การที่ข้าวเปลือกถูกขัดสี
ทำให้สูญเสียสารอาหารไปเป็นจำนวนไม่น้อย
ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารก็ยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้องเหมือนบรรพบุรุษของเราจึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
วิธีหุงข้าวกล้อง
๑.
ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อนและซาวข้าวเบา
ๆ ด้วยเวลาสั้น ๆ เพียงครั้งเดียว
เพื่อไม่ให้สูญเสียวิตามินไปกับน้ำซาวข้าว
๒.
การหุงข้าวกล้องนั้นต้องใส่น้ำมากกว่าการหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง ๑ ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ ๒-๓
เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง
ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง
ซึ่งอาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานาน ๆ
โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว
แนะนำให้นำน้ำที่แช่ข้าวไปใช้ในการหุง
เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
๓.
สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้นจะมีผลต่อการหุงด้วยเช่นกัน
เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่ เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากกว่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่าเป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะทำให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องมีศิลปะในการหุงเช่นกัน
ฝึกกินข้าวกล้อง
๑.
คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้องอาจใช้วิธีง่าย ๆ คือ
ผสมข้าวกล้องกับข้าวขาวในสัดส่วน ๑ ต่อ ๒
โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว
เพื่อจะได้สุกพร้อมกันและค่อย ๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง
จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด
ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่
๒.
ควรกินข้าวกล้องขณะยังอุ่น ๆ โดยทั่วไปพอข้าวสุกทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ
๕-๑๐ นาที ควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่ายและให้ค่อย
ๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง
๓.
ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่ว ๆ
ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น