การพิจารณาให้มีมาตรการผู้ลี้ภัยอาศัยในประเทศเยอรมันหดสั้นขึ้น
เงินติดกระเป๋าน้อยลง การห้ามเดินทางเข้าประเทศอีก สำนักงานผู้ลี้ภัยแห่งชาติ (BAMF) เสนอกลุ่มมาตรการต่อต้านจำนวนที่สูงของการขอลี้ภัยจากบอลข่าน Manfred Schmidt ประธาน BAMF
กล่าวต่อสำนักงานตัวแทนสื่อเยอรมัน (dpa) ที่ Nürnberg ว่ากฎหมายที่มีผลใช้บังคับตั้งแต่เดือนสิงหาคมศกนี้ ควรดูแลให้มีการปิดช่องทางคำร้องที่ไม่มีเหตุผลด้วยการงดการเดินทางเข้าประเทศอีกและการห้ามการอยู่ในพื้นที่เชงเกน
โดยส่วนใหญ่ของผู้ขอลี้ภัยในประเทศเยอรมันไม่ได้มาจากประเทศที่มีสงครามกลางเมือง หากแต่เป็นผู้ลี้ภัยที่มีที่มาจากประเทศอัลบาเนีย
เซอร์เบีย และโคโซโว
ขณะนี้ผู้ขอลี้ภัยที่ได้รับการปฏิเสธจำนวนมากได้ยื่นคำร้องใหม่ในเวลาไม่นาน ชมิดท์กล่าวว่า ๕๐% ของคำร้องครั้งที่สอง
๒๐,๐๐๐ ฉบับมาจากบอลข่านตะวันตก ประเทศเยอรมันอยู่ในสภาวะราวกับ
“ประตูหมุน”
ประธาน BAMF กล่าวต่อหนังสือพิมพ์
“Welt“ ว่ากฎเกณฎ์ใหม่ไม่ได้มีผลเพียงกับประชาชนจากบอลข่านเท่านั้น หากผู้ยื่นคำร้องจากจอร์เจียและทูนีเซียต้องมีการถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าประเทศเยอรมันอีกครั้งหนึ่งด้วย
ชมิดท์กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ dpa
ว่าเพื่อลดการพิจารณาคำร้องของผู้ขอลี้ภัยจากประเทศที่มีอัตราการยอมรับต่ำต้องลดเงินช่วยด้วย
โดยเขาสนับสนุนการลดเงินติดกระเป๋าสำหรับผู้ขอลี้ภัยจากบอลข่านตะวันตกลดลง ได้รับเงินราว
๑๔๐ ยูโรต่อเดือนหรือแทนที่ด้วยสิ่งของ
เพื่อลดแรงดึงดูดผู้ลี้ภัยที่จะมาปักหลักที่ประเทศเยอรมัน
ตามข้อมูลของชมิดท์ การคำร้องขอลี้ภัยราว ๒๐๐,๐๐๐
ฉบับที่มีการยื่นในประเทศเยอรมันในปีนี้ มาจากประชาชน
๙๗,๐๐๐ คนจากประเทศบอลข่านตะวันตก
แต่เพียง ๐.๑-๐.๒% ได้รับการยอมรับในฐานะผู้ลี้ภัย ตรงกันข้ามคำร้องราว ๔๔,๐๐๐
ฉบับมาจากผู้ลี้ภัยจากซีเรีย ซึ่ง ๘๕%
ได้รับการรับรองการคุ้มครอง
ชมิดท์กล่าวว่านั่นหมายความว่ามีคำร้องจากบอลข่านมากกว่าจากภูมิภาควิกฤตที่เราเห็นข่าวในโทรทัศน์ ตัวเลขนี้แสดงว่าบางสิ่งบางอย่างไม่อยู่ในกรอบความช่วยเหลือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น