ประชาชนราว ๗๐ คนเสียชีวิตเฉลี่ยในแต่ละวันจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป คณะกรรมาธิการ EU เปิดเผยเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่าในปีที่ผ่านมาประชาชนราว ๒๕,๗๐๐ คนเสียชีวิตในระหว่างเดินทาง แม้ว่าจะน้อยกว่าในปี ๒๐๑๓ ราว ๑% แต่ทำให้มีความเสี่ยงว่า EU จะพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าระหว่างปี ๒๐๑๐-๒๐๒๐ จะลดการเสียชีวิตจากการจราจรลงครึ่งหนึ่ง ตัวเลขที่ประเทศเยอรมัน มีอัตราผู้เสียชีวิต ๔๒ คนต่อประชากร ๑ ล้านคน (๒๐๑๓ : ๔๑ คนต่อ ๑ ล้านคน) ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ EU ซึ่งมีอัตราราว ๕๐ คน
Violeta Bulc กรรมาธิการคมนาคมของ EU กล่าวว่าปี ๒๐๑๔ เป็นปีที่เลวร้ายมาก หากเป็นเรื่องการพัฒนาความปลอดภัยบนท้องถนนของยุโรป ต้องมีการทำอะไรมากกว่านี้และต้องทำเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดตัวเลขลงครึ่งหนึ่ง แต่ละปีจำนวนผู้เสียชีวิตต้องลดลง ๘% ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของประเทศสมาชิก บรัสเซลส์ให้การสนับสนุนโดยการรณรงค์ให้ข้อมูล มีการวางแผนกฎระเบียบใหม่สำหรับผู้ขับรถเป็นอาชีพด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุดสัปดาห์และในฤดูร้อนตัวเลขไต่สูงขึ้น ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และส่วนมากประชาชนอายุน้อยสูญเสียชีวิตการขับขี่บนถนนสูงกว่าเฉลี่ยเช่นเดียวกัน การเสียชีวิตน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของประชากรอยู่ที่มอลตา (ประชาชน ๒๖ คนต่อ ๑ ล้านคนต่อปี) อย่างไรก็ดี เกาะในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีพลเมืองน้อยมากเพียง ๔๒๕,๐๐๐ คน
ประเทศที่มีอัตราการตายสูงนำหน้า ได้แก่ ลัตเวีย จำนวนประชาชนเสียชีวิตบนท้องถนนมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากร (๑๐๖ คนต่อ ๑ ล้านคนต่อปี) ตำรวจลัตเวียเห็นว่ามาจากพฤติกรรมการขับที่ขาดความรับผิดชอบ เสพแอลกอฮอล์ และสภาพถนนที่แย่
Allianz pro Schiene มองว่าความปลอดภัยของการเดินทางทางรถยนต์ตรงข้ามกับเดินทางด้วยรถไฟ Dirk Flege ผู้จัดการของ Allianz pro Schiene เปิดเผยที่เบอร์ลินว่าไม่มีประเทศยุโรปใดที่การขับรถยนต์ปลอดภัยกว่าการเดินทางโดยรถไฟ เมื่อพิจารณาจากความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตต่อกิโลเมตร รถไฟทั่ว EU ปลอดภัยกว่าการเดินทางโดยรถยนต์ ๒๖ เท่า และในประเทศเยอรมันปลอดภัยกว่า ๕๘ เท่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น