วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

ศิลปินในวงการเพลงภาษาเยอรมัน (126) Nena

เอกอัครราชทูต  วิญญู แจ่มขำ
            ศิลปิน ฯ คนนี้เพิ่งฉลองอายุครบ ๕๕ ปีไปเมื่อปลายเดือนที่แล้ว เธอเป็นทั้งนักดนตรี นักแต่งเพลง และนักร้องคลื่นลูกใหม่แนวเพลงพ็อพและพั้งค์ร็อคชาวเยอรมัน เพลงดังของเธอที่รู้จักกันระดับนานาชาติตั้งแต่ปี ๑๙๘๓ (พ.ศ. ๒๕๒๖) คือเพลง 99 Luftballons และยังเป็นศิลปินในประวัติสาสตร์วงการเพลงเยอรมันที่แผ่นเพลงของเธอขายได้ถึง ๒๕ ล้านแผ่น
Nena มีชื่อจริงว่า Grabriele Susanne Kerner เกิดที่เมือง Hagen รัฐน้อร์ดไรน์-เว้สท์ฟาเล่น เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ค.ศ. ๑๙๖๐ (พ.ศ. ๒๕๐๓) แล้วพ่อแม่ได้พากันย้ายไปอยู่เมือง Breckerfeld
พออายุได้ ๓ ขวบ พ่อแม่ได้พาไปเที่ยวสเปน และมักได้รับการเรียกว่าอีหนูด้วยภาษาสเปนที่นั่นว่า Nina (นีญ่า) พ่อแม่เลยนำมาตั้งเป็นชื่อเล่นว่า Nena เธอยังมีน้องหญิง ๑ คน และน้องชาย ๑ คน อายุ ๕ ขวบ พ่อแม่จึงพากันย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองฮาเก้น และได้เข้าเรียนที่ Christian-Rohlfs-Gymnasium จนถึงชั้นที่ ๑๑ ในปี ๑๙๗๗ (พ.ศ. ๒๕๒๐) จึงได้ลาออกจากโรงเรียนไปเพื่อเรียนและฝีกฝนเป็นช่างทองตามความประสงค์ของพ่อแม่เป็นเวลา ๓ ปี
ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้น เธอได้พบนาย Rainer Kitzmann นักกีต้าร์ในสถานดิสโกเธคแห่งหนึ่งในเมืองฮาเก้น ซึ่งได้เสนอให้เธอเป็นนักร้องนำในวงดนตรี The Stripes ของเขา เธอตอบรับและได้ออกร้องเพลงสดเป็นครั้งแรกในต้นปีต่อมา Strangers เป็นแผ่นเพลงแรกที่ออกในปลายปี ๑๙๗๙ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ปีถัดมาก็ออกแผ่นลองเพลย์ของวง ฯ แม้ได้ออกแผ่นเพลงอีก ๓ เพลง ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับแผ่นลองเพลย์ อย่างไรก็ตาม ทางวง ฯ ได้ออกเพลง Ecstacy ในแผ่นเพลงชุด Plattenküche ในปี ๑๙๘๐ (พ.ศ. ๒๕๒๓) และเพลง Tell me your name สำหรับรายการ Disco ทางโทรทัศน์ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. ๑๙๘๑ (พ.ศ. ๒๕๒๔) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงได้ตกลงเลิกวง ฯ กันในปีนี้ สำหรับเธอได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่นครเบอร์ลินตะวันตกกับนาย Rolf Brendel แฟนในช่วงเวลานั้น และได้พบสมาชิกวงดนตรีในอนาคตคือนาย Carlo Karges นักกีต้าร์ ซึ่งเธอได้รู้จักแล้วที่เมืองฮาเก้น นาย Uwe Fahrenkrog-Petersen ผู้เล่นคีย์บอร์ด และนาย Jürgen Dehmel ผู้เล่นเบส ซึ่งเป็นเพื่อนของนาย Fahrenkrog-Petersen จึงได้ตกลงร่วมกันตั้งวงดนตรีชื่อ Nena ขึ้น
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ๑๙๘๒ (พ.ศ. ๒๕๒๕) วง ฯ ได้ออกแผ่นเพลงแรกชื่อ Nur geträumt และกลายเป็นเพลงยอดนิยมในเยอรมนีต่อมา หลังจากที่วง ฯ ได้ออกรายการ Musikladen ทางโทรทัศน์ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม วันรุ่งขึ้นมีรายงานว่ายอดขายแผ่นเพลงนี้สูงถึง ๔๐,๐๐๐ แผ่น และติดอันดับที่ ๒ ในตารางเพลงเยอรมันยอดนิยมเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน
