วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ห่างโรคไข้หวัด

        ไข้หวัดเป็นโรคติดเชื้อที่สามารถเกิดกับทุกคน  แต่เป็นโรคที่เป็นเองหายเอง  โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาใดเป็นพิเศษ อาจใช้ยาพาราเซตามอลลดไข้แก้ปวดเฉพาะเมื่อมีไข้สูงหรือปวดศีรษะ  ข้อผิดพลาด คือ มีการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อเกินจำเป็น  ซึ่งไม่เพียงไม่ให้ประโยชน์ เนื่องจากมันไม่ได้มีส่วนฆ่าเชื้อไวรัสหวัดที่เป็นสาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาง่าย แพ้ยาง่ายและทำให้ร่างกายอ่อนแอตามมาได้  ไข้หวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัสหวัด ซึ่งมีอยู่มากกว่า ๒๐๐ ชนิดจากกลุ่มไวรัส ๘ กลุ่มด้วยกัน  การเกิดโรคแต่ละครั้งจะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดเพียงชนิดเดียว  เมื่อเป็นแล้วร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสหวัดชนิดนั้น  ในการเป็นไข้หวัดครั้งใหม่ก็จะเกิดจากเชื้อไวรัสหวัดชนิดใหม่ที่ร่างกายยังไม่เคยติดมาก่อน  หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ  ดังนั้น คนเราจึงเป็นไข้หวัดได้บ่อย เชื้อหวัดมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย  ติดต่อโดยการสูดหายใจผ่านละอองเสมหะ ผู้ป่วยไอหรือจามรดภายในระยะไม่เกิน ๑ เมตร  นอกจากนั้นยังอาจติดต่อโดยการสัมผัส  ระยะฟักตัวของโรค คือ ๑-๓ วัน  โดยทั่วไปมักมีไข้ ครั่นเนื้อครั่นตัวเป็นพัก ๆ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย อาจมีอาการคอแห้ง แสบคอหรืออาการเจ็บคอนำมาก่อน  ต่อมาจะมีน้ำมูกไหล ไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะ  อาการมักเป็นอยู่นาน ๔๘-๙๖ ชั่วโมง (๒-๔ วันเต็ม)  แล้วก็ทุเลาไปได้เอง  อาการน้ำมูกไหลจะเป็นมากแค่ ๒-๓ วัน  ส่วนอาการไออาจนานเป็นสัปดาห์หรือบางรายอาจไอเป็นแรมเดือนหลังจากอาการอื่น ๆ หายดีแล้ว  เนื่องจากไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส  จึงไม่มียาที่ใช้รักษาโดยเฉพาะ  เพียงแต่ให้รักษาไปตามอาการเท่านั้น  ได้แก่
๑.    พักผ่อนมาก ๆ ห้ามตรากตรำทำงานหนักหรือออกกำลังกายมากเกินไป
๒.   สวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น อย่าถูกฝนหรือถูกอากาศเย็นจัดและอย่าอาบน้ำเย็น
๓.   ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้และทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง
๔.  ควรกินอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำผลไม้หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ

๕.  ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรใช้น้ำธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง) เช็ดตัวเวลามีไข้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น