วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ความเข้าใจผิดเรื่องหย่า


    ตั้งแต่มาใช้ชีวิตอยู่ประเทศเยอรมันเป็นเวลาหลายปีดีดัก ผู้เขียนได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหย่าร้างของ คนรู้จักสนิทบ้าง ไม่สนิทบ้าง มาแล้วสองสามราย ได้ยินข่าวเกี่ยวกับการหย่าร้างของคนรู้จักอีกหลายต่อหลายราย  ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ  เนื่องจากว่าตามสถิติของประเทศเยอรมัน คู่สมรสทุก ๑ ใน ๓ คู่หย่าร้างกัน  แปลว่าพวกเราแต่ละคนต้องเคยรู้จักใครบางคนหรือหลายคนที่เคยหย่ามาแล้วหรือแม้แต่บุคคลในแวดวงญาติพี่น้อง  แต่เชื่อหรือไม่ว่ายังคงมีความเข้าใจผิดกันอยู่ในเรื่องเงื่อนไขของการหย่าร้าง  วันนี้ก็เลยอยากพูดคุยเกี่ยวกับความเข้าใจผิดที่มักพบเจอบ่อย ๆ เวลามีคนมาปรึกษาเรื่องอยากจะหย่า 

๑.             แต่งงานก้นหม้อไม่ทันจะดำก็หย่าเสียแล้ว
ไม่ว่าการแต่งงานจะดำเนินมายาวนานแค่ใด ๒๕ ปีหรือแค่ครึ่งปี  เงื่อนไขสำหรับการหย่าร้างโดยสมยอมด้วยกันทั้งสองฝ่าย ตามกฎหมายโดยพื้นฐานแล้วทำได้ต่อเมื่อปีที่แยกทางกันสิ้นสุดลง หรือที่เรียกในภาษาเยอรมันว่า "Trennungsjahr"   ได้แก่ การที่ฝ่ายชายและหญิงได้ใช้ชีวิตแยกกันนับเป็นเวลาอย่างน้อย ๑ ปี  การหย่าร้างก่อนเวลาโดยไม่คงไว้ของปีที่แยกทางกันสามารถเป็นไปได้ก็เพียงหากมีเหตุผลที่หนักหนาสาหัสบางประการ ตัวอย่างก็เช่น กรณีใช้กำลังความรุนแรงอย่างหนักและสม่ำเสมอหรือหากคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจ้องจะเอาชีวิตของอีกฝ่าย  ดังนั้น การหย่าร้างอย่างรวดเร็วสายฟ้าแล่บจึงเป็นเพียงข้อยกเว้นและในทางปฏิบัติไม่ค่อยเกิดขึ้น

๒.   ต้องรายงานปีที่แยกทางกัน
การแยกทางกันเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นตามจริง นั่นคือ คู่สมรสแยกกันอยู่  อาจจะยังอยู่ในโวนุงที่เป็นเจ้าของร่วมกันหรือผ่านการย้ายออกของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  และนับแต่นั้นก็ใช้ชีวิตแยกกัน  ซึ่งทำให้เป็นการเริ่มต้นของปีที่แยกทางกัน  ดังนั้น สำหรับการเริ่มต้นของปีที่แยกทางกันจึงไม่จำเป็นต้องมีการชี้แจงอย่างเป็นทางการในลักษณะของการรายงานต่อสำนักงานราชการแห่งใดแห่งหนึ่งหรือต่อทนายความ

๓.            ทนายความคนเดียวสามารถเป็นตัวแทนของคู่สมรสทั้งสองฝ่าย
การยื่นคำร้องขอหย่าร้างของคู่สมรสต้องได้รับการยื่นจากทนายความ  ดังนั้น แม้ว่าคู่สมรสจะยินยอมพร้อมใจกันหย่าร้างอย่างสันติ  แต่อย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของคู่สมรสต้องยื่นคำร้องขอหย่าร้างและต้องมีทนายความเป็นผู้แทนทำให้  ตราบใดที่คู่สมรสอีกฝ่ายไม่ประสงค์จะยื่นคำร้องขอหย่าร้างเอง ก็สามารถยอมรับคำร้องขอหย่าร้างของอีกฝ่าย  ในกรณีนี้การหย่าร้างสามารถเกิดตามมาด้วยทนายความเพียงคนเดียว  แต่ทนายความจะเป็นผู้แทนให้กับฝ่ายที่ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการคนเดียวเท่านั้น  ไม่ได้ทำให้กับคู่สมรสทั้งสองฝ่ายร่วมกัน  ที่ควรคำนึงถึงคือ ฝ่ายที่ยื่นคำร้องเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบค่าทนาย  ดังนั้น แม้ว่าค่าศาลจะถูกแบ่งครึ่งให้จ่ายร่วมกัน  แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับทนาย ผู้ยื่นคำร้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่ผู้เดียว

๔.            หลังการหย่าร้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องรับผิดสำหรับทั้งหมดที่อีกฝ่ายทำ
ในฐานะคู่สมรส ฝ่ายสามีหรือภรรยาไม่ต้องรับผิด ไม่ว่าระหว่างการสมรสหรือหลังการหย่าร้างสำหรับทั้งหมดที่อีกฝ่ายทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามีหรือภรรยาไม่ต้องรับผิดโดยอัตโนมัติ หากระหว่างการสมรสหรือหลังการหย่าร้าง อีกฝ่ายทำการกู้เงินคือการสร้างหนี้  โดยพื้นฐานแล้วคู่สมรสต้องรับผิดร่วมกัน – โดยไม่ขึ้นกับว่ายังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันหรือแยกกันอยู่- ในเรื่องที่ผูกมัดที่ทำร่วมกันด้วยเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น ร่วมลงนามในสัญญากู้เงินหรือลงนามในสัญญาซื้อ

ทั้งสี่ข้อนี้ เป็นเรื่องที่เจอบ่อยมากกก...เวลาใครมาปรึกษา (ยังกะว่าข้าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือเป็นทนายความก็ไม่ปาน)  พอดีไปอ่านเจอและตรงกับใจที่คิดไว้ว่าอาจจะพูดถึงอยู่พอดี ก็เอามาขยายความต่อตามประสาไม่ชอบเก็บเรื่องที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนไว้คนเดียว  แต่ไม่ได้หมายถึงว่าจะยุยงให้ใครแยกทางหรือหย่าร้างกันนะจ๊ะ อยู่ด้วยกัน รักกันไว้ให้มาก ๆ น่ะ ดีแล้ววว คือปวดหัวมากเวลาใครมาบ่นหรือระบายความทุกข์ ขอบอกเลยค่ะ

ข้อมูล  Aachener Zeitung

เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น