วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มโนสาเร่ (๑) : ๔๐ รอบปี มิตรไมตรีไทย-จีน

เอกอัครราชทูต วิญญู  แจ่มขำ
                                                      

หยวน  สุ่ย  หนาน  จิ้วจิ้นหั่ว               น้ำไกล  ไม่อาจดับไฟที่กำลังลุก
หย่วน  ชิน  ปู้หยูจิ้น  หลิน                  เพื่อนใกล้ ช่วยคลายทุกข์เร็วกว่าญาติที่ห่างเหิน


                   เมื่อนโยบายโดดเดี่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีนของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรประสบความล้มเหลว  สาธารณรัฐประชาชนจีนก็ได้ก้าวขึ้นสู่เวทีการเมืองของโลกอย่างเต็มที่  หลายฝ่ายมองบทบาทใหม่ของสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าสืบเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีต่อสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร  เหตุผลก็คือ แต่ไหนแต่ไรมา สาธารณรัฐประชาชนจีนเคยโจมตีจักรวรรดิ์นิยมอเมริกาและพันธมิตรอย่างเผ็ดร้อน และอย่างไม่ลดวาราศอก
ท่าทีใหม่นี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน  สื่อมวลชนบางแห่งเรียกท่าทีนี้ว่าเป็นนโยบายอ่อนข้อและว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนเริ่มตระหนักถึงความจริงที่ควรเรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศ
ฝ่ายทุนนิยม  บางฝ่ายก็ย้อนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อครั้งที่สาธารณรัฐประชาชนจีนขัดแย้งกับสหภาพโซเวียต  เมื่อปี ๒๕๐๓ ติดตามด้วยการโต้แย้งเรื่องอุดมการณ์และการพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างกันแล้วก็ตัดสินว่าไมตรีจิตที่สาธารณรัฐประชาชนจีนทอดให้แก่สหรัฐอเมริกาและพันธมิตร เป็นผลจากความหวาดกลัวอิทธิพลรุกรานของสหภาพโซเวียตในครั้งกระนั้นเป็นสำคัญ  หรือไม่ก็เพื่อแข่งขันกับสหภาพโซเวียตเข้าแทนที่ช่องว่างแห่งอำนาจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  หลังจากที่สหรัฐอเมริกาถอนตัวออกไปแล้ว

ความจริง  นโยบายต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนในยุคนั้นได้รับการกำหนดไว้ก่อนนานแล้ว  กล่าวคือ ทางด้านหลักการและเป้าหมาย นโยบายต่างประเทศของสาธารณรัฐประชาชนจีนอุทิศให้แก่ “สากลนิยมชนชั้นกรรมาชีพ”  ปฏิบัติการเพื่อให้บรรลุ  “สามัคคีกับประชาชนและประชาชาติที่ถูกกดขี่ทั่วโลก….. จัดตั้งเป็นแนวร่วมอย่างกว้างขวาง เพื่อต่อต้านลัทธิจักรวรรดิ์นิยม  ลัทธิล่าอาณานิคมและลัทธิล่าเมืองขึ้นแบบใหม่  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อต้านลัทธิครองความเป็นเจ้าของอภิมหาประเทศสหรัฐอเมริกา และสังคมจักรวรรดิ์นิยมสหภาพโซเวียต”
แนวนโยบายนี้ชี้ให้เห็นว่า  ทางด้านหลักการ  สาธารณรัฐประชาชนจีนยังคงยึดมั่นอุดมการณ์ของลัทธิม้าร์กซ- เลนิน อย่างแข็งขัน  แต่วิธีการที่จะให้บรรลุเป้าหมายนั้น  ย่อมพลิกแพลง  ยืดหยุ่น  และหลากหลายรูปแบบ  สุดแล้วแต่เงื่อนไขทางภววิสัยและอัตวิสัย  คือแล้วแต่สถานการณ์ทั่วไป  ทั้งของโลกและของสาธารณรัฐประชาชนจีนเองในแต่ละช่วง  และแต่ละตอนเป็นเกณฑ์กำหนด
แม้สาธารณรัฐประชาชนจีนเคยเน้นอยู่เสมอว่า  “จักรวรรรดิ์นิยมทั้งปวง  ล้วนเป็นเสือกระดาษ”  แต่อีกด้านหนึ่ง  สาธารณรัฐประชาชนจีนก็ไม่ประมาทว่า  “จักรวรรดิ์นิยมมีความดุร้าย…….
จักรวรรดิ์นิยมจะไม่มีวันวางดาบเพชฌฆาตของมันลงเองอย่างเด็ดขาด”  ถ้าเช่นนั้นประชาชนที่ปฏิวัติซึ่งมีแต่มือเปล่า ๆ จะชิงชัยชนะศัตรูที่ติดอาวุธตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสงครามยืดเยื้อได้อย่างไร
สาธารณรัฐประชาชนจีนเห็นว่า  การโค่นล้มจักรวรรดิ์นิยม เป็นภาระหน้าที่ร่วมกันทางประวัติศาสตร์ของประชาชนทั่วโลก เพราะ  “ในยุคที่จักรวรรดินิยมยังดำรงอยู่  เป็นไปไม่ได้ที่ประชาชนที่ปฏิวัติในแต่ละ
ประเทศจะมีชัยชำนะได้โดยปราศจากการช่วยเหลือรูปแบบต่าง ๆ จากพลังฝ่ายปฏิวัติทั่วโลก”  ในฐานะที่สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นประเทศสังคมนิยม ต้องถือเป็นภาระหน้าที่สากล เลนินกล่าวว่า
“การเจรจาระหว่างประเทศฝ่ายปฏิวัติกับประเทศฝ่ายจักรวรรดิ์นิยม เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะลดความเสียหายที่จักรวรรดิ์นิยมอาจก่อขึ้น  ช่วยให้การจับและสังหารพวกเขา เป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น”
ในขณะที่เกียรติภูมิของสหรัฐอเมริกากำลังเพลี่ยงพล้ำในเวทีการเมืองระหว่างประเทศก็เป็นระยะเดียวกับที่สถานการณ์ภายในสาธารณรัฐประชาชนจีนมีสภาพเป็นปึกแผ่นระยะหนึ่ง เนื่องจากการปฏิวัติวัฒนธรรม (ปี ๒๕๐๙ – ๒๕๑๒) ทั่วทั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในขณะนั้นเป็นเอกภาพ
มีความมั่นคงทางการเมือง  และตั้งแต่ปี ๒๕๑๓ เป็นต้นมา  เกียรติภูมิของสาธารณรัฐประชาชนจีนในยุคนั้น  เป็นเรื่องที่ไม่มีใครปฏิเสธได้  ความมั่นคงภายในเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สาธารณรัฐประชาชนจีนพร้อมรับมือ
สถานการณ์ทุกรูปแบบ  และเมื่อสหรัฐอเมริกาเริ่มเปลี่ยนท่าทีจากศัตรูมาเป็นมิตร  โดยหวังกอบกู้ชื่อเสียงและฐานะของตน  อีกทั้งหวังว่า  การสร้างสัมพันธ์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน จะช่วยให้การถอนตัวออกจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นไปอย่างมีเกียรติที่สุด  สาธารณรัฐประชาชนจีนจึงไม่มีเหตุผลอื่นใด  ที่จะไม่รับไมตรีนั้น  ฉะนั้น  เมื่อสหรัฐอเมริกาไม่อยู่ในฐานะที่พึ่งได้  รัฐบาลของประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  จึงต้องหันไปคบค้าสาธารณรัฐประชาชนจีน  แม้ว่าเกลียดกล้วและต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสม์ก็ตาม
สาธารณรัฐประชาชนจีนดำเนินนโยบายต่างประเทศต่อทุกประเทศที่มีระบอบการปกครองไม่เหมือนของตน  จากพื้นฐานของระดับสองระดับที่แตกต่างกัน  แลดูขัดแย้งกัน  แต่ก็ปฏิบัติพร้อม ๆ กัน  นโยบายดังกล่าวมีอธิบายไว้ในบทนำของนิตยสารธงแดง (หง ฉี)  เมื่อปี ๒๕๐๓  เรื่อง “ลัทธิเลนินจงเจริญ” ว่า  “หลักการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับประเทศต่าง ๆ และสงครามปฏิวัติของประชาชนในประเทศต่าง ๆ เป็น
เรื่องสองเรื่องที่แตกต่างกัน  ไม่ใช่เรื่องเดียวกัน……………”การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ” หมายถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  “การปฏิวัติ”  หมายถึงการโค่นล้มชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดโดยประชาชนภายในประเทศนั้น ๆ …”
“สาธารณรัฐประชาชนจีน  ต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับทุกประเทศที่มีระบอบสังคมต่างกันตามหลักปัญจศีลา  ไม่ต้องการเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของประเทศใด ๆ แต่โดยหลักการของสังคมนิยมนั้นต้องปลดเปลื้องการกดขี่ขูดรีดระหว่างคนกับคน  สาธารณรัฐประชาชนจีนจึงสนับสนุนและต่อต้านการกดขี่ขูดรีดของประชาชนในประเทศต่าง ๆ ที่เป็นเมืองขึ้นของประเทศและระบอบจักรวรรดิ์นิยมต่างประเทศ  สาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่า  การปฏิวัติของประชาชนในแต่ละประเทศ เป็นกิจการภายในประเทศนั้น ๆ และการปฏิวัติไม่ใช่สินค้าที่จะนำเข้าหรือส่งออกได้  ถ้าไม่ใช่เป็นความต้องการของประชาชนเองแล้ว  ใครจะปลุกปั่นอย่างไรก็ไม่สำเร็จ แต่ถ้าประชาชนถูกกดขี่และต้องการปลดแอกแล้ว  เมื่อนั้น ถึงแม้จะไม่มีใครสนับสนุน   ประชาชนก็จะลุกขึ้นและต่อสู้จนถึงที่สุด”
คำอธิบายที่มีลักษณะคลุมเครือ  แบ่งรับแบ่งสู้เช่นนี้  คือสาธารณรับประชาชนจีนไม่ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อและสนับสนุนให้เกิดขบวนการปฏิวัติในประเทศต่าง ๆ เพราะการปฏิวัติไม่ใช่สินค้าส่งออก  แต่สาธารณรัฐประชาชนจีนก็ไม่ปฏิเสธว่า  สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ให้ความสนับสนุนขบวนการดังกล่าว
การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน  เมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๘ นั้น  เป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซึ่งบังเกิดจากหลักพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ  ส่วนความสัมพันธ์ที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนพึงมีต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยในขณะนั้น  ถือว่าเป็นความสัมพันธ์ทางชนชั้น  จากหลักการ “สากลนิยมชนชั้นกรรมาชีพ”  อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสาธารณรัฐประชาชนจีนถือว่า  การให้ความช่วยเหลือขบวนการปฏิวัติของประชาชนในประเทศต่าง ๆ เป็นภาระหน้าที่ทางสากลก็ตาม  แต่การช่วยเหลือใด ๆ ต้องอยู่ภายในขอบเขตของการไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศนั้น ๆ  กล่าวคือ  ปัญหาภายในประเทศใด  ก็เป็นเรื่องที่แต่ละประเทศต้องแก้ไขด้วยตนเอง  สาธารณรัฐประชาชนจีนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
เป็นที่น่ายินดีที่หลังจากการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันแล้ว  สถานการณ์ของโลกและของภูมิภาคได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก  มิตรภาพระหว่าง ๒ ประเทศ ได้พัฒนาไม่หยุดยั้งมีการแลกเปลี่ยนการเยี่ยมเยือนระหว่างกันหลายระดับ  ความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจ  การค้า  และการลงทุนเพิ่มพูนมากขึ้น  สมควรที่ชนรุ่นหลังจักรำลึกถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนซึ่งได้วางรากฐานมิตรภาพไทย – จีนยุคใหม่  ชั่วกาลนาน
ไท่  จง หยิ่ว  ยี่  ซื่อ สือเหนียน  ไหล  เหิน  ห่าว    มิตรภาพไทย -จีน ผ่านมา ๔๐ ปี ดีมาก
ซี  ว่าง  ไท่  จง  หยิ่ว  ยี่  หย่ง  ฉุน                 ขอมิตรภาพไทย – จีน  จงดำรงอยู่ต่อไป

