วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2563

การฉีดวัคซีน

หลังคริสต์มาสควรเริ่มต้นการฉีดวัคซีนต่อต้านไวรัสโคโรนา  แต่กว่าทุกคนที่ประสงค์จะฉีดจะได้รับวัคซีนจริงก็กินเวลาไปจนถึงปีหน้า  Jens Spahn รัฐมนตรีสาธารณสุขของสหพันธ์ฯ ได้เสนอระเบียบข้อบังคับวัคซีนเมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคมที่ผ่านมา  โดยมีเพียงสามกลุ่ม  ซึ่งเป็นจำนวนเพียงแค่ครึ่งเดียวจากข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวัคซีนที่รับผิดชอบ (Stiko)  กฎระเบียบของเขาทำให้เป็นไปได้ว่าแม้ภายในกลุ่มเดียวกันก็มีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง  ซึ่งต่างจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ

ผู้ใดจะได้รับวัคซีนก่อน?  ที่ได้รับความสำคัญสูงสุด ได้แก่ ประชาชนที่มีวัยตั้งแต่ ๘๐ ปีขึ้นไป  รวมถึงทุกคนที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล ผู้มีหน้าที่ดูแลประชาชนสูงอายุหรือประชาชนที่ต้องได้รับการดูแล  นอกจากนั้น ในกลุ่มแรกยังรวมผู้ที่ทำงานในหอผู้ป่วยหนัก ในแผนกฉุกเฉิน ในหน่วยกู้ภัยหรือในศูนย์วัคซีน

กลุ่มไหนอยู่ในอันดับที่ ๒?  ในกลุ่มที่สองที่มีความสำคัญสูง ได้แก่ ทุกคนที่มีวัยตั้งแต่ ๗๐ ปีขึ้นไป  รวมถึงประชาชนที่มีความเสี่ยงสูงมากหรือความเสี่ยงสูงสำหรับการป่วยหนัก  ในจำนวนนี้รวมผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม รวมทั้งประชาชนที่เป็นดาวน์ซินโดรมและผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ  บุคคลที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ที่ต้องรับการดูแลก็ได้รับอนุญาตให้ฉีดวัคซีนได้  เช่นเดียวกับประชาชนในสถานลี้ภัยหรือที่พำนักสำหรับคนไร้บ้าน

ใครอยู่ในกลุ่มที่ ๓?  ในกลุ่มที่สาม ได้แก่ ประชาชนทุกคนที่มีวัยตั้งแต่ ๖๐ ปีขึ้นไป  ผู้มีน้ำหนักเกินขนาดหนักด้วยดัชนีมวลรวมร่างกายสูงกว่า ๓๐ พร้อมโรคไตหรือโรคตับเรื้อรัง  คนไข้ที่มีความบกพร่องด้านภูมิคุ้มกันโรคและผู้ติดเชื้อเอชไอวี  รวมถึงประชาชนที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง  นอกจากนั้น ที่รวมอยู่ด้วยก็ได้แก่ ผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ รวมทั้งประชาชนที่มีโรคแพ้ภูมิตนเองหรือโรคไขข้ออักเสบ  ในความสำคัญลำดับสามยังรวมถึงพนักงานขององค์กรรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ ศุลกากร ดับเพลิง ปกป้องสาธารณภัย และยุติธรรม รวมทั้งการค้าปลีกอาหาร  นอกจากนั้นยังรวมประชาชนที่มีเงื่อนไขการทำงานที่ล่อแหลม เช่น คนงานที่ทำงานเป็นฤดูกาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น