ตั้งแต่ปี ๒๐๐๗ วันที่ ๒๕ เมษายนของทุกปีเป็น “วันมาเลเรียโลก” ในปีนี้คำขวัญมีว่า “ลงทุนในอนาคต เอาชนะมาเลเรีย” โดยองค์การสหประชาชาติประสงค์จะรำลึกถึงประชาชนที่ในแต่ละปีเสียชีวิตจากโรคที่แพร่เชื้อโดยยุงลาย ตามการประเมินขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในปี ๒๐๑๓ ประชาชนเสียชีวิต ๕๘๔,๐๐๐ คน ตามการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน แต่ละปีประชาชนถึง ๑.๒ ล้านคนตกเป็นคนไข้โรคนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นเด็กวัยต่ำกว่า ๕ ปี ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปอัฟริกา WHO ประเมินว่าประชาชนราว ๓.๓ พันล้านคนใน ๙๗ ประเทศใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่จะเป็นมาเลเรีย แต่ละปีประชาชน ๓๐๐ ล้านคนป่วยด้วยโรคมาเลเรีย ความอบอุ่นขึ้นของสภาพภูมิอากาศจะทำให้พื้นที่แพร่ระบาดของยุงลาย (และมาเลเรีย) ในอนาคตจะใหญ่ขึ้น นอกจากนั้นทั่วโลกมีการดื้อยาฆ่าแมลงและยารักษามาเลเรียมากขึ้นทุกที กระนั้น ในการต่อสู้กับโรคก็มีความก้าวหน้าสูง ในประเทศในเอเชียบางประเทศอาจสูญหายไปเลย ระหว่างปี ๒๐๑๐-๒๐๑๓ อัตราการเสียชีวิตทั่วโลกลดลง ๔๗% แม้ว่ามูลนิธิบิลล์และเมลินดา เกตส์จะวิจัยวัคซีนต่อต้านมาเลเรีย จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีวัคซีนที่ไว้วางใจได้และประชาชนทั่วไปเข้าถึง สามารถจ่ายเงินได้
โรคที่ถูกเรียกว่า “Sumpffieber“ ด้วยได้รับการแพร่เชื้อจากยุงลายตัวเมีย เชื้อโรคจะเข้าสู่เส้นโลหิตของมนุษย์ผ่านรอยยุงกัด มาเลเรียมี ๓ ประเภท
- Malaria Tropica ซึ่งถือว่าเป็นชนิดที่อันตรายที่สุด นำไปสู่การเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก หากขาดการรักษาหรือรักษาช้าเกินไป จะพบในป่าร้อนชื้นและกึ่งร้อนชื้นเป็นส่วนใหญ่
- Malaria Tertiana พบในโซนอากาศที่ไม่รุนแรง เช่นที่ตะวันออกไกลเป็นส่วนใหญ่ โดยทั่วไปมีการบวมที่ม้ามและตับ
- Malaria Quartana ส่วนใหญ่พบในพื้นที่แออัดในป่าร้อนชื้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น