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ท่องเน็ต

 ตามการศึกษาใหม่ อินเตอร์เน็ตเข้าสู่ชีวิตประจำวันของเด็กเล็ก  ครึ่งหนึ่ง (๕๕%) ของเด็กวัย ๘ ปีในประเทศเยอรมันออนไลน์  ๓๗% ถึงกับหลายครั้งในสัปดาห์หรือทุกวัน  ในเด็กวัย ๖ ปี เกือบ ๑ ใน ๓ (๒๘%) บางส่วนเซิร์ฟในอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ และแม้แต่ในเด็กวัย ๓ ปีก็ทุก ๆ ๑๐ คน (๑๐%)  ทั้งนี้ มาจากรายงาน “เด็กในโลกดิจิตอล” ของสถาบันเพื่อความไว้วางใจและความปลอดภัยในอินเตอร์เน็ตเยอรมัน (DIVSI) และสถาบันวิจัยสังคม Sinus ที่ร่วมกันตระเตรียมการสอบถาม  ตามรายงานที่ได้รับการเสนอเมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายนที่ผ่านมาที่เบอร์ลิน คอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปและสมาร์ทโฟนสำคัญมากขึ้นทุกทีและแทนที่ Spielekonsolen ในฐานะเครื่องใช้ที่ได้รับการใช้งานมากที่สุด  ที่เป็นตัวตัดสินว่าเด็กได้รับอนุญาตให้ท่องเน็ตหรือไม่ ได้แก่ ความใกล้ชิดของผู้ปกครองกับ “โลกดิจิตอล”  ซึ่งตามสายตาของผู้ปกครองมีความเสี่ยงมากกว่าโอกาส  ดังนั้น ๒ ใน ๓ ของผู้ปกครองจึงห้ามบุตรวัย ๓-๘ ปีไม่ให้ใช้อินเตอร์เน็ต  ในเน็ต เด็กชายมุ่งการละเล่น  เด็กหญิงค้นหาข้อมูลบ่อยกว่า  บุตรของผู้ปกครองที่มีการศึกษาน้อยค่อนข้างมุ่งที่ความบันเทิงและใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้น้อยครั้งกว่าเด็กในครอบครัวที่พ่อแม่มีการศึกษาสูงกว่า

วินโดวส์ ๑๐

ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคมไมโครซอฟท์จะเปิดตัวระบบธุรกิจใหม่วินโดส์ ๑๐  ผู้ใช้ระบบเก่ากว่าตั้งแต่วินโดส์ ๗ เป็นต้นไปมีเวลา ๑ ปีที่จะเปลี่ยนไปใช้ระบบล่าสุดโดยไม่ต้องชำระเงิน  หากยังใช้ระบบวินโดส์ที่เก่ากว่านี้อย่างชัดเจน เช่น  XP  หรือ Vista จะมีค่าธรรมเนียมการยกระดับการใช้งานราว ๑๒๐ ดอลลาร์ (๑๐๕ ยูโร)  แต่ไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนี้  นิตยสาร “Chip“ รายงานว่าหากเครื่องคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพเพียงพอ ผู้ใช้ XP และวิสตาสามารถเข้าถึงวินโดส์ใหม่ได้เหมือนกัน  โดยแรกทีเดียวต้องปรับเปลี่ยนไปใช้วินโดส์ ๗  ระบบที่แพร่หลายอย่างกว้างขวางมีราคาราว ๓๐ ยูโรในร้านค้า  ด้วยระบบที่ได้รับการเปิดตัวในปี ๒๐๐๙ สามารถเพิ่มระดับเป็นวินโดส์ ๑๐ ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์เก่าควรตรวจสอบก่อนว่าเครื่องใช้กับระบบใหม่ได้หรือไม่ เครื่องใช้เก่าบางเครื่องจึงต้องปรับเทคนิคให้ทันสมัยขึ้นก่อนที่จะสามารถปรับซอฟท์แวร์ได้

