1 มิลลิกรัม 1%
วิตามินซี 3.8 มิลลิกรัม 5%
วิตามินอี 0.12 มิลลิกรัม 1%
วิตามินเค 4.5 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 4 มิลลิกรัม 0%
ธาตุแมกนีเซียม 8 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมงกานีส 0.06 มิลลิกรัม 3%
ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%
ธาตุโพแทสเซียม 121 มิลลิกรัม 3%
ธาตุโซเดียม 0 มิลลิกรัม 0%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (ข้อมูลจาก : USDA Nutrient database)
ประโยชน์ของสาลี่ประโยชน์ของผลไม้สาลี่
1.สาลี่เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น จึงช่วยรักษาอาการและดับพิษร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
2.สาลี่ ประโยชน์ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
3.ช่วยระงับประสาท ผ่อนคลายความกังวล ไม่สบายใจ มีความทุกข์ในจิตใจ
4.กลิ่นหอมของสาลี่ช่วยกระตุ้นจิตใจ ทำให้รู้สึกสดชื่นเบิกบานและกระชุ่มกระชวย
5.สาลี่เป็นผลไม้ที่มีรสหวาน เป็นน้ำตาลที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที จึงช่วยทำให้ไม่รู้สึกหิว จึงเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก
6.ช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่างๆภายในร่างกาย
7.ช่วยฟอกเลือดให้สะอาด ทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น
8.มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วย ที่เกี่ยวกับลำคอความอ่อนแอของร่างกาย โรคโลหิตจางและวัณโรค
9.ช่วยบรรเทาอาการหวัด ด้วยการนำสาลี่มาสับให้ละเอียดแล้วนำไปต้มกับน้ำตาลทราย
10.ช่วยแก้อาการไอ ไอแห้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ปอด
11.ช่วยแก้อาการคอแห้ง เจ็บคอระคายคอ เค็มคอรู้สึกกระหายน้ำ  ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาหารที่ใส่ผงชูรสเยอะๆ
12.สรรพคุณสาลี่ช่วยละลายเสมหะ
13.ประโยชน์สาลี่ช่วยแก้กระหาย คลายร้อน
14.สาลี่เป็นผลไม้ที่มีรสเย็น จึงช่วยลดความร้อนในร่างกายได้เป็นอย่างดี
15.ช่วยบำรุงปอดให้แข็งแรง
16.สรรพคุณของสาลี่ช่วยปรับสมดุลของน้ำตาลในเลือด
17.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
18.ช่วยฟอกกระเพาะอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารแข็งแรง
19.ช่วยในการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด ทำให้กระเพาะอาหารทำงานได้ดียิ่งขึ้น
20.สาลี่มีกากใยมาก ช่วยระบาย ช่วยในการขับถ่าย
ป้องกันอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ใหญ่
21.ช่วยกระตุ้นความเฉื่อยชาของลำไส้ และช่วยในการหลั่งน้ำย่อยต่างๆในระบบการย่อยอาหาร
22.สาลี่ สรรพคุณช่วยในการขับปัสสาวะ
23.ช่วยกระตุ้นการทำงานของไต
24.ประโยชน์ของสาลี่นอกจากจะรับประทานเป็นผลไม้แล้ว ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลาย เช่น ไอศกรีม ฟรุตสลัด น้ำสาลี่กระป๋อง สาลี่อบแห้ง สาลี่แช่อิ่ม สาลี่ในน้ำเชื่อม เป็นต้น