วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561

กันไว้ดีกว่าแก้


          ตามปกติผู้เขียนมีกิจที่ทำให้ต้องไปสถานีตำรวจเป็นครั้งคราว แต่ละครั้งก็มักเจอเอกสารแจกที่น่าสนใจให้หยิบติดมือมาอ่านอยู่เสมอ ล่าสุดนี้เจอเอกสารที่เกี่ยวกับการป้องกันยานพาหนะ  ซึ่งเรื่องนี้นับว่าใกล้ตัว  เนื่องจากเพื่อนก็เคยโดนงัดรถที่จอดอยู่หน้าบ้านมาแล้ว  หนักสุดก็โดนขโมยไปทั้งคันเลยด้วยซ้ำไป  เอกสารของตำรวจจะเน้นการป้องกันไว้ก่อน  เรียกว่าอย่าเปิดโอกาสให้ขโมยลงมือได้  เพราะหัวขโมยรถสมัยนี้นั้นมีความสามารถสูงและทำงานกันอย่างเป็นระบบเป็นทีมเวิร์ค โดยยอดฝีมือทั้งหลายจะแบ่งงานกันทำ  มีทั้งพวกจ้างวาน คนขายต่อ ขโมย และคนขับ  แล้วยังมีพวกที่คอยตระเวณไปตามละแวกที่อยู่อาศัย เพื่อสอดส่องดูว่าที่ไหนมียานพาหนะราคาแพงจอดอยู่บ้าง  ได้ข้อมูลมาแล้วก็จะบอกต่อไปยังหัวขโมยที่บ่อย ๆ มีความรู้เรื่องเทคนิคดี  ถึงกับในหลายกรณีเครื่องป้องกันความปลอดภัยต่าง ๆ ก็สะเดาะได้ เอากับเขาสิ
         
คำแนะนำในการจอดรถ จึงมีว่า
  •  ถ้าเป็นไปได้อย่าจอดยานพาหนะราคาแพงไว้ง่าย ๆ ข้างถนนหรือในที่จอดที่ไม่มีการป้องกัน
  • ใช้โรงรถที่ปิดล็อคได้หรืออย่างน้อยก็จอดรถไว้ตรงถนนที่มีแสงสว่างและผู้คนสัญจรไปมา
  •  ระมัดระวังบุคคลแปลกหน้าหรือยานพาหนะที่มีป้ายทะเบียนต่างถิ่นที่ค่อย ๆ แล่นช้า ๆ ไปตามถนนหลายเที่ยว  ให้จดหมายเลขทะเบียนไว้และรายงานตำรวจ
  • ระวังบุคคลที่ถ่ายภาพรถของเราไว้  เพราะมันสามารถเป็นการลงมือเตรียมการสำหรับการขโมยในภายหลังได้  ยานพาหนะที่มีราคาแพงมักถูกขโมยตามสั่ง


โอกาสที่เปิดให้ก็ทำให้เกิดการขโมยได้ เพราะฉะนั้นจึง
  • หากยานพาหนะติดตั้งระบบเตือนการขโมยก็ให้ใช้งาน
  • ระมัดระวังว่าเวลาปิดประตูรถด้วยรีโมทมีเสียงหรือสัญญาณให้เห็นว่าปิดจริง  การบล็อคสัญญาณสามารถรบกวนสัญญาณของตัวรีโมท จนทำให้ประตูรถไม่ได้ล็อคจริง
  • อย่า “ซ่อน” กุญแจสำรองไว้ที่รถหรือในรถ  เนื่องจาก “ที่ซ่อน” นี้เป็นที่รู้กันสำหรับขโมยด้วย  ให้รำลึกไว้ด้วยว่าตามกฎหมาย การทิ้งกุญแจดอกที่สองไว้ในรถเป็นความประมาทใหญ่หลวง  ซึ่งในกรณีที่เกิดการขโมยรถขึ้น บริษัทประกันไม่ต้องรับผิดชอบการชำระเงินค่าเสียหาย
  • หากกุญแจรถถูกขโมยหรือหายไป  ให้ไปที่ร้านขายรถทันที  ที่นั่นมีความเป็นไปได้ที่จะจัดการไม่ให้กุญแจใช้งานได้
  • เนื่องจากส่วนใหญ่กุญแจรถและกุญแจบ้านจะวางไว้ที่โถงทางเดินหรือแขวนไว้ที่แผงกุญแจ ทำให้ง่ายที่จะขโมยรถที่จอดไว้ในโรงรถ  ตรงนี้ตำรวจระบุว่าสามารถให้คำแนะนำในเรื่องการป้องกันการขโมยได้ โดยไปที่ฝ่ายให้คำปรึกษาของตำรวจอาชญากรรมหรือในอินเตอร์เน็ต www.k-einbruch.de
  • ดึงกุญแจสตาร์ทรถออกเสมอ แม้ไม่อยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น ตอนเติมน้ำมันหรือลงไปซื้อหนังสือพิมพ์
  •  ไม่ทิ้งกุญแจไว้โดยไม่มีใครดูในเสื้อแจ็คเก็ตที่แขวนไว้ที่ที่แขวน เวลาไปกินอาหารในร้านหรือในห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัว
  • ปิดหน้าต่าง ประตู ที่เก็บของ หลังคาเลื่อนและฝาถังน้ำมันเสมอ ถึงหากจะเดินจากรถไปเพียงประเดี๋ยวประด๋าว  การปิดฝาถังทำให้ขโมยทำงานได้ยากขึ้น 