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

มารยาทดีที่ควรรู้

คนไทยมีคำบ่นว่าผู้ที่ทำตัวไร้มารยาทหรือไม่ถูกกาลเทศะว่า “ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน”  ผู้เขียนในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่งรู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย  จะมีพ่อแม่สักกี่คนกันนะที่ไม่เคยอบรมสั่งสอนลูก  ทำไมไม่คิดบ้างว่าบุคคลนั้น ๆ อาจเป็นคนที่ดื้อด้าน “ลูกพ่อแม่สอนไม่จำ” ก็ได้  แต่ที่น่าสนใจคือไม่เพียงแต่เด็กไทยทุกวันนี้เท่านั้นที่มักถูกค่อนขอดว่ามารยาทแย่  จากการสอบถามของสถาบันวิจัยความคิดเห็น “You Gov“ ก็แสดงว่าชาวเยอรมันไม่มีมารยาทมากขึ้นทุกที  ทั้งที่การถือส้อมในมือซ้าย มีดในมืดขวา สละที่นั่งให้คนชรา ไม่ปิดประตูใส่หน้าผู้อื่น ตรงเวลา ฯลฯ ตามจริงเป็นกฎเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติตนง่าย ๆ ที่ถือว่าสุภาพ ใคร ๆ ก็รู้จักและเห็นคุณค่า  แต่ได้รับการยึดถือน้อยลงทุกที  โดยเฉพาะรุ่นวัยอายุน้อย  กระนั้นก็ยังมีความหวัง  โดยศาสตราจารย์ Juergen Rekus นักการศึกษาจาก Karlsruhe เห็นว่ากฎเกณฑ์ประพฤติปฎิบัติตนเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
การทักทาย
เริ่มด้วยยศ ตามด้วยเพศ แล้วท้ายสุดวัย  ตามเกณฑ์นี้จะตัดสินว่าใครเป็นคนทักทายผู้ใด  ในทางปฏิบัติหมายความว่าพนักงานทักทายเจ้านาย ชายทักหญิง  และนักเรียนทักทายครู  แต่จะยิ่งยุ่งยากกว่านี้หากเป็นคำถามที่ว่าใครเป็นผู้ยื่นมือให้ใครจับก่อน  ตรงนี้จะกลับกัน คือ นายยื่นมือให้ลูกจ้าง สตรียื่นมือให้บุรุษ  และครูยื่นมือให้นักเรียน  ในกรณีที่แนะนำตัวในกลุ่มและต่างคนต่างทักข้ามกันไปมา  ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รักษาความสงบและทำตามความรู้สึก  เนื่องจากเกิดขึ้นบ่อย ๆ ที่บุคคลบางคนไม่ทำตามกฎเกณฑ์  ที่สำคัญคือแรงจับของมือ  Andrea Sabina Hahn จากบริษัทประกันสุขภาพ AOK ที่เป็นผู้ดำเนินการอบรมเรื่องมารยาทกล่าวว่าไม่มีใครอยากจับปลาตายและแสดงการจับมือแน่น  ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจในตนเอง
การพูดคุยในเรื่องเบา ๆ
หลังอุปสรรคแรกผ่านไปแล้วก็มาถึงข้อต่อไป คือ การพูดคุยในหัวข้อเบา ๆ หรือที่รู้จักกันในนาม “Small Talk“ ฟังดูว่าง่าย  เหมือนว่าจะคุยอะไรก็คุยไป  แต่ตามจริงแล้วก็ไม่ง่ายนัก  เพื่อไม่ให้เกิดอาการ “หน้าแตก”  มีบางเรื่องที่ควรละเว้น ได้แก่ การเมือง ศาสนา ความเจ็บไข้ได้ป่วย โศกนาฏกรรม และเงิน ๆ ทอง ๆ  ที่ดีกว่า ได้แก่หัวข้อเช่น การท่องเที่ยว เวลาว่าง การศึกษาหรือการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ และสภาพอากาศ  แนวคิด คือ เปิดกว้าง เป็นผู้ฟังที่ดี พูดแสดงความคิดเห็นบ้างและไม่พูดแทรกหากคู่สนทนากำลังเล่าเรื่องอยู่
การกินอาหารอย่างเป็นทางการ
ในการกินอาหารอย่างเป็นทางการทางธุรกิจ  บรรยากาศไม่ควรบีบคั้น  ธุรกิจจะพูดกันหลังอาหารและหากเจ้านายสั่งอาหารชุด  ก็ต้องรอจนกินอาหารหมดแล้ว  แม้ว่าตนเองจะกินเสร็จนานแล้วก็ตาม  ที่สำคัญคือเจ้าภาพเป็นผู้เริ่มต้นกินอาหาร  เมื่อทุกคนได้อาหารแล้วให้ลองชิมก่อนแล้วจึงเติมเครื่องปรุง  มิฉะนั้นจะเป็นการดูถูกดูแคลนผู้ประกอบอาหาร  สิ่งที่ควรระมัดระวัง คือ ลุกจากโต๊ะเมื่อมีเหตุผลสมควรเท่านั้น  จับแก้วที่ก้าน ไม่เช่นนั้นเครื่องดื่มจะอุ่น ยกแก้วขึ้นอวยพร  แต่ไม่ชนแก้ว  กินซุปจากด้านในออกด้านนอก และไม่เป่าแม้ว่าซุปจะยังร้อน  ไม่เอาส้อมบดมันฝรั่งและผสมกับซ้อส
เครื่องแต่งกาย
เครื่องแต่งกายช่วยในเรื่องของความประทับใจแรกเริ่ม  หากเป็นการสัมภาษณ์งาน สำหรับบุรุษ ควรสวมสูท เชิ้ตสีสว่างและเนคไท  สีสูทควรเป็นสีน้ำเงินเข้ม  ซึ่งแสดงความน่าเชื่อถือ  สำหรับสตรี สามารถสวมสูทกับเสื้อสีสว่างเช่นกัน  เสื้อผ้าไม่ควรหันเหความสนใจจากความสามารถของผู้สวม  สำหรับสตรีหมายถึงไม่แต่งหน้าจัดและสวมเครื่องประดับเรียบ ๆ  บุรุษควรสวมถุงเท้าที่ไม่สะดุดตา  ที่ดีที่สุดคือถุงเท้าสีดำ  ไม่มีใครอยากเห็นถุงเท้าสีแสบเต็มไปด้วยลวดลาย
อ้า  รู้ไว้ก็ไม่เสียหลายเนอะ  แม้จะฟังดูเป็นมารยาทของสังคมฝรั่งเสียมากกว่า  แต่โลกเราทุกวันนี้แคบลงทุกที  ในยุคโลกาภิวัตน์อะไร ๆ ก็เป็นไปได้  แม้แต่มารยาทหลายอย่างก็เป็นสากล  อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าเป็น “ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” ให้พ่อแม่ต้องสะดุ้งแปดกลับเล้ย …

เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”

ข้อมูล  Aachener Zeitung

ไปรษณีย์

สหภาพแรงงาน Verdi  ประกาศสัปดาห์ที่ ๓ ของการสไตรค์ที่การไปรษณีย์แห่งประเทศเยรอมัน  Verdi ได้ประกาศเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายนที่ผ่านมาว่าจะดำเนินการประท้วงที่ไม่มีกำหนดเวลาต่อไป  ตามข้อมูลของสหภาพ ฯ จนถึงปัจจุบันมีผู้ละจากงาน ๒๕,๐๐๐ คน   การไปรษณีย์แห่งประเทศเยอรมันได้เรียกร้องพนักงานและแรงงานเสริมให้ส่งจดหมายและพัสดุที่ถูกทิ้งไว้ในปฏิบัติการทั่วประเทศในวันอาทิตย์  โฆษกของกลุ่มบริษัทกล่าวว่าแม้ว่าจะมีการประท้วง ราว ๘๐% ของจดหมายและพัสดุก็ได้รับการส่งตรงเวลา  เนื่องจากการไปรษณีย์ ฯ ประสงค์จะรักษาการบริการไว้แม้ในช่วงเวลาของการสไตรค์ จึงมีการวางแผนปฏิบัติการพิเศษในวันอาทิตย์  ในการชำระเงินให้กับผู้สมัครใจ เธอกล่าวเพียงว่าการไปรษณีย์ ฯ จะรักษากฎเกณฑ์ทางกฎหมายทั้งหมด  ทั้งนี้ การสไตรค์ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ ๘ มิถุนายนที่ผ่านมา

เลื่อนไปก่อน

การเก็บค่าใช้ทางสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลที่เป็นที่ถกเถียงกันถูกยุติไว้ก่อน  Alexander Dobrindt รัฐมนตรีคมนาคมเลื่อนการนำมาใช้ไปก่อนโดยไม่มีกำหนดเวลา  เนื่องจากก้าวย่างทางกฎหมายของคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป  เขาได้กล่าวเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายนที่ผ่านมาที่เบอร์ลินว่าไม่มีการตัดสินใจที่เป็นไปได้อื่น ๆ  ก่อนหน้านี้ Dobrindt ประสงค์จะเริ่มต้นการเก็บค่าใช้ทางในปี ๒๐๑๖  เขาได้กล่าวว่าการเปิดการพิจารณาการทำผิดสัญญาของคณะกรรมาธิการ EU ได้ชะงักการเก็บภาษีโครงสร้างพื้นฐาน  ประเทศเยอรมันจะวางตัวแบบนิติรัฐและจะรอคอยการตัดสินของศาล  ตามข้อมูลของคณะกรรมาธิการ EU จนกว่าจะถึงการพิพากษาของศาลสหภาพยุโรป (EuGH) ใช้เวลาเฉลี่ย ๒ ปี  โดยคณะกรรมาธิการ EU ที่บรัสเซลส์ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายนที่ผ่านมาว่าได้ดำเนินการทางกฏหมายต่อประเทศเยอรมันเนื่องจากการข้องใจถึงกฎหมายของยุโรป  Violeta Bule กรรมาธิการคมนาคมชี้แจงว่าค่าธรรมเนียมการใช้ทางจะสอดคล้องกับกฎหมายยุโรปเพียงหากการปฏิบัติไม่เท่าเทียมกันด้วยเหตุผลของสัญชาติ  คณะกรรมาธิการ EU ข้องใจอย่างหนักว่ากฎหมายเยอรมันเข้ากับกฎหมายพื้นฐานนี้  เนื่องจากเพียงผู้ขับขี่ต่างชาติต้องแบกภาระค่าธรรมเนียมนี้  ผู้ขับภายในประเทศจะได้รับเงินคืนผ่านภาษียานยนต์  นอกจากนั้น คณะกรรมาธิการ EU ยังคัดค้านว่าราคาสำหรับค่าใช้ทางระยะสั้นที่โดยทั่วไปชาวต่างชาติจะเลือกใช้สูงมากเกินควร  หาก EuGH ไม่ให้ใช้ค่าใช้ทาง  Dobrindt ต้องปรับปรุงแผนให้ดีขึ้น  ขณะนี้รัฐบาลเยอรมันมีเวลา ๒ เดือนสำหรับการชี้แจง  หากคณะกรรมาธิการ EU ยืนยันความข้องใจและในอีก ๒ เดือนต่อไปประเทศเยอรมันไม่ทำอะไร  กรณีนี้จะไปตกที่ EuGH

