วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2559

อินเตอร์เน็ตในสำนักงาน

        สถานที่ทำงานจำนวนมากทุกวันนี้ใช้คอมพิวเตอร์หรือถ้าหากไม่มี ผู้รับงานก็นำโทรศัพท์มือถือหรือแท็บแล็ตไปที่ทำงานด้วย  เครือข่ายสังคม เช่น เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์  นำไปสู่การหันดูโทรศัพท์มือถือครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างเวลาทำงาน  การตัดสินล่าสุดของศาลแรงงานแคว้น (LAG) ที่เบอร์ลิน-บรันเดนบวร์กเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๐๑๖ เป็นเหตุผลให้ควรทบทวนการใช้อินเตอร์เน็ตด้วยเรื่องส่วนตัวในที่ทำงานเสียใหม่  ในฐานะกฎพื้นฐานสามารถถือว่าการเซิร์ฟส่วนตัวในสถานที่ทำงานไม่ได้รับอนุญาต  ซึ่งหมายถึงว่าหากผู้รับงานเขียนอีเมลส่วนตัวแทนที่จะทำงานเป็นการทำความเสียหายต่อหน้าที่ที่ต้องทำงานระหว่างเวลางาน  หากผู้ทำงานยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือบ่อยมากในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อเรียกหาหน้าข้อมูล เซิร์ฟในเครือข่ายสังคม หรือติดต่อสื่อสารกับครอบครัวและแวดวงคนรู้จักด้วยอีเมลและ Messenger ก็เป็นปัญหาแน่  ถ้าผู้จ้างงานสังเกตเห็นก็สามารถเตือนพฤติกรรมดังกล่าวได้  และในกรณีที่เกิดซ้ำก็ถึงกับให้ออกจากงานได้  ที่ยิ่งเป็นปัญหาหนักกว่า ได้แก่ การใช้อินเตอร์เน็ตด้วยเรื่องส่วนตัวผ่านคอมพิวเตอร์ของสำนักงาน  ในกรณีที่นำไปสู่การพิพากษาของ LAG เบอร์ลิน-บรันเดนบวร์กเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคมที่ผ่านมา ผู้รับงานซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มฝ่ายโครงสร้างที่เงินเดือนไม่ใช่น้อยได้ใช้อินเตอร์เน็ตหนักมากในช่วงเวลา ๒ เดือน  ศาลไต่สวนว่าในช่วงวันทำงาน ๓๐ วัน ใช้เวลาหมดไปกับการเซิร์ฟในอินเตอร์เน็ตถึง ๕ วันเต็ม  ในจำนวนนี้รวมถึงหน้าที่โจ๋งครึ่มด้วย  ศาลได้ผลลัพธ์ว่าในกรณีนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าวการให้ออกจากงานทันทีเป็นเรื่องชอบธรรม  เนื่องจากผู้จ้างงานสังเกตเห็นว่าพนักงานคลิกไปหน้าอื่นเวลาที่หัวหน้าเข้ามาในห้องทำงาน 
ตามความเห็นของ LAG ผู้จ้างงานมีความชอบธรรมที่จะตรวจสอบการใช้ Browser ที่ได้รับการบันทึกในคอมพิวเตอร์ของพนักงาน  โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์การปกป้องข้อมูล  ดังนั้น การใช้คอมพิวเตอร์ของสำนักงานเพื่อใช้อินเตอร์เน็ตเป็นการส่วนตัวจึงควรระมัดระวังอย่างหนัก  รวมถึงการใช้อินเตอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือของตนเองหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น ๆ ในที่ทำงานด้วย  โดยทั่วไปการกระทำขัดต่อหน้าที่ครั้งเดียวก็นำไปสู่สิทธิในการตักเตือนของผู้จ้างงาน 

อย่างไรก็ดี หากผู้รับงานใช้เวลางานเป็นช่วงระยะเวลานานสำหรับการเซิร์ฟเรื่องส่วนตัวในอินเตอร์เน็ตและไม่มีผลงาน ถือว่าสร้างความเสียหายในหน้าที่หลักจากสัญญาว่าจ้าง  ดังนั้น การใช้อินเตอร์เน็ตในเรื่องส่วนตัวจึงอาจมีผลทางกฎหมายอย่างหนักจนถึงการเรียกชดเชยค่าเสียหาย เช่น หากใช้คอมพิวเตอร์ของสำนักงานดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือดนตรีในหน้าแลกเปลี่ยนผิดกฎหมาย  เป็นเรื่องชัดเจนทางกฎหมายว่าการเซิร์ฟในหน้าดังกล่าวระหว่างเวลางาน เช่นเดียวกับหน้าภาพยนตร์โป๊ ฃึ่งการเข้าไปดูสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของบริษัทสามารถนำไปสู่การให้ออกจากงานได้ มิฉะนั้นก่อนการให้ออกจากงานต้องมีการบันทึกพฤติกรรมที่ไม่สมควรและตักเตือน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น