คนไทยมีคำบ่นว่าผู้ที่ทำตัวไร้มารยาทหรือไม่ถูกกาลเทศะว่า “ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” ผู้เขียนในฐานะที่เป็นแม่คนหนึ่งรู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย จะมีพ่อแม่สักกี่คนกันนะที่ไม่เคยอบรมสั่งสอนลูก ทำไมไม่คิดบ้างว่าบุคคลนั้น ๆ อาจเป็นคนที่ดื้อด้าน “ลูกพ่อแม่สอนไม่จำ” ก็ได้ แต่ที่น่าสนใจคือไม่เพียงแต่เด็กไทยทุกวันนี้เท่านั้นที่มักถูกค่อนขอดว่ามารยาทแย่ จากการสอบถามของสถาบันวิจัยความคิดเห็น “You Gov“ ก็แสดงว่าชาวเยอรมันไม่มีมารยาทมากขึ้นทุกที ทั้งที่การถือส้อมในมือซ้าย มีดในมืดขวา สละที่นั่งให้คนชรา ไม่ปิดประตูใส่หน้าผู้อื่น ตรงเวลา ฯลฯ ตามจริงเป็นกฎเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติตนง่าย ๆ ที่ถือว่าสุภาพ ใคร ๆ ก็รู้จักและเห็นคุณค่า แต่ได้รับการยึดถือน้อยลงทุกที โดยเฉพาะรุ่นวัยอายุน้อย กระนั้นก็ยังมีความหวัง โดยศาสตราจารย์ Juergen Rekus นักการศึกษาจาก Karlsruhe เห็นว่ากฎเกณฑ์ประพฤติปฎิบัติตนเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้
การทักทาย
เริ่มด้วยยศ ตามด้วยเพศ แล้วท้ายสุดวัย ตามเกณฑ์นี้จะตัดสินว่าใครเป็นคนทักทายผู้ใด ในทางปฏิบัติหมายความว่าพนักงานทักทายเจ้านาย ชายทักหญิง และนักเรียนทักทายครู แต่จะยิ่งยุ่งยากกว่านี้หากเป็นคำถามที่ว่าใครเป็นผู้ยื่นมือให้ใครจับก่อน ตรงนี้จะกลับกัน คือ นายยื่นมือให้ลูกจ้าง สตรียื่นมือให้บุรุษ และครูยื่นมือให้นักเรียน ในกรณีที่แนะนำตัวในกลุ่มและต่างคนต่างทักข้ามกันไปมา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้รักษาความสงบและทำตามความรู้สึก เนื่องจากเกิดขึ้นบ่อย ๆ ที่บุคคลบางคนไม่ทำตามกฎเกณฑ์ ที่สำคัญคือแรงจับของมือ Andrea Sabina Hahn จากบริษัทประกันสุขภาพ AOK ที่เป็นผู้ดำเนินการอบรมเรื่องมารยาทกล่าวว่าไม่มีใครอยากจับปลาตายและแสดงการจับมือแน่น ซึ่งแสดงถึงความมั่นใจในตนเอง
การพูดคุยในเรื่องเบา ๆ
หลังอุปสรรคแรกผ่านไปแล้วก็มาถึงข้อต่อไป คือ การพูดคุยในหัวข้อเบา ๆ หรือที่รู้จักกันในนาม “Small Talk“ ฟังดูว่าง่าย เหมือนว่าจะคุยอะไรก็คุยไป แต่ตามจริงแล้วก็ไม่ง่ายนัก เพื่อไม่ให้เกิดอาการ “หน้าแตก” มีบางเรื่องที่ควรละเว้น ได้แก่ การเมือง ศาสนา ความเจ็บไข้ได้ป่วย โศกนาฏกรรม และเงิน ๆ ทอง ๆ ที่ดีกว่า ได้แก่หัวข้อเช่น การท่องเที่ยว เวลาว่าง การศึกษาหรือการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ และสภาพอากาศ แนวคิด คือ เปิดกว้าง เป็นผู้ฟังที่ดี พูดแสดงความคิดเห็นบ้างและไม่พูดแทรกหากคู่สนทนากำลังเล่าเรื่องอยู่
การกินอาหารอย่างเป็นทางการ
ในการกินอาหารอย่างเป็นทางการทางธุรกิจ บรรยากาศไม่ควรบีบคั้น ธุรกิจจะพูดกันหลังอาหารและหากเจ้านายสั่งอาหารชุด ก็ต้องรอจนกินอาหารหมดแล้ว แม้ว่าตนเองจะกินเสร็จนานแล้วก็ตาม ที่สำคัญคือเจ้าภาพเป็นผู้เริ่มต้นกินอาหาร เมื่อทุกคนได้อาหารแล้วให้ลองชิมก่อนแล้วจึงเติมเครื่องปรุง มิฉะนั้นจะเป็นการดูถูกดูแคลนผู้ประกอบอาหาร สิ่งที่ควรระมัดระวัง คือ ลุกจากโต๊ะเมื่อมีเหตุผลสมควรเท่านั้น จับแก้วที่ก้าน ไม่เช่นนั้นเครื่องดื่มจะอุ่น ยกแก้วขึ้นอวยพร แต่ไม่ชนแก้ว กินซุปจากด้านในออกด้านนอก และไม่เป่าแม้ว่าซุปจะยังร้อน ไม่เอาส้อมบดมันฝรั่งและผสมกับซ้อส
เครื่องแต่งกาย
เครื่องแต่งกายช่วยในเรื่องของความประทับใจแรกเริ่ม หากเป็นการสัมภาษณ์งาน สำหรับบุรุษ ควรสวมสูท เชิ้ตสีสว่างและเนคไท สีสูทควรเป็นสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งแสดงความน่าเชื่อถือ สำหรับสตรี สามารถสวมสูทกับเสื้อสีสว่างเช่นกัน เสื้อผ้าไม่ควรหันเหความสนใจจากความสามารถของผู้สวม สำหรับสตรีหมายถึงไม่แต่งหน้าจัดและสวมเครื่องประดับเรียบ ๆ บุรุษควรสวมถุงเท้าที่ไม่สะดุดตา ที่ดีที่สุดคือถุงเท้าสีดำ ไม่มีใครอยากเห็นถุงเท้าสีแสบเต็มไปด้วยลวดลาย
อ้า รู้ไว้ก็ไม่เสียหลายเนอะ แม้จะฟังดูเป็นมารยาทของสังคมฝรั่งเสียมากกว่า แต่โลกเราทุกวันนี้แคบลงทุกที ในยุคโลกาภิวัตน์อะไร ๆ ก็เป็นไปได้ แม้แต่มารยาทหลายอย่างก็เป็นสากล อย่าให้ใครมาว่าได้ว่าเป็น “ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน” ให้พ่อแม่ต้องสะดุ้งแปดกลับเล้ย …
เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”
ข้อมูล Aachener Zeitung
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น