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ศิลปินในวงการเพลงภาษาเยอรมัน (131) James Last

เอกอัครราชทูต  วิญญู แจ่มขำ
            ศิลปิน ฯ ผู้นี้เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ศกนี้เอง เขาคือนาย James Last นักดนตรี นักแต่งเพลงและหัวหน้าวงดนตรีขนาดใหญ่แนวพ็อพเริงลีลาศชาวเยอรมัน ซึ่งมีชื่ีอจริงว่า Hans Last แต่ก็รู้จักกันในชื่อว่า Hansi เขาเกิดในปลายสมัยสาธารณรัฐไวม่าร์ที่เขต Sebaldsbrück เมืองท่าเบรเม่น เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ค.ศ. ๑๙๒๖ (พ.ศ. ๒๔๖๙) แนวเพลงรื่นรมย์ของเขาส่งผลให้เพลงชุดต่าง ๆ ขายดีในเยอรมนีและในสหราชอาณาจักร ฯ เพลงชุด Happy Heart ที่เขาแต่ง ประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ เมื่อนักร้องอเมริกัน Andy Williams และ Petula Clark นำไปถ่ายทอดร้องต่อ จากข้อมูลของ British Hit Singles & Albums ในปี ๒๐๐๖ (พ.ศ. ๒๕๔๙) รายงานว่าเพลงชุดของเขา ขายได้ทั่วโลกมากกว่า ๑๐๐ ล้านชุด
เขาเป็นลูกชายคนสุดท้องรองจากนาย Robert และนาย Werner ของนาย Louis เจ้าพนักงานสำนักไปรษณีย์และโยธาธิการของเมือง ฯ กับนาง Martha โดยเริ่มเรียนการเล่นเปียโนอย่างจริงจังเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ หลังสามารถเล่นเพลงพื้นเมืองง่าย ๆ อย่างเพลง Hänschen klein ได้เมื่ออายุ ๙ ขวบ ครูสอนดนตรีคนแรกเห็นว่าเขายังขาดความสามารถทางดนตรี เขาจึงเรียนจากครูคนที่ ๒ อย่างแข็งขันขึ้น แล้วเปลี่ยนไปเรียนการเล่นเบสเมื่อย่างสู่วัยรุ่น
ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมืองท่าเบรเม่นถูกโจมตีด้วยระเบิดอย่างหนักหน่วง เขาได้ทำหน้าที่นำสารไปยังกองบัญชาการป้องกันทางอากาศต่าง ๆ ระเหว่างการโจมตี พออายุได้ ๑๔ ปี เขาได้เข้าโรงเรียนโยธวาทิตของกองทัพเยอรมันที่เมือง Bückeburg โดยเรียนเครื่องดนตรีเป่า เปียโน และแตรใหญ่
หลังสิ้นสงคราม เขาได้เข้าร่วมในวงดนตรีลีลาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงเบรเม่นซึ่งมีนาย Hans Günther Oesterreich เป็นหัวหน้า ในปี ๑๙๔๗ (พ.ศ. ๒๔๙๑) ได้เป็นหัวหน้าวง Last-Becker Ensemble ออกแสดงถึง ๗ ปี และได้รับการออกเสียงให้เป็นนักเล่นเบสที่เก่งที่สุดในวงการเพลงแจ๊ซของเยอรมนีถึง ๓ ปีซ้อน คือปี ๑๙๕๐-๑๙๕๒/พ.ศ. ๒๔๙๓-๒๔๙๕) พอเลิกวง ฯ ก็ไปทำงานเป็นผู้เรียบเรียงในห้างแผ่นเสียง Polydor และสถานีวิทยุกระจายเสียงในยุโรปหลายแห่ง หลังจากนั้นได้ช่วยเรียบเรียงเพลงให้ศิลปินเพลงหลายคน เช่น นาย Helmut Zacharias นาย Freddy Quinn นาง Lolita นาย Alfred Hause และนาง Caterina Valente
ในปี ๑๙๖๔ (พ.ศ. ๒๕๐๗) เขาได้ออกเพลงชุดแรกในสหรัฐอเมริกาในเครือ Warner Bros. ชื่อ The American Patrol แล้วยังได้ออกเพลงชุด Classics Up To Date อีก ๙ ชุด โดยนำทำนองเพลงคลาสสิคมาเรียบเรียงเสียงประสานเพื่อใช้เล่นโดยเครื่องสายตั้งแต่กลางปี ๑๙๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓) จนถึงต้นปี ๑๙๘๐ (พ.ศ. ๒๕๒๓) ต่อมาในปี ๑๙๖๕ (พ.ศ. ๒๕๐๘) ได้ออกเพลงชุด Non-Stop Dancing ซึ่งเป็นเพลงพ็อพหลากหลายมาผสมผสานกับจังหวะเต้นรำสมัยใหม่พร้อมกับเสียงอื้ออึงของผู้คนจนกลายเป็นชุดเพลงยอดนิยมในยุโรป ต่อจากนั้นหลายสิบปี เขาได้ออกแผ่นเสียงมากมาย รวมทั้งเพลงชุดเต้นรำดังกล่าวอีกหลายชุดที่ได้เพิ่มเพลงแนวต่าง ๆ จากหลายปรเทศ โดยมีนักดนตรีรับเชิญ เช่น Richard Clayderman และ Astrud Gilberto มาเล่นดนตรีด้วย นอกจากนั้น เขายังมีรายการทางสถานีโทรทัศน์  ซึ่งมีแขกรับเชิญ ดังเช่น ABBA และ Lynsey de Paul
เขาแต่งเพลงทั้งภาษาเยอรมันและอังกฤษ และได้รับรางวัลจากอาชีพและความนิยมมากมาย และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านไป หลังจากครบ ๕๐ ปีของการแสดงดนตรีสัญจร เขาได้ประกาศจะอำลาเวที รายการ Non-Stop Music James Last in Concert 2015 ที่ Lanxess Arena ที่เมืองโคโลญ เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ถือเป็นรายการแสดงดนตรีครั้งสุดท้ายและสิ้นสุดกึ่งศตวรรษของเสียงแห่งสุข
เขาแต่งงานครั้งแรกกับนาง Waltraud ในปี ๑๙๕๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘) และมีลูกด้วยกัน ๒ คนคือ Ronald กับ Caterina และเธอได้เสียชีวิตในปี ๑๙๙๗ (พ.ศ. ๒๕๔๐) หลังจากนั้น ๒ ปี เขาจึงแต่งงานใหม่กับ Christine Grundner จากรัฐบาแวเรีย และไปมาระหว่างมลรัฐฟลอริด้ากับนครรัฐฮัมบวร์กด้วยกัน ทั้งยังยกย่องเธอกับลูกชายที่ช่วยเรื่องดนตรีอย่างมาก  เขาเสียชีวิตอย่างสงบที่เมืองพาล์มบีช มลรัฐฟลอริด้า
นาย Spencer Leigh ได้สัมภาษณ์ Last และนำไปลงในหนังสือพิมพ์ The Independent ว่า เพลงชุด Non-Stop Dancing ของเขาได้กรุยทางสำหรับการเต้นรำสมัยใหม่ที่หลากหลาย ต่อคำถามว่าเขารังเกียจไหมที่ได้รับฉายาว่า King of Corn เขาตอบว่าไม่เลย เพราะนั่นเป็นความจริง



วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เพิ่มความกดดันดอยเชโพสต์

สหภาพแรงงาน Verdi เพิ่มความกดดันต่อการไปรษณีย์แห่งประเทศเยอรมันต่อไป  ตามข้อมูลของกลุ่มบริษัท ระหว่างนี้ทั่วประเทศมีพนักงานเข้าร่วมการสไตรค์ที่ไม่มีกำหนดเวลา ๒๒,๘๐๐ คน  ผลที่ตามมา คือลูกค้าได้รับผลกระทบจากการประท้วงอย่างชัดเจน เนื่องจากจดหมายและพัสดุสามารถส่งถึงมือผู้รับได้ล่าช้า  โฆษกของการไปรษณีย์ ฯ ยอมรับว่าขณะนี้ทำทุกอย่างไม่ได้ ๑๐๐%  อย่างไรก็ดี อัตราการส่งตรงเวลาในจดหมายทั่วประเทศเยอรมันยังอยู่ที่ ๗๖%  พัสดุ ๖๒%  สหภาพแรงงานประสงค์จะรับสมาคมท้องถิ่น ๔๙ แห่งที่ได้รับการชำระเงินน้อยกว่าราว ๒๐% ในธุรกิจพัสดุของการไปรษณีย์ ฯ เข้าสู่ค่าแรงปกติอีกครั้งหนึ่ง  แต่การไปรษณีย์ ฯ ปฏิเสธ
ตามข้อมูลของสื่อ พนักงานถูกกดดันจากกลุ่มบริษัทการไปรษณีย์ ฯ บางส่วนอย่างหนักให้ยุติการประท้วงและหวนคืนสู่ที่ทำงาน  นอกจากนั้น Verdi ได้วิจารณ์การไปรษณีย์ ฯ ที่ให้ลูกจ้างของสมาคมที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ต้องส่งพัสดุในวันอาทิตย์ด้วย  โฆษกของการไปรษณีย์ ฯ ได้ยืนยันเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายนที่ผ่านมาว่าการไปรษณีย์ ฯ สนใจที่จะนำส่งพัสดุทุกวัน  ซึ่งรวมถึงการส่งในวันอาทิตย์ด้วย  โดยเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบของกฎหมาย  ตามข้อมูลของ Verdi ในวันที่ ๑๘ มิถุนายนคาดหมายผู้สไตรค์กว่า ๓,๐๐๐ คนในการประท้วงหน้าอาคารที่ทำการหลักของ Post AG ที่บอนน์  ผู้ปราศรัยหลัก ได้แก่  Frank Bsirske ประธาน Verdi

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ตำรวจเตือน

แล็ปท็อป แทปเล็ต โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายภาพ เครื่องนำทาง เงินสด บัตรเช็ค หูฟัง แว่นตากันแดด กระเป๋าเอกสาร เครื่องมือช่าง ฯลฯ บัญชีเขียนต่อไปได้เรื่อย ๆ  ได้แก่ สิ่งของทุกชนิดที่วางทิ้งไว้ในรถและเป็นแรงจูงใจขโมยงัดรถ  “การโจรกรรมจากรถยนต์ประเภทส่วนบุคคล” ตามที่เรียกอย่างเป็นทางการในสถิติเพิ่มขึ้นอย่างหนัก  ตำรวจจึงประสงค์จะยุติแนวโน้มนี้และเตือนผู้ขับรถยนต์ไม่ให้สร้างแรง “ล่อใจ” ให้ขโมย  เนื่องจากข้อหนึ่งชัดเจน นั่นคือ รถยนต์จำนวนมากเป็นห้องเก็บของที่มีประตูและหน้าต่างกระจก  สำหรับขโมยงัดรถเป็นแหล่งสมบัติของจริง  โอกาสทำให้เกิดขโมย  ข้อแนะนำต่อไปนี้ควรสร้างความชัดเจนกับผู้ขับรถยนต์ว่าสามารถหยุดยั้งโจรงัดรถได้  โดยถ้าเป็นไปได้ให้จอดรถไว้ในโรงรถที่ล็อคปิดได้  ในที่จอดรถที่มีคนเผ้าหรืออย่างน้อยที่ที่มีไฟสว่าง  ขณะออกจากรถปิดหน้าต่าง ประตู กระโปรงหลัง หลังคาเลื่อนและฝาน้ำมันเสมอ  ในการปิดล็อคควรระมัดระวังว่ายานพาหนะปิดจริงจากรีโมท  ดูให้แน่ใจว่าปุ่มปิดเลื่อนลงข้างล่างหรือตรวจดูอีกครั้ง  ไม่ทิ้งสิ่งของมีค่าไว้ในรถยนต์และในกระโปรงเก็บของท้ายรถด้วย  แม้แต่การซ่อนไว้ก็ไม่มีประโยชน์  ส่งสัญญาณว่าไม่มีอะไรให้ขโมยผ่านการเปิดช่องเก็บของด้านหน้าที่ว่างเปล่า  ไม่ทิ้งเครื่องนำทางเคลื่อนที่ไว้ในรถ  และควรเอาที่ติดตั้งออกด้วยและใช้ผ้าขจัดร่องรอยที่กระจกหน้าด้วย  มิฉะนั้นโจรจะรู้จากร่องรอยว่าในรถมีการใช้เครื่องนำทาง

๓๐ ปีเชงเกน

การเดินทางผ่านประเทศต่างๆในยุโรปไม่มีการตรวจที่พรมแดนในปัจจุบันนี้เป็นเรื่องธรรมดา  เมื่อ ๓๐ ปีก่อนประเทศ ๕ ประเทศได้ตกลงกันเกี่ยวกับการยกเลิกพรมแดน  ทุกวันนี้สหภาพยุโรปวิตกกังวลว่าความใจกว้างอาจเป็นปัญหา  นักการเมืองชั้นนำของ EU ได้เตือนถึงการตั้งคำถามเกี่ยวกับการละเว้นการตรวจตราที่พรมแดนที่ลงมติกันเมื่อ ๓๐ ปีก่อน  เนื่องจากการหลั่งไหลเข้ามาของผู้ลี้ภัยใน EU  การเจรจาตกลงของ ๕ ประเทศในครั้งกระนั้นที่เมือง Schengen ของประเทศลักเซมบวร์กเป็นความก้าวหน้าครั้งประวัติศาสตร์ของยุโรป  Martin Schulz ประธานรัฐสภายุโรปกล่าวเมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายนที่ผ่านมาในการเฉลิมฉลองที่เมืองเชงเกนว่าเชงเกนอาจเป็นสถานที่เล็ก แต่เป็นความคิดที่ดี  Jean-Claude Juncker ประธานคณะกรรมาธิการ EU เน้นว่ามีเรื่องมากมายที่ EU สามารถภาคภูมิใจ  ในวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๑๙๘๕ ที่เมืองเชงเกน การเจรจาของ ประเทศเยอรมัน ฝรั่งเศส ลักเซมบวร์ก เบลเยี่ยมและเนเธอร์แลนด์ได้ตกลงเกี่ยวกับการลดถอนการตรวจตราที่พรมแดนทีละขั้น  ทุกวันนี้ประเทศ EU ๒๖ ประเทศพร้อมผู้อยู่อาศัยมากกว่า ๔๐๐ ล้านคนอยู่ในเขตเชงเกน  Schulz กล่าวว่าเชงเกนเป็น “หลักไมล์บนเส้นทางสู่ยุโรปที่สงบสุข”  ผู้ใดก็ตามที่ประสงค์จะดำเนินพรมแดนอีกครั้งหนึ่ง  ถือว่าประสงค์จะแยกยุโรปออกจากกันอีกครั้ง  Juncker กล่าวว่าเรื่องราวของเชงเกนทั้งหมดเป็นเรื่องของความสำเร็จครั้งใหญ่

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลดขนาดกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่อง

ในไม่ช้าผู้โดยสารเครื่องบินต้องถูกจำกัดเกี่ยวกับขนาดกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่อง  สมาคมการเดินทางทางอากาศโลก (IATA) ได้คำแนะนำให้ลดขนาดของกระเป๋าที่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องลงอย่างชัดเจน  ตามแผนที่ไม่ผูกมัด กระเป๋าขึ้นเครื่องจะมีขนาดอย่างมากที่สุดลงลงราว ๓๘%  ซึ่งหมายความว่าในอนาคตกระเป๋าขึ้นเครื่องได้รับอนุญาตให้มีขนาดภายนอกเพียง  55 x 35 x 20 เซนติเมตร  แทนจนถึงปัจจุบัน 55 x 45 x 25 เซนติเมตร  ตัวแทนของ IATA กล่าวว่าสายการบินใหญ่ ๆ สิบกว่าสาย รวมถึงลุฟท์ฮันซา เอมิเรตส์และกาตาร์ ได้ส่งสัญญาณว่าจะยอมรับแนวทางใหม่สำหรับกระเป๋าเดินทางของ  IATA ในอนาคตปัญหาเรื่องพื้นที่ในเครื่องบินได้รับอนุญาตให้เข้มงวดขึ้น  เนื่องจากสายการบินมากขึ้นทุกทีคิดเงินเพิ่มพิเศษสำหรับกระเป๋าเดินทางที่มอบใส่ท้องเครื่องบิน

