วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อิทธิพลของคริสต์ศาสนาต่อชาวเยอรมัน


        ในช่วงหลังสงครามในประเทศเยอรมันเป็นเรื่องปกติที่ประชาชนเติบโตมาพร้อมกับนิกายคาธอลิก  เริ่มด้วยการรับศีลจุ่ม แล้วเข้าพิธีศีลมหาสนิท ซึ่งการเข้าสังคมคาธอลิกดังกล่าวทุกวันนี้เป็นเรื่องยกเว้น  เนื่องในวันคาธอลิกที่มีขึ้นในวันที่ ๙-๑๓ พฤษภาคมที่ Münster มีคำถามสงสัยกันว่า ข้อเท็จจริงประเทศเยอรมันเป็นคาธอลิกมากน้อยแค่ไหน  จำนวนที่อาจสร้างความแปลกใจให้กับบางคน ศาสนจักรคาธอลิกทุกวันนี้ยังมีสมาชิกมากเท่ากับในทศวรรษที่ ๕๐ คือ ๒๓ ล้านคน ระหว่างนี้บางเวลามีมากกว่านี้ ตามข้อมูลของที่ประชุมบิชอฟในประเทศเยอรมัน บรรลุระดับสูงสุดในปี ๑๙๗๓ ด้วยจำนวน ๓๐ ล้านคน  นับแต่ปี ๑๙๙๐ จำนวนลดลง 
กระนั้น ก็ยังคงที่อย่างน่าแปลกใจ  แคว้นที่มีคาธอลิกฝังรากลึกที่สุดก็ได้แก่ ซาร์ลันด์ ไบเอิร์น ไรน์ลันด์-ฟัลซ์ และนอร์ดไรน์-เวสท์ฟาเลน  อย่างไรก็ดี ตัวเลขนี้ตรงกันข้ามอย่างหนักกับความพยายามอย่างกระตือรือล้นด้านศาสนา  ในปี ๑๙๕๐ ชาวคาธอลิกเยอรมัน ๕๕% ยังไปเข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์  ทุกวันนี้เพียง ๑๐% เท่านั้น ตัวเลขคือ ๒.๔ ล้านคน  ทำให้มีคำถามตามมาโดยอัตโนมัติว่าทำไมไม่มีประชาชนจำนวนมากกว่านี้ลาออกจากโบสถ์ ในเมื่อชาวคาธอลิคส่วนใหญ่จำนวนมากไม่ไปเข้าโบสถ์อีกต่อไป  ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดเงินได้มาก  คำตอบอนุญาตให้เป็นว่า เพราะประชาชนจำนวนมากไม่ประสงค์จะทำให้บิดามารดาเสียใจ  ตามความรู้สึกของคนเหล่านั้น การลาออกจากโบสถ์เหมือนกับการแตกหักกับครอบครัว  แต่นั่นก็ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด 
Detlef Pollack นักสังคมวิทยาด้านศาสนาจากมหาวิทยาลัย Münster เชื่อว่าตามหลักการคริสตศาสนาในประเทศเยอรมันได้รับการตีค่าเป็นบวกและถูกมองว่าเป็นพื้นฐานของวัฒนธรรม  คนเราพบว่าเป็นการดีด้วยที่เด็ก ๆ ได้รับการอบรมสั่งสอนตามจิตวิญญาณคริสต์  ความสุภาพ ความยุติธรรม ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน การรักผู้อื่น ฯลฯ ล้วนได้รับการประเมินสูงมาก  มีความเปิดกว้างสูงต่อคริสตศาสนา ซึ่งเป็นประโยชน์กับคริสตจักร    นอกจากนั้น ต้องขอบคุณรายได้จากภาษีจำนวนมหาศาลที่ทำให้คริสตจักรมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ค้ำประกันสังคม  โดยประกอบกิจการโรงพยาบาล บ้านพักคนชรา โรงเรียนอนุบาลและโรงเรียน  การแสดงบทบาทของโบสถ์นี้ได้รับการยอมรับและเห็นคุณค่า  Pollack กล่าวว่าที่สะดุดตามากคือในประเทศเยอรมันแทบไม่มีอะไร อย่างเช่นการต่อต้านการเพิ่มอิทธิพลของโบสถ์คาธอลิกต่อทุกแวดวงในสังคม  แทบไม่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงต่อต้านโบสถ์ โบสถ์จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะสร้างความหมองมัว  แต่สิ่งหนึ่งเป็นอดีตไปแล้วอย่างสิ้นเชิง นั่นคือชาวคาธอลิกไม่ปล่อยให้คริสตจักรกำหนดอีกต่อไปว่าควรใช้ชีวิตอย่างไร 
ต่อคำถามที่ว่า "เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณหรือไม่ว่าพระสันตปาปาทรงกล่าวว่าอย่างไร?"  ในการสอบถามภายใต้การมอบหมายของมูลนิธิ Bertelsmann ๕๘% ของชาวคาธอลิกตอบคำถามนี้ว่า "ไม่"  การสอบถามของเขตการปกครองของบิชอฟโคโลญน์ในปี ๒๐๑๓ ให้ผลว่ามีความแตกต่างสูงมากระหว่างคำสอนของโบสถ์และชีวิตของชาวคาธอลิก  ไม่ว่าการหย่าร้าง การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรส ยาคุมกำเนิด หรือรักร่วมเพศ  ในทุกประเด็นผู้ที่ไปร่วมพิธีสวดเป็นประจำและผู้ที่ทำงานให้กับโบสถ์ก็ยังคิดแตกต่างไปจากที่โบสถ์สอนสั่ง  และเกือบไม่มีข้อยกเว้น  Pollack สรุปว่าแม้แต่ผู้ที่อยู่ในโบสถ์เองก็กล่าวว่าต้องการทำตามเงื่อนไขของตนเอง และไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นลูกแกะ (ของพระเจ้า)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น