วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ใช้ยาไม่ถูกต้อง


     เนื่องจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวงจรชีวิตมนุษย์  ยาเป็นปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการเยียวยาความเจ็บไข้ได้ป่วย  ยาบางอย่างใช้เฉพาะเมื่อมีอาการ เช่น ยาแก้ปวด ยาลดน้ำมูก ยาแก้อาการเจ็บคอ แก้ไอ ยาทาแก้ผื่นคัน ยาแก้ท้องอืด ยาระบาย ฯลฯ  ยาเหล่านี้เป็นยารักษาตามอาการ ไม่จำเป็นต้องใช้ตลอดไป ยาบางอย่างต้องใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ได้แก่ ยารักษาโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น ยารักษาความดันโลหิตสูง ยารักษาเบาหวาน ยารักษาโรคหัวใจขาดเลือด ยารักษาโรคข้ออักเสบ รูมาตอยด์ ฯลฯ  ยาประเภทนี้คนไข้ไม่ควรหยุดยาเอง  ควรปรึกษาแพทย์  ซึ่งแพทย์จะตรวจประเมินว่าพยาธิสภาพของโรคดีพอที่จะสามารถหยุดยาได้หรือไม่  ยาปฏิชีวนะที่ประชาชนเรียกว่ายาแก้อักเสบ แทพย์จะสั่งให้เป็นชุด  ต้องฉีดหรือกินติดต่อกันหลายวัน  ในกรณีที่เชื้อรุนแรงอาจนานหลายสัปดาห์  ซึ่งควรฉีดหรือกินยาให้ครบตามที่แพทย์สั่ง  ห้ามหยุดยาก่อนเพราะเห็นว่าอาการดีขึ้นแล้ว เพราะเชื้อโรคอาจยังหลงเหลืออยู่  มีโอกาสเป็นขึ้นมาอีกและมีโอกาสทำให้เชื้อโรคดื้อยาได้  ช่วงเวลาการกินยาสำคัญเช่นกัน  ยาบางชนิดต้องกินก่อนอาหาร หลังอาหาร ยาบางชนิดต้องกินตอนท้องว่าง เพราะร่างกายสามารถดูดซึมสารจากตัวยาได้ดี  ถ้ากินพร้อมอาการ ยาจะถูกดูดซึมน้อย ประสิทธิภาพของยาจะลดลง ยาบางชนิดใช้พร้อมกันไม่ได้  เพราะจะทำปฏิกิริยาต่อกัน  ยาบางอย่างเสริมฤทธิ์กัน และอาจเกิดอาการเป็นพิษจากฤทธิ์ยามากเกินไป  ยาบางอย่างต้านฤทธิ์กัน  ทำให้การใช้ยาไม่มีประสิทธิภาพ  ยาเมื่อเข้าสู่ร่างกายทั้งโดยการกินหรือการฉีด สารในตัวยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบโลหิต แล้วกระจายไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ยาแต่ละตัวจะมีช่วงเวลาออกฤทธิ์ในร่างกายไม่เท่ากัน  อาจจะเป็นนาที ชั่วโมง เป็นวันหรือหลายวัน  การกินยาไม่ตรงเวลาสำหรับยาบางชนิดจึงสำคัญมาก หากต้องการให้ยามีฤทธิ์อย่างเพียงพอในร่างกายควรตรงเวลา  จึงจะสามารถรักษาโรคได้  หากกินยาไม่ตรงเวลา ทำให้บางช่วงเวลายามีฤทธิ์อยู่ในร่างกายน้อยเกินไป จะทำให้ประสิทธิภาพของยาไม่ดี และยังทำให้เกิดการดื้อยาได้ด้วย

ข้อมูล  มูลนิธิหมอชาวบ้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น