สภาบุนเดสท้ากถูกจู่โจมทางไซเบอร์

เป็นไปได้ว่าประเทศรัสเซียอยู่เบื้องหลังการจู่โจมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาต่อสภาผู้แทนราษฎรเยอรมัน(Bundestag)  สำนักงานตัวแทนข่าวเยอรมันรับรู้จากแหล่งข่าวหลายแห่งเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายนที่ผ่านมาที่เบอร์ลิน  ว่าสัญญาณที่บ่งบอกว่ารัสเซียเป็นประเทศต้นตอของการจู่โจมหนักแน่นขึ้น  Hans-Georg Maaßen ประธานการปกป้องรัฐธรรมนูญกล่าวที่การประชุมเพื่อความปลอดภัยด้านไซเบอร์ที่ Potsdam ว่าเขาวิตกว่าเป็นการจู่โจมไซเบอร์ของสำนักข่าวต่างชาติ  Norbert Lammert ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้เปิดเผยต่อส.ส. ว่าในรอบ ๒ สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลอื่น ๆ รั่วไหล  แต่เขาขยายความว่านั่นไม่ได้หมายความว่าการจู่โจมได้รับการป้องกันอย่างสิ้นเชิงและยุติลงแล้ว  Maaßen ไม่ได้กล่าวว่าเป็นชาติใดที่อาจเป็นเจ้าของการจู่โจม  เขากล่าวว่าสำนักงานของเขายืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าการจู่โจมไซเบอร์ของเจ้าหน้าที่รัสเซียมีคุณภาพสูงและสร้างความวิตกใหญ่ให้  สำนักงานปกป้องรัฐธรรมนูญได้แจ้งให้สภาผู้แทนราษฎรทราบถึงการจู่โจมในวันที่ ๑๒ พฤษภาคมที่ผ่านมา  แต่จนถึงปัจจุบันไม่ได้มีเริ่มคลี่คลายต่อปัญหา
ตามข้อมูลของ dpa ยังไม่มีความชัดแจ้งว่าจากประเทศใดและจากผู้ใดที่อาจเป็นผู้ดำเนินการจู่โจมไซเบอร์ที่ถูกค้นพบเมื่อ ๔ สัปดาห์ก่อน  โดยยังไม่แน่ชัดว่าเป็นการสืบราชการลับรัสเซียหรือเป็นองค์กรรัสเซียอื่น  ในประเทศรัสเซียมีการเชื่อมโยงใกล้ชิดระหว่างสำนักงานสืบราชการลับและกลุ่มอาชญากร
“สปีเกลออนไลน์” รายงานว่าผู้เชี่ยวชาญได้พบประเด็นที่ว่าสำนักงานข่าวต่างชาติรัสเซีย SWR อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการ  ตามข้อมูลของ Lammert  คณะอัยการทั่วไปของสหพันธ์ตรวจสอบว่ามีข้อต้องสงสัยเบื้องต้นสำหรับการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่  ๔ สัปดาห์หลังการเปิดเผยการจู่โจม ขณะนี้สำนักงานเพื่อการปกป้องรัฐธรรมนูญ (BfV) ที่รับผิดชอบการป้องกันการสืบราชการลับได้รับอนุญาตให้ดูแลเรื่องการจู่โจม  Bernhard Kaster ผู้จัดการของส่วนส.ส. พรรค CDU กล่าวถึงการจู่โจมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดจนถึงปัจจุบันต่อสหพันธ์และรัฐสภาเยอรมัน

วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558

พึงพอใจปานกลาง

ประชาชนที่อาศัยในประเทศเยอรมันไม่พึงพอใจในชีวิตมากมาย  เมื่อเปรียบเทียบกันในระหว่างประเทศต่างๆในสหภาพยุโรป พลเมืองยุโรปจากเดนมาร์ก ฟินแลนด์ และสวีเดน ประเมินคุณภาพชีวิตของตนเองดีกว่าอย่างชัดเจน  ตามรายงานของสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (Eurostat) ที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ ๑ มิถุนายนที่ผ่านมา  โดยจากระดับ ๐ (ไม่พอใจเลย) จนถึง ๑๐ (พึงพอใจเต็มที่) ประชาชนทั้งสามประเทศให้คะแนนความพึงพอใจในชีวิตโดยทั่วไปเฉลี่ย ๘.๐ ชาวเยอรมันตามข้อมูลที่รวบรวมในปี ๒๐๑๓ ด้วยค่า ๗.๓ อยู่เหนือระดับเฉลี่ย ๗.๑ ของ EU เพียงหวุดหวิด  อันดับสุดท้ายของบัญชีเป็นชาวบัลกาเรีย ด้วยค่า ๔.๘

ขาดแคลนเด็กเกิดใหม่

อัตราการเกิดที่ต่ำที่สุดของโลกจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประเทศเยอรมัน  จากการศึกษาของสมาคมตรวจสอบเศรษฐกิจ BDO และสถาบันเศรษฐกิจโลกแห่งฮัมบวร์ก (HWWI) ขณะนี้ที่ประเทศเยอรมันไม่เพียงมีเด็กเกิดใหม่น้อยที่สุดในยุโรปเท่านั้น หากแต่ยังครองแชมป์ระดับโลกด้วย  โดยในรอบ ๕๐ ปีที่ผ่านมาเฉลี่ยมีเด็กเกิดใหม่ ๘.๓ คนต่อผู้อยู่อาศัย ๑,๐๐๐ คน  ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับของญี่ปุ่นที่เป็นอันดับสุดท้ายก่อนหน้านี้ (เด็ก ๘.๔ คน)  ประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษอยู่ที่การเกิด ๑๒.๗ คน : ๑,๐๐๐ คน  อัตราการเกิดสูงสุดอยู่ในประเทศอัฟริกา  นำหน้าด้วยประเทศ ไนจีเรีย ด้วยจำนวน ๕๐: ๑,๐๐๐  ตามการศึกษา พัฒนาการนี้จะทำให้เกิดความเสียเปรียบสำหรับประสิทธิภาพของประเทศเยอรมันในฐานะฐานเศรษฐกิจ  ผลที่ตามมา ได้แก่ การขาดแคลนแรงงานที่มีความรู้ความสามารถ  ตามการพยากรณ์ของสถาบันวิจัยตลาดแรงงานและอาชีพ (IAB) จำนวนประชาชนที่อยู่ในวัยทำงาน (ไม่รวมผู้อพยพ) จะลดลงจากทุกวันนี้ราว ๔๕ ล้านคนเป็นราว ๓๗.๕ ล้านคนในปี ๒๐๓๐ และ ๒๙ ล้านคนในปี ๒๐๕๐  จนถึงปี ๒๐๓๐ รุ่นวัยที่มีอัตราการเกิดสูง (Babyboomer) จะบรรลุวัยเกษียณและระหว่างปี ๒๐๑๒-๒๐๑๓ มีเด็กเกิดในประเทศเยอรมันเพียงครึ่งเดียวของปี ๑๙๖๔  ตามการประเมินของบริษัทที่ปรึกษา Boston Consulting Group (BCG) จำเป็นต้องมีอยู่อพยพ ๕๐๐,๐๐๐ คนต่อปี  เพื่อปิดส่วนหนึ่งของช่องโหว่การขาดแคลนแรงงาน

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ศิลปินในวงการเพลงภาษาเยอรมัน (130)Twinnies

เอกอัครราชทูต  วิญญู แจ่มขำ

           Twinnies เป็นวงดนตรีและนักร้องเพลงลูกทุ่งแนวพ็อพผสมร็อคหญิงคู่ชาวเยอรมันจาก Landkreis Freyung-Grafenau เขตนีแดร์ไบแอ้ร์น รัฐไบแอ้ร์น คือนางสาว Astrid Paster เกิดที่ตำบล Jandelsbrunn เมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๙๖ (พ.ศ. ๒๕๓๙) กับนางสาว Franziska Pauli เกิดที่ตำบล Grainet เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ค.ศ. ๑๙๙๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘)

