เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เยอรมันที่พรรคเขียวเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ
๑ ในการเลือกตั้งระดับแคว้น พรรคของนายก ฯ
Winfried
Kretschmann เขี่ยพรรค CDU หล่นไปอยู่ในอันดับ
๒ ที่แคว้นไรน์ลันด์-ฟัลซ์ นายก ฯ Malu
Dreyer จากพรรค SPD ก็ประสบความสำเร็จ โดย SPD ยังคงเป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมาเป็นอันดับ
๑ ในการเลือกตั้งระดับแคว้นครั้งแรกนับแต่การเริ่มต้นเดินทางมายังประเทศเยอรมันของผู้ลี้ภัย
พรรคทางเลือกสำหรับประเทศเยอรมัน (AfD)
ประสบความสำเร็จสูง โดยได้เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรของทั้งสามแคว้น โดยที่รัฐซักเซน-อันฮัลท์เป็นพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นอันดับ
๒ รองจาก CDU ที่เป็นผู้ชนะอย่างชัดเจน พรรคราษฎร CDU และ SPD
สูญเสียคะแนนเสียงอย่างหนักในแคว้นบาเดน-วือร์ทเทมแบร์ก
ระหว่างที่พรรคเขียวได้รับผลลัพธ์ที่เป็นประวัติการณ์ เป็นครั้งแรกที่พรรคเขียวเป็นพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ในขณะที่ CDU สูญเสียตำแหน่งนี้เป็นครั้งแรก พรรค SPD ของ Nils
Schmid ผู้สมัครและรัฐมนตรีคลังถูกประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งลงโทษ FDP ประสบความสำเร็จได้เข้าสู่สภาอีกครั้งหนึ่ง พรรคซ้าย (die Linke) ล้มเหลวข้ามไม่พ้นเกณฑ์
๕% เช่นเดียวกับในปี ๒๐๑๑ ในอนาคตแคว้นจะปกครองด้วยรัฐบาลผสมแบบใดยังไม่เป็นที่แน่ชัด นับแต่ปี ๒๐๑๑ ที่ Stuttgart ปกครองด้วยรัฐบาลผสมจากพรรคเขียวและ SPD
ในทศวรรษก่อน CDU ปกครองแคว้นด้วยคะแนนเสียงข้างมากเป็นเอกฉันท์บ่อยครั้ง ที่ไรน์ลันด์-ฟัลซ์ SPD มีเสถียรภาพเมื่อเปรียบเทียบกับการเลือกตั้งในปี
๒๐๑๑ ตรงกันข้ามพรรคเขียวคู่ผสมสูญเสียคะแนนเสียงอย่างชัดเจน
ทำให้รัฐบาลผสมแดง-เขียวไม่ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในรัฐภาอีกต่อไปด้วย CDU ภายใต้ผู้สมัคร Julia
Klöckner ไม่ประสบความสำเร็จที่จะแทนที่ SPD
ในฐานะพรรคที่แข็งแกร่งที่สุดในรัฐสภา
แต่บรรลุเป้าหมายที่จะโค่นแดง-เขียว
ที่นี่มีการคำนวณการก่อตั้งรัฐบาลที่ยุ่งยากซับซ้อน เนื่องจากทั้ง SPD +
พรรคเขียว CDU+FDP หรือ CDU +พรรคเขียว
ไม่มีเสียงข้างมากในสภา AfD ประสบความสำเร็จสูงที่สุดที่ซักเซน-อันฮัลท์ ที่ซึ่ง CDU ของนายก ฯ Reiner Haseloff สามารถรักษาผลการเลือกตั้งของปี
๒๐๑๑ ไว้ได้ ตรงกันข้าม SPD ที่ร่วมในรัฐบาลผสมสูญเสียคะแนนเสียงอย่างหนักและได้รับคะแนนตามหลัง AfD อย่างชัดเจน
พรรคเขียวก็สูญเสียเช่นเดียวกัน