ต่อมา วง ฯ ได้ออกเพลงชุด Nena ในเดือนมกราคม ค.ศ.๑๙๘๓ (พ.ศ. ๒๕๒๖) ซึ่งมีเพลงLeuchtturm และเพลง 99 Luftballons อยู่ด้วย แต่เพลง 99 Luftballons กลายเป็นเพลงยอดนิยมอันดับ ๑ ของเยอรมนี และเมื่อนาง Christiane F. ผู้แต่งเพลงนี้เดินทางไปสหรัฐอเมริกา  และนำแผ่นตัวอย่างเพลงดังกล่าวกับเพลงเยอรมันอื่น ๆ ไปด้วย โดยมอบให้นาย Rodney Bingenheimer ดีเจของ K-ROQ ในนครลอส แอนเจลิส นำไปเปิดเผยแพร่ทางวิทยุกระจายเสียงตั้งแต่ฝั่งตะวันตกจนถึงภาคเหนือ ปรากฏว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับ ๒ ในสหรัฐอเมริกา รองจากเพลง Jump ของ Van Halen แผ่นเพลงขายดีและดังไปทั่วโลก และในปีนี้ เธอได้เล่นหนังสนุกหรรษาชื่อ Gib Gas – Ich will Spaß กับนาย Markus Mörl และนาย Karl Dall ซึ่งนาย Wolfgang Büld เป็นผู้กำกับการแสดง
ปีต่อมา ได้ทำเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษชื่อ 99 Red Balloons ทำให้เพลงติดอันดับยอดนิยมอันดับ ๑ ในสหราชอาณาจักร ส่วนในสหรัฐอเมริกา รายการ American Top 40 ของนาย Casey Kasem ทางวิทยุกระจายเสียง ได้นำเนื้อร้องทั้ง ๒ ภาษามาเผยแพร่ จนได้รับความนิยมไปทั่วโลกและถือว่าเป็นเพลงร็อคเยอรมันเพลงหนึ่งที่รู้จักกันดี เพลง 99 Luftballons จึงเป็นเพลงดังของ Nena ในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ นอกจากนั้น วง ฯ ยังได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จดีในประเทศต่าง ๆ ในยุโรปหลายประเทศ ทั้งนี้ได้นำเพลง Nur geträumt มาออกเป็นภาคภาษาอังกฤษชื่อ Just a Dream แล้วต่อมาได้ปรับปรุงเป็นเพลงสำหรับเต้นของผู้ฟังรุ่นใหม่ จนถือเป็นเพลงประจำราตรีสโมสรก็ว่าได้ แต่น่าเสียดายที่วง Nena ได้เลิกวง ฯ ไปในกลางปี ๑๙๘๗ (พ.ศ. ๒๕๓๐) Nena จึงต้องเป็นศิลปินเดี่ยวตั้งแต่นั้นมา
แต่ว่าปีนั้นเธอได้รู้จักนาย Benedict Freitag ในระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Der Unsichtbare กำกับการแสดงโดยนาย Ulf Miehe ซึ่งต่อมาได้อยู่ด้วยกันจนมีลูก ๓ คน หลังจากนั้นได้อยู่กินกับนาย Philipp Palm ผู้ผลิตเพลงและมือกลองจากเมือง Esslingen am Neckar ซึ่งมีอายุอ่อนกว่า ๑๒ ปี และมีลูกด้วยกันอีก ๒ คน ปัจจุบัน ครอบครัวของเธอพำนักอยู่ในนคร Hamburg-Rahlstedt และเป็นทั้งยายและย่าของหลาน ๓ คน
ในฤดูใบไม้ร่วงปี ๑๙๘๙ (พ.ศ. ๒๕๓๒) เธอได้ออกชุดเพลงแรกหลังจากเลิกวง ฯ คือเพลง Wunder gescheh’n และเพลง Du bist überall ซึ่งได้แต่งขึ้นในช่วงที่ได้ลูกคนแรกแล้วและกำลังตั้งท้องลูกแฝด ประจวบกับเป็นช่วงวันก่อนที่กำแพงเบอร์ลินจะพังทลาย และต่อมาเธอได้เสนอเพลงในช่วงท้ายของ Konzert für Berlin ซึ่งจัดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ๓ วัน หลังจากนั้นได้ออกเพลงพ็อพอีกหลายชุด รวมทั้งเพลงสำหรับเด็ก ๆ ด้วย นอกจากนั้นยังเป็นผู้ดำเนินรายการBoulevardmagazin Metro ทางสถานีโทรทัศน์ ARD อยู่หลายเดือน และรายการ Countdown Grand Prix ซึ่งได้รับความสำร็จและมีผู้สนใจดูหลายล้านคน