ทั้งคู่รู้จักกันที่โรงเรียนสอนเล่นหีบเพลงชัก Bayernwald ซึ่งพ่อของนางสาว Franziska Pauli เป็นครูใหญ่   โดยเรียนการเล่นหีบเพลงชักแบบชไทริชด้วยกัน ต่อมาในปี ๒๐๐๘ (พ.ศ. ๒๕๕๑) ได้ร่วมกันตั้งวง ฯ ขึ้น การแสดงครั้งแรกจัดขึ้นในโรงแรมของพ่อแม่ของนางสาว Astrid Paster ซึ่งนาย Christian Seitz และนาย Martin Neumayer ผู้ผลิตเพลงให้ DJ Ötzi มาพบเข้า จึงได้ทาบทามทำสัญญาร้องเพลง และได้ออกเพลงชุดแรกชื่อ Wir rocken auf Rollen จากห้าง Sony BMG เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ค.ศ. ๒๐๐๙ (พ.ศ. ๒๕๕๒) วันต่อมาได้ออกแสดงทางโทรทัศน์ครั้งแรก รายการ Musikantenstadl ที่เมือง Riesa ตามด้วยรายการทางโทรทัศน์ ARD และโทรทัศน์ของสวิตเซอร์แลนด์ รูปลักษณ์ของทั้งคู่เวลาแสดงก็คือ สรวมรองเท้าสเก๊ตน้ำแข็งที่มีล้อเลื่อนเคลื่อนไหวไปมาขณะเล่นหีบเพลงชักและร้องเพลงไปด้วย




สี่ตัวร้ายที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ทุกวันนี้คนเราดูจะให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอนามัยกันมาก ไม่ว่าสื่อประเภทใด โทรทัศน์ วิทยุหรือสิ่งตีพิมพ์ประเภทต่าง ๆ จะมีรายการและคอลัมน์ที่เกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้เสมอ แม้แต่คนที่ไม่สนใจที่สุดก็คงไม่วายต้องเคยได้ยินได้ฟังผ่านหูผ่านตามาบ้าง  บางเรื่องผู้เชี่ยวชาญก็มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน  บางเรื่องก็ยังทำการศึกษากันอยู่  แต่ที่เห็นพ้องต้องกันมานานแล้วคือสี่ตัวร้ายที่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างแน่แท้  ฮั่นแน่ มีใครทายได้ไหมว่าคืออะไร
ตัวร้ายหมายเลข ๑ คือ ไขมัน
คนที่กินไขมันสูงมีความเสี่ยงว่าจะทำลายตับ  เนื่องจากไขมันสามารถสะสมตัวในตับ  มูลนิธิตับเยอรมันชี้แจงว่าจะนำไปสู่ Fettleber  ซึ่งสามารถติดเชื้อได้  เนื่องจากประชาชนจำนวนมากไม่รู้ว่าตัวเองมี Fettleber  มูลนิธิตับจึงแนะนำการตรวจค่าตับเป็นประจำกับแพทย์ประจำบ้าน  โรคตับจำนวนมากหากไม่รักษาสามารถนำไปสู่โรคตับแข็งและมะเร็งของเซลล์ตับได้  แต่ตับที่เต็มไปด้วยไขมันก็เรื่องหนึ่ง  การกินตัวร้ายหมายเลขหนึ่งมากเกินไปทำให้น้ำหนักเกิน  ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคภัยจำนวนมาก รวมถึงโรคหัวใจ การหมุนเวียนของโลหิต  นิตยสาร “Neue Apotheken Illustrierte“ บ่งชี้ว่าสัดส่วนไขมันส่วนใหญ่ในแต่ละวัน ๓๑% มาจากเนย มาร์การีนและน้ำมัน สินค้าเนื้อสัตว์ตามมาในอันดับ ๒ ด้วยจำนวน ๓๐%  ผลิตภัณฑ์นมอันดับ ๓ ด้วยจำนวน ๑๔%
แต่การประกาศว่าไขมันเป็นสิ่งไม่ดีไม่ถูกต้อง  สมาคมเพื่อการบริโภคเยอรมัน (DGE) ชี้แจงว่ากรดไขมันเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย  นอกจากนั้น อาหารที่มีไขมันประกอบด้วยวิตามินที่จะละลายไขมัน  จึงเป็นเรื่องดีที่จะกินกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น จากไขมันพืชและปลา  นอกจากนั้น การบริโภคไขมันพืชแทนไขมันสัตว์ เช่น ในไส้กรอกและเนย ส่งผลทางบวกต่อค่าโคเรสโตรอล  ซึ่งควรจะต่ำเพื่อลดความเสี่ยงสำหรับเส้นเลือดแตก  ตามข้อมูลของ DGE รวมทั้งสิ้นไขมัน ๖๐-๘๐ กรัมต่อวันเพียงพอแล้ว
ตัวร้ายหมายเลข ๒ น้ำตาล
น้ำตาลและแป้งจัดอยู่ในคาร์โบไฮเดรต  ซึ่งจำเป็นสำหรับร่างกายในฐานะตัวให้พลังงาน  อย่างไรก็ดี การกินมากเกินไปก็ทำให้น้ำหนักเกิน  ที่น่ากังขาเป็นพิเศษคือเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำตาล  เนื่องจากนอกเหนือจากน้ำตาล ที่พบได้บ่อย ไม่ได้ประกอบด้วยสารอาหารอื่น ๆ ทำให้ส่งเสริมให้น้ำหนักเกินและเพิ่มความเสี่ยงสำหรับเบาหวานประเภทสอง ตามข้อบ่งชี้ของศูนย์ผู้บริโภคแคว้นนอร์ดไรน์-เวสฟาเลนในเอกสารให้คำแนะนำ “Achtung Zucker!“ แม้ว่าคาร์โบไฮเดรตจะจำเป็นสำหรับร่างกาย  แต่น้ำตาลไม่ใช่  ดังนั้นจึงสมควรหลีกเลี่ยงน้ำตาลหรือตัวให้ความหวานอื่น ๆ เช่น น้ำผึ้ง ไซรัป ฯลฯ  การประหยัดน้ำตาลทำได้โดยการกินผลไม้สดแทนผลไม้กระป๋อง  แทนที่จะดื่มผงโกโก้ที่ผสมพร้อมดื่มก็ดื่มผงโกโก้แท้กับนม และโยเกิร์ตผลไม้ที่ทำเองก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าโยเกิร์ตผลไม้ที่ซื้อมา  โดยสามารถลดน้ำตาลได้ถึง ๗๐%  ผู้ที่ประสงค์จะระมัดระวังปริมาณน้ำตาลให้ดูที่ตารางคุณค่าอาหาร  ผู้ที่ดูเพียงรายการส่วนประกอบมักพบว่ามีปัญหา  เนื่องจากนอกเหนือจาก “น้ำตาล”  ทั้งน้ำตาลจากนมและผลไม้ก็มีส่วนในปริมาณน้ำตาลด้วยเช่นเดียวกับสารให้ความหวาน  ทั้งที่ไม่มีคำว่าน้ำตาลอยู่ในชื่อ ตัวอย่างเช่น  Dextrose, Dicksaft, Fruktose, Glukose หรือ Saccharose และส่วนประกอบ เช่น ผลไม้แห้ง ช็อคโกแลตไว้โรยหน้าหรือผลไม้สดก็เพิ่มปริมาณน้ำตาล
การกินน้ำตาลมากเกินไปยังไม่ดีต่อฟัน  ตามข้อมูลของสมาคมการรักษาฟันเยอรมัน (DGZ) การศึกษายืนยันว่ามีความเกี่ยวพันระหว่างปริมาณและความบ่อยของการกินน้ำตาลกับการเกิดขึ้นของโรคฟันผุ  DGZ จึงแนะนำว่าให้จำกัดการกินอาหารและเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำตาลและลดความบ่อยของการกินอาหารระหว่างมื้อและเครื่องดื่มที่ประกอบด้วยน้ำตาลด้วย  นอกจากนั้น การใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุลงด้วย  องค์การอนามัยโลกแนะนำผู้ใหญ่ไม่ให้กินน้ำตาลมากกว่า ๕๐ ถึงสูงสุด ๖๐ กรัมต่อวัน
ตัวร้ายหมายเลข ๓ ได้แก่ เกลือ
เกลือมากเกินไปทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น  ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับเส้นโลหิตในสมองแตก  ตามข้อมูลของ  ที่ถูกสุขลักษณะคือการกินเกลือวันละ ๓-๖ กรัม  หรือเท่ากับราว ๑ ช้อนชา  ตามจริงประชาชนในประเทศเยอรมันกินเกลือเฉลี่ยวันละ ๙.๕ กรัม  สมาคมผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาเยอรมัน (BDN) ที่ Krefeld ชี้แจ้งว่าในการกินเกลือวันละ ๑๐ แทน ๕ กรัม ความเสี่ยงของเส้นโลหิตแตกในระยะยาวเพิ่มขึ้นเกือบ ๑ ใน ๔  แต่ไม่ควรละเว้นเกลือโดยสิ้นเชิง  เนื่องจากเกลือมีความสำคัญมากสำหรับร่างกาย  โดยโซเดียม (ภาษาเยอรมันเรียกว่า Natrium) ที่ประกอบอยู่ในเกลือช่วยปกป้องเซลล์จากการขาดน้ำ  นอกจากนั้น ยังมีหน้าที่กำกับปริมาณน้ำ การดูดซึมสารอาหารและการไหลเวียนของโลหิต  เพื่อควบคุมปริมาณเกลือ ผู้บริโภคควรงดเว้นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปจะดีที่สุด  ผู้ที่ทำอาหารเองจะรู้ว่ามีเกลืออยู่ในอาหารเท่าใด  ที่ดีด้วยก็คือการเติมเกลือน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้  ทางเลือกสำหรับรสชาติสามารถใช้สมุนไพร พริกไทยหรือพริก
ตัวร้ายหมายเลข ๔ คือ แอลกอฮอล์
การบริโภคแอลกอฮอล์จะเกี่ยวข้องกับตับเช่นเดียวกับตัวร้ายหมายเลข ๑  ตามข้อมูลของ DGE การบริโภคแอลกอฮอล์เป็นประจำสม่ำเสมอมีอิทธิพลต่อกล้ามเนื้อ ทำลายประสาทและอวัยวะ  นอกเหนือจากตับ ก็เช่น ตับอ่อน และส่งเสริมให้มีน้ำหนักเกิน รวมทั้งปัญหาทางจิตและโรคมะเร็ง  ตามคำอ้างอิงสำหรับการกินสารอาหาร ขณะนี้ ๒๐ กรัมแอลกอฮอล์สำหรับบุรุษที่สุขภาพดีและ ๑๐ กรัมต่อวันสำหรับสตรีที่สุขภาพดี ถือว่าเป็นปริมาณที่รับได้  อย่างไรก็ดี ไม่ได้เป็นข้อแนะนำให้ดื่มมากขนาดนี้ทุกวัน
การเสพแอลกอฮอล์ของผู้ปกครองส่งผลต่อลูก ๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น หากเด็กเรียนรู้ว่าแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มสำหรับช่วงเย็นและในเวลาว่าง  ภายหลังเด็กก็จะรับธรรมเนียมนี้ไปปฏิบัติต่อไป  ที่เป็นปัญหาเป็นพิเศษ คือ หากผู้ปกครองหันหาแอลกอฮอล์ยามที่เครียดและใช้เบียร์หรือไวน์เป็นเครื่องมือผ่อนคลาย  ทั้งนี้เป็นการระบุของสมาคมอาชีพจิตวิทยาเด็กและเยาวชน
ผู้เขียนเคยใช้ความคิดอยู่หลายครั้ง  ว่าคนเราต้องยอมสละทุกอย่างที่รสชาติอร่อยเพื่อการมีสุขภาพที่ดีหรือ?  ไขมันก็เป็นตัวทำให้เกิดรสชาติ ถ้าไม่ใส่เกลืออาหารก็จืดชืด  ชากาแฟที่ไม่ใส่น้ำตาลก็ขมไม่อร่อย  แต่ก็ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าไม่ต้องทรมานทรกรรมตัวเองถึงกับหยุดกิน  เพียงแต่ระมัดระวังอย่ากินให้เกินขอบเขตที่ควร  แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว  ยิ่งถ้าออกกำลังกายร่วมด้วยก็จะยิ่งเยี่ยม  แต่ข้อหลังนี่ดูจะยากเสียกว่าการงดกินขนมเสียอีกนะนา!