ตรงกันข้าม พรรค FDP ได้รับคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน จนถึงปัจจุบันที่แคว้นซักเซน-อันฮัลท์ CDU
และ SPD จับมือกันตั้งรัฐบาล ในทั้งสามรัฐประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งมากกว่าในการเลือกตั้งปี
๒๐๑๑ อย่างชัดเจน
แคว้นบาเดน-วือร์ทเทมแบร์ก พรรคเขียว
๓๐.๔% CDU ๒๗.๑% AfD ๑๕% SPD๑๒.๗%
FDP ๘.๓%
แคว้นไรน์ลันด์-ฟัลซ์ SPD ๓๖.๓%
CDU ๓๑.๗% AfD
๑๒.๓% พรรคเขียว ๕.๒%
แคว้นซักเซน-อันฮัลท์ CDU ๓๐%
AfD ๒๔.๓% พรรคซ้าย ๑๖.๑% SPD ๑๐.๕%
พรรคเขียว ๕%
ตามสายตาของนักวิจัยการเลือกตั้ง
หากปราศจากวิกฤติผู้ลี้ภัย ความสำเร็จของพรรค AfD แทบเป็นไปไม่ได้ AfD เป็นพรรคของการประท้วง
ส่วนใหญ่ของผู้เลือกพรรคนี้ประสงค์จะแสดงความไม่พึงใจในพรรคอื่น ๆ
ด้วยการตัดสินใจเลือก ตามตัวเลขของสถาบัน Infratest dimap ที่บาเดน-วือร์ทเทมแบร์ก
ประชาชนราว ๑๕๖,๐๐๐ คนลงคะแนนเสียงให้ AfD ทั้งที่ในปี ๒๐๑๑
ยังลงคะแนนให้ CDU แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AfD ประสบความสำเร็จดึงผู้ที่ก่อนหน้านี้ไม่ไปเลือกตั้งให้ไปใช้สิทธิ ผู้ว่างงานและคนทำงานที่เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอาชีพอื่น
ๆ ถือว่าเอือมการเลือกตั้งได้ลงคะแนนเสียงให้ AfD ที่ซักเซน-อันฮัลท์ ผู้ไม่ไปเลือกตั้งในอดีตกว่า
๑๐๐,๐๐๐ คนลงคะแนนเสียงให้พรรคทางเลือก
ที่บาเดน-วือร์ทเทมแบร์ก ผู้มีสิทธิออกเสียงราว ๑๒๘,๐๐๐ คนที่ในปี ๒๐๑๑ ไม่ได้ให้คะแนนเสียงแก่ผู้ใดเลือก
AfD ครึ่งหนึ่งของผู้เลือกพรรคนี้ระบุแรงจูงใจของการตัดสินว่าประสงค์จะสนับสนุนข้อเรียกร้องทางการเมืองของ
AfD ๔๗% ประสงค์จะ “คิดบัญชี” แก่พรรคอื่น ๆ ตามความรู้ของกลุ่มวิจัย Wahlen ที่ซักเซน-อันฮัลท์ เพียง ๔๓% เห็นว่าการดำเนินการผสม CDU/SPD ต่อไปดี ๓๖% เห็นว่าแย่ ทำให้ AfD
สามารถเข้าสู่สูญญากาศนี้
ที่ไรน์ลันด์-ฟัลซ์
ตามสายตาของนักวิจัย SPD ต้องยกย่องผลงานชัยชนะการเลือกตั้งมาจากนายก ฯ Dreyer โดยผู้เลือกตั้งให้คะแนนการทำงานของ
SPD สูงกว่าพรรคเขียวคู่ผสม
๓ ปีหลังการเข้ารับตำแหน่ง Dreyer บรรลุความนิยมเท่า Kurt
Beck ผู้รับตำแหน่งคนก่อนหน้าในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขา โดย SPD ได้รับคะแนนเสียงจากสตรีเป็นส่วนใหญ่ นโยบายผู้ลี้ภัยของ Klöckner คู่ต่อสู้ค่อนข้างนำความเสียหายมาให้เธอ
๖๑% เห็นว่าการถอยห่างจากนายก ฯ แมร์เคลน่าแคลงใจ ๕๘% ของผู้ถูกสอบถามเห็นว่าระดับรัฐสำคัญกว่า และสำหรับ ๓๗% เห็นว่านโยบายสหพันธ์สำคัญกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น