ที่นั่งถูกกรีด
ตีกันหลังไปเที่ยวดิสโกและแฟนบอลที่ระบายความอัดอั้นหลังทีมของตัวเองพ่ายแพ้ใส่ผู้ตรวจตั๋ว
ในรถไฟและที่สถานีรถไฟมีความเครียดอยู่เสมอ อย่างไรก็ดี ล่าสุดสถานีเหล่านี้ปลอดภัยขึ้นเล็กน้อยสำหรับผู้เดินทาง ตามข้อมูลของการรถไฟแห่งประเทศเยอรมันและตำรวจสหพันธ์
ตัวเลขผู้กระทำความผิดในปี ๒๐๑๕ ลดลง ๓%
ส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางโดยไม่ซื้อตั๋วโดยสารและพวกล้วงกระเป๋า Hans-Hilmar Rischke ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยของการรถไฟ
ฯ กล่าวว่าข้อเท็จจริง คือ ในรถไฟมีเหตุเกิดขึ้นน้อยกว่าในพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ๖
เท่า กระนั้น
ผู้ก่อเหตุบางคนก็สร้างปัญหาใหญ่เช่นเดิมและพนักงานรักษาความปลอดภัยของการรถไฟ ฯ
กลายเป็นเหยื่อบ่อยขึ้นทุกที
-
ฮูลิแกน
ในอนาคตการรถไฟ ฯ ประสงค์จัดการกับพวกนี้รุนแรงขึ้น Rischke กล่าวว่าแฟนฟุตบอลเป็นลูกค้าที่สำคัญ แต่ที่สถานีรถไฟแฟนบอลที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงปะทะกัน ผลที่ตามมาคือเสียงดังรบกวนผู้อื่น
ทุกสุดสัปดาห์มีการกระทำผิด ๕๕-๖๐ กรณี
การรถไฟ ฯ จะเลียนแบบฟุตบอล
โดยแฟนที่ใช้ความรุนแรงควรได้รับใบแดงตั้งแต่ที่สถานีรถไฟ
-
การทำลายข้าวของ
ลดน้อยลงอย่างชัดเจน ในปี ๒๐๑๕ การรถไฟ ฯ
นับกรณีที่นั่งที่เสียหาย กระจกที่โดนขูดขีดหรือเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติที่ถูกทำพังได้เพียงครึ่งเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับในปี
๒๐๑๒ แม้กระนั้น
ก็ยังมีความเสียหายมากกว่า ๒๖ ล้านยูโร
-
กราฟฟิตี วาดรถไฟทั้งคัน หรือที่เรียกว่า “Bomben”
ทำให้ได้รับการยอมรับนับถือเป็นพิเศษในหมู่นักพ่นสี แต่ทำให้การรถไฟ ฯ มีค่าเสียหายมากกว่า ๘ ล้านยูโรต่อปี Rischke กล่าวว่าสามารถทำความสะอาดรถไฟได้
๓ ครั้ง หลังจากนั้นสีรถจะลอก ในปี ๒๐๑๕
การรถไฟ ฯ จับตามองนักพ่นสีเป็นพิเศษ
ทำให้การลงมือลดลง ๑๕%
-
โจรขโมยโลหะ ก็ลงมือน้อยครั้งลงเช่นเดียวกัน การรถไฟ ฯ บันทึกการลดลง ๑๖% กระนั้น ก็ทำให้รถไฟราว ๗,๐๐๐
เที่ยวถึงจุดหมายช้ากว่ากำหนดรวมทั้งสิ้น ๑๐๕,๐๐๐ นาที
-
การจู่โจมพนักงาน
เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ตามข้อมูลของ Rischke ผู้ก่อเหตุมาจากทุกกลุ่มประชากร วัยรุ่นที่ถ่มน้ำลายใส่พนักงานรถไฟ
คู่สามีภรรยาวัย ๗๐ ปีที่ผลักผู้ตรวจตั๋วออกจากรถไฟ นักธุรกิจที่เทกาแฟร้อน ๆ ใส่หน้าบุคลากร ฯลฯ
-
การก่อการร้าย
ต้องคำนวณการก่อการในประเทศเยอรมันได้ทุกเวลา หลังการก่อวินาศกรรมที่ปารีสและบรัสเซลส์
การตรวจตราการคมนาคมทางรถไฟที่ข้ามพรมแดนไปยังประเทศเบเนลักซ์ (เบลเยียม
เนเธอร์แลนด์ ลักเซมบวร์ก) เพิ่มมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น