น้ำมันจากมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ดีที่สุด

เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”

ข้อมูล  Aacherner Zeitung

เยอรมันจะยกเลิกใช้เงินสด?

จ่ายค่าขนมปังด้วยบัตร หนังสือพิมพ์ด้วยสมาร์ทโฟน?  ตามการสอบถาม ส่วนใหญ่ของชาวเยอรมันไม่เห็นด้วย   ในการจับจ่ายซื้อของในอนาคตไม่ต้องการเลิกใช้เงินสด  ทั้งนี้ มาจากการศึกษาของสถาบันวิจัยความคิดเห็น YouGov ที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคมที่ผ่านมา  โดยผู้ถูกสอบถาม ๓ จาก ๔ คน (๗๔%) ไม่เห็นด้วยหากในประเทศเยอรมันมีการบังคับให้รับเงินสดตกไป  ซึ่งในประเทศเดนมาร์กมีการวางแผนเช่นนี้  โดยตั้งแต่ปี ๒๐๑๖ เป็นต้นไปร้านเล็ก ๆ และร้านกาแฟไม่ต้องยอมรับธนบัตรและเหรียญอีกต่อไป
อย่างไรก็ดี ทุก ๑ ใน ๕ คน (๒๑%) ในประเทศเยอรมันเห็นด้วยกับกฎหมายดังกล่าว  นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำได้ออกโรงให้ยกเลิกใช้เงินสด  ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างหนัก โดย Peter Bofinger ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจโต้แย้งว่าจะสามารถทำให้ตลาดสำหรับงานมืดและยาเสพติดเหือดแห้งหากเลิกใช้เงินสด  การฟอกเงินหรือการหลีกเลี่ยงภาษีจะยากขึ้นอย่างชัดเจน  ขณะเดียวกันสมาคมธนาคารพบด้วยว่าแม้ว่าการเรียกร้องให้เลิกใช้เงินสดจะมีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์  กระนั้นก็สวนทางกับความเป็นจริงและไม่เพียงเพราะว่าอาชญากรสมองใสจะหาช่องทางความเป็นไปได้ที่จะหลบหลีกและอาจเปลี่ยนไปใช้เงินสกุลอื่นหรือสินค้าขากต่างประเทศก็ได้  เนื่องจากประชากรต่อต้านการเลิกใช้
ตามการสอบถามของ YouGov ชาวเยอรมันเกือบ ๓ ใน ๔ คนเชื่อว่าโดยทั่วไปเงินสดปลอดภัยกว่าการชำระด้วยบัตร  นอกจากนั้นการจับจ่ายด้วยเงินสดยังช่วยให้รักษาภาพรวมทางการเงินของตนเองได้  แต่สมาคมธนาคารยังบ่งชี้ถึงปัญหาอื่นที่จะเกิดขึ้นด้วย ได้แก่ ปัญหาการปกป้องข้อมูล หากปราศจากความเป็นไปได้ในการชำระด้วยเงินสด  การโอนจ่ายทุกครั้งตั้งแต่เบียร์ในร้านเจ้าประจำไปจนถึงการซื้อขนมปังวันอาทิตย์ที่ร้านขนมปังจะถูกรวบรวมเก็บข้อมูลไว้

ข้อเสนอไม่น่าพอใจ

สหภาพแรงงานเห็นว่าเป็นความน่าละอายที่สุด เป็นการตบหน้า หลังจากได้รับข้อเสนอของสหภาพสมาคมผู้จ้างงานของคอมมูน (VKA) ในเรื่องหน้าที่ทางสังคมและการอบรมเลี้ยงดูเด็ก  ก่อนหน้านี้ไม่นานที่ประชุมสมาชิก  ที่แฟรงก์เฟิร์ตได้เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้  เพียงแต่ว่ามันเหมือนกันทุกประการกับการเสนอของผู้จ้างงานเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน  ซึ่งได้รับการปฏิเสธจากสหภาพแรงงานอย่างสิ้นเชิง  โดยข้อเสนอใหม่นี้ก็ไม่สร้างความพอใจเช่นเดียวกัน  เนื่องจากประเด็นที่สำคัญมากไม่สัมฤทธิ์ผล
สหภาพแรงงานเรียกร้องการยกระดับกลุ่มผู้ทำงานทั้งหมดในหน้าที่ทางสังคมและการอบรมเลี้ยงดู  ผู้จ้างงานเห็นด้วยกับการยกระดับให้ดีขึ้นของผู้อบรม  แต่เพียงในหน้าที่เสริม เช่น การปรับตัวหรือการส่งเสริมด้านภาษา  โดยผู้จ้างงานปฏิเสธการยกระดับให้ดีขึ้นโดยรวม  ซึ่งตามข้อมูลของสหภาพแรงงานจะทำให้ได้รับเงินมากขึ้นเฉลี่ย ๑๐%  นอกจากนั้นผู้จ้างงานยังไม่ประสงค์จะยอมรับการยกระดับให้ดีขึ้นของผู้ทำงานทางสังคมและผู้ทำหน้าที่ในด้านการให้การศึกษา  ขณะนี้ VKA ได้เรียกร้องการเจรจาที่ควรเริ่มต้นในวันที่ ๒ มิถุนายนศกนี้  นอกจากนั้นควรยุติการสไตรค์  Frank Bsirske หัวหน้า Verdi ได้ให้คำตอบด้วยการเสนอให้เจรจาตั้งแต่วันที่ ๑ มิถุนายนเสียเลย  เนื่องจากการเสนอของผู้จ้างงานทำให้ดูเหมือนว่าการอวสานอย่างน้อยก็ชั่วคราวของการสไตรค์เป็นความจริงยาก  ทำให้ผู้ปกครองและเด็กต้องเดือดร้อนรอต่อไปในเรื่องการดูแลเด็กต่อไปโดยไม่รู้กำหนดการยุติการประท้วง