การขโมยของภายในรถ  รถยนต์ไม่ใช่ตู้นิรภัย จึงไม่ควร
  • อย่าทิ้งสิ่งของมีค่า เช่น โทรศัพท์ แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูปหรือเงิน ฯลฯ ไว้ในรถให้มองเห็นได้  การซ่อนไว้ก็ไม่ช่วยอะไร  เพราะขโมยก็รู้จักที่ซ่อนทุกแห่ง  นอกจากนั้น วัตถุเหล่านี้ส่วนใหญ่มักไม่รวมอยู่ในการประกัน
  • ไม่ทิ้งเครื่องบอกทางเคลื่อนที่ไว้ในรถ  ที่วางเครื่องก็เอาออกด้วย
  • ไม่ทิ้งบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารเกี่ยวกับรถ ข้อบ่งชี้ถึงที่อยู่อาศัยและกุญแจบ้านไว้ในรถ  มิฉะนั้น นอกจากถูกขโมยรถแล้วยังอาจถูกขโมยเข้าบ้านด้วย
  • ไม่เก็บของมีค่าไว้ในที่เก็บของ  ในการค้างคืนขณะไปเที่ยวหรือไปทำธุรกิจให้นำกระเป๋าทั้งหมดออกจากที่เก็บของ
  •  ระหว่างการขับรถก็ให้ล็อครถ เพื่อหลีกเลี่ยงการฉกชิงของจากรถ เช่น ระหว่างหยุดที่สี่แยก

 นอกจากนั้น ยังมีการกล่าวถึงการป้องกันทางเทคนิค  ซึ่งผู้เขียนขอข้ามไป  เนื่องจากไม่มีความรู้เอาเสียเลย  เนี่ย ใครอ่านก็ต้องบอกว่าแหม ของแบบนี้ฉันก็ทำของฉันเป็นประจำอยู่แล้ว  ไม่เห็นต้องมาบอก  อ้าว คนไม่ทำเพราะคิดไม่ถึงก็มีนะจะบอกให้  เพื่อนผู้เขียนที่ว่าไง ทีแรกโดนฉกไปแค่แล็ปท็อปที่ทิ้งไว้ในรถที่จอดหน้าบ้าน  เล่นเอาเจ้าตัวหัวเสีย นี่มันล้วงคองูเห่านี่หว่า พอหนต่อไปโดนไปทั้งคันเลยค่า  แต่นั่นจอดอยู่ที่แคมปิงที่ฮอลแลนด์ แหม ไม่รู้หรือไงว่าขโมยน่ะชอบข้ามเขตแดนมาขโมยอะไรต่ออะไร แล้วก็กลับไปบ้านตัวสบายใจ ตำรวจเยอรมันตามไม่ทัน นี่ไปจอดล่อหูล่อตาถึงที่ ไม่หายยังไงไหว พอร์เช่ทั้งคัน!

ข้อมูลเพิ่มเติม  www.polizei-beratung.de

โดย “เอื้อยอ้าย”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น