วันที่ ๑๐
ธันวาคมของทุกปีเป็นวันรัฐธรรมนูญของประเทศไทย
โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการรำลกถึงรัฐธรรมนูญฉบับแรกอันเป็นฉบับถาวร
เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศและเป็นเครื่องกำหนดระเบียนแบบแผนของประเทศไทย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้กับปวงชนชาวไทยเมื่อวันที่
๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๗๕
การเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวัที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
นับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การปกครองของชาติไทย
เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งเป็นระบอบการปกครองที่ใช้กันมาเป็นเวลา ๗๐๐
ปีเศษมาเป็นระบอบประชาธิปไตย
โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ
สาเหตุที่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
๗ แห่งราชวงศ์จักรีทรงมีพระราชประสงค์ที่จะพระราชทานรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นหลักในการปกครองของประเทศให้แก่ประชาชนชาวไทย หลังสงครามโลกครั้งที่ ๑
เศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก
ผลนี้ได้กระทบมาถึงประเทศไทยด้วย
พระองค์ทรงแก้ไขเศรษฐกิจโดยปลดข้าราชการออก ยังความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ อิทธิพลจากตะวันตกเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมืองทำให้กลุ่มคนหนุ่มต้องการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน รัฐบาลได้ออกกฎหมายเก็บภาษี อาทิภาษีโรงเรือน
ภาษีที่ดินจากราษฎร ฯลฯ จากสาเหตุดังกล่าวทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ
ทหารและราษฎรทั่วไป
จึงทำให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองโดยการปฏิวัติ มีคณะผู้รักษาพระนครฝ่ายทหาร ซึ่งประกอบด้วยพันเอกพระยาพหลพยุหเสนา
พันเอกพระยาทรงสุรเดชและพันเอกพระยาฤทธิ์อาคเนย์เป็นผู้บริหารประเทศ วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๕
ได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวเรียกว่า
“พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราว” สาระสำคัญของธรรมนูญการปกครองฉบับนี้ ได้แก่
การที่กำหนดว่าอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจอธิปไตยเป็นของราษฎรทั้งหลาย การใช้อำนาจสูงสุดก็ให้มีบุคคล
คณะบุคคลเป็นผู้ใช้อำนาจแทนราษฎรดังนี้ คือ
-
พระมหากษัตริย์
-
สภาผู้แทนราษฎร
-
คณะกรรมการราษฎร
-
ศาล
ลักษณะการปกครองแม้จะเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นประชาธิปไตย
แต่ก็ถือว่าพระมหากษัตริย์เป็นประมุขของประเทศ
เป็นสถาบันที่ถาวรและมีการสืบราชสมบัติต่อไปในพระราชวงศ์ การปฏิบัติราชการต่าง ๆ
จะต้องมีกรรมการราษฎรผู้หนึ่งเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ โดยได้รับความยินยอมจากคณะกรรมการราษฎรจึงจะใช้ได้ สถาบันที่เกิดใหม่ คือ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอำนาจทางนิติบัญญัติออกกฎหมายต่าง ๆ ซึ่งเมื่อพระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้แล้ว
จึงจะมีผลบังคับได้ เหตุนี้ในระยะแรกของการเปลี่ยนแปลงการปกครองสภาผู้แทนจึงเป็นสถาบันที่มีอำนาจสูงสุดในทางการเมือง
ส่วนการใช้อำนาจตุลาการยังคงให้ศาลยุติธรรมที่มีอยู่แล้วพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมายได้ดังเดิม
ประวัติวันรัฐธรรมนูญ
กระทั่งถึงวันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๕ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรสยามฉบับถาวร
ซึ่งมีหลักการต่างกับฉบับแรกในสาระสำคัญหลายประการ
อาทิได้เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นการปกครองระบบรัฐสภา ทั้งนี้เนื่องจากรัฐธรรมนูญพ.ศ.๒๔๗๕
ได้บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นประมุขไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมืองเป็นผู้ใช้อำนาจทางคณะรัฐมนตรี
ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งให้บริหารราชการแผ่นดินต่อสภาผู้แทน
รัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติมิได้ใช้แต่เพียงอำนาจนิติบัญญัติเท่านั้น
แต่มีอำนาจที่จะควบคุมคณะรัฐมนตรีในการบริหารแผ่นดินด้วย อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรี รวมทั้งพระมหากษัตริย์
ซึ่งประกอบกันเป็นรัฐบาลก็มีอำนาจที่จะยุบสภาผู้แทนได้
หากเห็นว่าได้ดำเนินการไปในทางที่จะเป็นภัยหรือเสื่อมเสียผลประโยชน์สำคัญของรัฐ ซึ่งมีผลเท่ากับถอดถอนสมาชิกสภาที่ได้รับเลือกตั้งมา เพื่อให้ราษฎรเลือกตั้งใหม่ ในส่วนเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์นั้นได้บัญญัติว่าพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น