ต่อมาในปี ๑๙๙๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖) เธอได้ออกเพลงชุดที่ ๒ ชื่อ Bongo Girl แล้ว ทางบริษัทโซนี่ได้พิจารณาไม่ต่อสัญญาบันทึกแผ่นเพลงให้เธออีก เพลงชุดที่ ๓ จึงไม่มีฉลากของ RGM Music Entertainment อีก
ในปี ๒๐๐๒ (พ.ศ. ๒๕๔๕) เธอได้ฉลองการร้องเพลงครบรอบ ๒๐ ปี ด้วยการออกเพลงชุดชื่อ Nena feat โดยนำเพลงที่เคยร้องมาเรียบเรียงใหม่ และปีต่อมา ได้ออกเพลง Anyplace, Anywhere, Anytime ร้องคู่กับ Kim Wilde โดยนำมาจากเพลงเก่าที่เธอได้ร้องไว้คือ Irgendwie, Irgendwo, Irgendwann ซึ่งเคยติดอันดับ ๓ ในตารางเพลงยอดนิยมในเยอรมนีนานหลายสัปดาห์ และยังติดอันดับ ๑ ในเนเธอร์แลนด์และออสเตรียด้วย
แผ่นเพลงชื่อ Liebe ist และแผ่น Doppel-CD ชื่อ Willst du mit mir gehn ซึ่งได้ออกในเดือนกุมภาพันธ์และเดือนมีนาคม ปี ๒๐๐๕ (พ.ศ. ๒๕๔๘) ตามลำดับ ได้ติดอันดับ ๑ และ ๒ ในตารางอันดับเพลงเยอรมันยอดนิยม พอเดือนตุลาคม เธอและ Claudia Thesenfitz นักหนังสือพิมพ์ซึ่งจัดหาข้อมูลจากการสัมภาษณ์ญาติมิตรและบุคคลต่าง ๆ ได้ร่วมกันออกหนังสือชีวประวัติของเธอชื่อ Willst du mit mir gehn เข้าในงานนิทรรศการหนังสือที่นครแฟรงก์เฟิร์ต ปรากฏว่าหนังสือเล่มนี้ติดอันดับ ๓ ในรายการหนังสือเยอรมันที่ขายดี ดังนั้น ในเดือนพฤศจิกายน เธอจึงเริ่มออกเดินทางแสดงสัญจรรายการ Willst du mit mir gehn จากเยอรมนี ต่อไปยังออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์
หลังจากนั้นเธอได้ออกเพลงชุดใหม่มาเรื่อย ๆ รวมทั้งเล่นหนังบ้าง โดยการบันทึกแผ่นเพลงมีตราเป็นของตนเองคือ The Laugh & Peas Company ซึ่งช่วยสนับสนุนกิจการของลูกสาว เพลง Wir sind wahr, Made in Germany และ In meinem Leben ก็ติดอันดับยอดนิยม
ระยะหลังเธอสนใจคำสอนของท่านภควัน ศรี ราชเนศ จากอินเดีย และฝึกนั่งสมาธิอยู่นาน และตั้งแต่ปี ๒๐๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๓) Sakias และ Larissa ลูกแฝดชายหญิง ได้ร่วมเป็นนักร้องผู้ช่วยบนเวทีและเวลาบันทึกแผ่นเพลง ส่วน Simeon ลูกชายคนเล็ก มาเล่นคีย์บอร์ดให้ระหว่างรายการร้องเพลงของเธอในปี ๒๐๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘)
ตั้งแต่ปี ๒๐๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๔) เธอได้เข้าร่วมในคณะของกรรมการตัดสินและผู้ฝึกผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงเยอรมันในรายการ The Voice of Germany ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ ProSieben และ Sat.1 ซึ่งในเดือนมีนาคม ค.ศ. ๒๐๑๔ (พ.ศ. ๒๕๕๗) เธอได้ขึ้นเป็นกรรมการและผู้ฝึกสอนเต็มตัว และในช่วงนั้น เธอได้ยกเลิกการเดินทางไปแสดงหลายรายการ เธอบอกว่าเธอไม่ได้ป่วยหนัก แต่ว่าไม่สามารถยืนอยู่บนเวทีทุกเย็นได้
เธอได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมายตั้งแค่ปี ๑๙๘๒ (พ.ศ. ๒๕๒๕) เป็นต้นมา และปีนี้ก็ได้รับรางวัลเกียรติยศทางวัฒนธรรมจากสำนักพิมพ์ B.Z. คือ B.Z. Kulturpreis

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น