ความสำคัญ คือ
เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจแก่เกษตรกรของชาติและรำลึกถึงความสำคัญของเกษตรกรรมที่มีต่อเศรษฐกิจไทย โดยพระราชพิธีนี้จะประกอบด้วย ๒ พระราชพิธี คือ
-
พืชมงคล เป็นพิธีทำขวัญ ได้แก่ เมล็ดพืชพันธุ์ต่าง ๆ
เพื่อให้เมล็ดพันธุ์พืชเจริญเติบโตและอุดมสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัย
-
แรกนาขวัญ เป็นพิธีเริ่มต้นการไถนา
เพื่อหว่านเมล็ดข้าวและเป็นการส่งสัญญาณว่าฤดูกาลแห่งการทำนาและเพาะปลูกได้เริ่มขึ้นแล้ว
ประวัติของวันพืชมงคล
วันนี้เป็นวันที่ประกอบพระราชพิธี
๒ พระราชพิธีเข้าด้วยกัน คือ พระราชพิธีพืชมงคล ซึ่งเป็นพิธีสงฆ์
โดยจะประกอบพระราชพิธีในวันแรกและพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อันเป็นพิธีพราหมณ์ ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีในวันถัดไป แต่เดิมในสมัยโบราณตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานียังไม่มีพระราชพิธีพืชมงคลเกิดขึ้น มีแต่พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ หรือเรียกสั้น
ๆ ว่า “พิธีแรกนา” ในสมัยกรุงสุโขทัยนั้นพระมหากษัตริย์ไม่ได้ลงมือไถเอง เพียงแต่เสด็จไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีเท่านั้น
ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา พระมหากษัตริย์ไม่ได้เสด็จไปเป็นองค์ประธานเหมือนครั้งสมัยกรุงสุโขทัย
แต่จะทรงจำศีลเป็นเวลา ๓ วันและได้มอบอาญาสิทธิให้ โดยทรงทำเหมือนอย่างออกอำนาจจากกษัตริย์และเมื่อมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ภายใต้การปกครองของรัชกาลที่
๑ ผู้ที่ทำการแรกนาเปลี่ยนเป็นเจ้าพระยาพหลเทพคู่กันกับการยืนชิงช้า ซี่งวิธีนี้ได้ใช้ตลอดมาจนถึงรัชกาลที่ ๒ แต่พอมาถึงรัชกาลที่ ๓ ให้ถือว่าผู้ใดยืนชิงช้า
ผู้นั้นเป็นผู้แรกนาด้วย ในสมัยรัชกาลที่
๔ ได้ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้มีพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้นในพระราชพิธีต่าง ๆ ดังนั้น พระราชพิธีพืชมงคล
ซึ่งเป็นพิธีของสงฆ์จึงได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยจัดรวมกันกับพระราชพิธีจรดนังคัลแรกนาขวัญและตั้งชื่อเรียกรวมกันว่า
“พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ”
ส่วนวันประกอบพระราชพิธีนั้นจะต้องอยู่ในระหว่างเดือน ๖
เนื่องจากเป็นฤดูฝน
ซึ่งเหมาะสมแก่การทำเกษตรกรรม ทำไร่
ทำนา และต้องเป็นวันที่ดีที่สุดของแต่ละปี
ประกอบด้วยขึ้น แรม
ฤกษ์ยามและเมื่อโหรหลวงคำนวณได้วันอุดมมงคลฤกษ์ที่จะประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญแล้ว สำนักพระราชวังจะทำการบันทึกไว้ในปฏิทินหลวง พร้อมกับกำหนดการว่าวันใดเป็นวันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลและวันใดเป็นวันประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น