พรรค CDU/CSU และ SPD เห็นพ้องต้องกันว่าวิกฤติผู้ลี้ภัยไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับคันโยกเพียงตัวเดียว กระนั้น ก็ยังตกลงกันไม่ได้เกี่ยวกับเขตทรานสิทใหม่หรือศูนย์เดินทางเข้าประเทศเหมือนอย่างกับว่าอวสานของวิกฤติขึ้นอยู่กับจุดบันทึกข้อมูลนี้
รัฐบาลผสมติดอยู่ในการถกเถียงเกี่ยวกับเขตทรานสิท
ตามแนวคิดของทั้งสองพรรค เป้าหมาย ได้แก่
เร่งกระบวนการพิจารณาการลี้ภัยของผู้ลี้ภัยจากประเทศที่มาที่ปลอดภัยและส่งตัวกลับไปยังประเทศที่มาเร็วขึ้น กระนั้น วิธีการก็แตกต่างกัน โดยที่
CDU/CSU
ประสงค์จะตั้งเขตทรานสิทที่พรมแดนคล้ายคลึงกับเขตทรานสิทสำหรับผู้ขอลี้ภัยที่สนามบิน ผู้ลี้ภัยจะอยู่ในเขตจนกว่าจะมีการตัดสินเกี่ยวกับคำร้องขอลี้ภัย เขตทรานสิทไม่สามารถเปรียบได้กับเรือนจำตามที่ SPD กล่าวเทียบ
ผู้ลี้ภัยสามารถออกจากประเทศเยอรมันได้ทุกเวลา แต่ไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ เพื่อตั้งเขตดังกล่าวต้องมีการวางพื้นฐานทางกฎหมายเสียก่อน โดย CDU/CSU ประสงค์จะนำเกณฑ์การรับและการพิจารณาของสหภาพยุโรปมาใช้ในกฎหมายเยอรมัน
ตามกฎหมาย EU กระบวนการในเขตทรานสิทไม่อนุญาตให้อยู่นานกว่า
๔ สัปดาห์ CDU/CSU ถึงกับอยากให้มีการดำเนินการพิจารณาเพียง
๑ สัปดาห์ นักการเมือง CDU/CSU ตระหนักว่าเขตทรานสิทสามารถเป็นเพียงโมเสทชิ้นเดียวในการต่อสู้กับวิกฤติ แต่เป็นสัญญาณทางการเมืองว่าการเดินทางเข้าประเทศต้องมีขอบเขต สำหรับ SPD เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบันทึกข้อมูลที่เร็วขึ้น โดยประสงค์จะตั้งศูนย์เดินทางเข้าประเทศกระจายไปทั่วประเทศในสถานที่แรกรับผู้ลี้ภัยที่มีอยู่แล้ว
ผู้ที่ไม่ยอมให้บันทึกข้อมูลควรถูกตัดความช่วยเหลือ และมีข้อเสียเปรียบในการพิจารณาขอลี้ภัย
ผู้ที่ต้องการความคุ้มครองควรอยู่ที่นั่นจนกว่าจะถูกส่งตัวไปที่พักอื่น ประชาชนจากประเทศที่มาที่ปลอดภัยสามารถอยู่ที่ศูนย์จนกว่าจะมีการตัดสินและถูกส่งโดยตรงจากที่นั่นกลับไปยังประเทศต้นทางเดิม
นักวิจัยการอพยพชั้นนำวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดเขตทรานสิทว่าไม่นำไปสู่เป้าหมาย ผู้ลี้ภัยจากประเทศบอลข่าน (ยกเว้นชาวโคโซโว)
สามารถเดินทางมายังประเทศเยอรมันโดยปราศจากวีซา
ไม่จำเป็นต้องใช้เส้นทางผ่านเขตทรานสิท
นอกจากนั้น Herbert Brücker จากสถาบันเพื่อตลาดแรงงานและการวิจัยอาชีพกล่าวว่าสัดส่วนผู้ลี้ภัยจากบอลข่านได้ลดลงเหลือเพียง
๖% แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น