สถานที่ทำงานจำนวนมากทุกวันนี้ใช้คอมพิวเตอร์หรือถ้าหากไม่มี
ผู้รับงานก็นำโทรศัพท์มือถือหรือแท็บแล็ตไปที่ทำงานด้วย เครือข่ายสังคม เช่น เฟซบุ๊ค อินสตาแกรม หรือทวิตเตอร์ นำไปสู่การหันดูโทรศัพท์มือถือครั้งแล้วครั้งเล่าระหว่างเวลาทำงาน การตัดสินล่าสุดของศาลแรงงานแคว้น (LAG)
ที่เบอร์ลิน-บรันเดนบวร์กเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๐๑๖ เป็นเหตุผลให้ควรทบทวนการใช้อินเตอร์เน็ตด้วยเรื่องส่วนตัวในที่ทำงานเสียใหม่
ในฐานะกฎพื้นฐานสามารถถือว่าการเซิร์ฟส่วนตัวในสถานที่ทำงานไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหมายถึงว่าหากผู้รับงานเขียนอีเมลส่วนตัวแทนที่จะทำงานเป็นการทำความเสียหายต่อหน้าที่ที่ต้องทำงานระหว่างเวลางาน หากผู้ทำงานยุ่งอยู่กับโทรศัพท์มือถือบ่อยมากในช่วงระยะเวลาสั้น
ๆ เพื่อเรียกหาหน้าข้อมูล เซิร์ฟในเครือข่ายสังคม หรือติดต่อสื่อสารกับครอบครัวและแวดวงคนรู้จักด้วยอีเมลและ
Messenger ก็เป็นปัญหาแน่
ถ้าผู้จ้างงานสังเกตเห็นก็สามารถเตือนพฤติกรรมดังกล่าวได้ และในกรณีที่เกิดซ้ำก็ถึงกับให้ออกจากงานได้ ที่ยิ่งเป็นปัญหาหนักกว่า ได้แก่
การใช้อินเตอร์เน็ตด้วยเรื่องส่วนตัวผ่านคอมพิวเตอร์ของสำนักงาน ในกรณีที่นำไปสู่การพิพากษาของ LAG เบอร์ลิน-บรันเดนบวร์กเมื่อวันที่ ๑๔ มกราคมที่ผ่านมา ผู้รับงานซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มฝ่ายโครงสร้างที่เงินเดือนไม่ใช่น้อยได้ใช้อินเตอร์เน็ตหนักมากในช่วงเวลา
๒ เดือน ศาลไต่สวนว่าในช่วงวันทำงาน ๓๐
วัน ใช้เวลาหมดไปกับการเซิร์ฟในอินเตอร์เน็ตถึง ๕ วันเต็ม ในจำนวนนี้รวมถึงหน้าที่โจ๋งครึ่มด้วย ศาลได้ผลลัพธ์ว่าในกรณีนี้ด้วยเหตุผลดังกล่าวการให้ออกจากงานทันทีเป็นเรื่องชอบธรรม เนื่องจากผู้จ้างงานสังเกตเห็นว่าพนักงานคลิกไปหน้าอื่นเวลาที่หัวหน้าเข้ามาในห้องทำงาน
ตามความเห็นของ LAG ผู้จ้างงานมีความชอบธรรมที่จะตรวจสอบการใช้
Browser ที่ได้รับการบันทึกในคอมพิวเตอร์ของพนักงาน โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฎเกณฑ์การปกป้องข้อมูล ดังนั้น การใช้คอมพิวเตอร์ของสำนักงานเพื่อใช้อินเตอร์เน็ตเป็นการส่วนตัวจึงควรระมัดระวังอย่างหนัก รวมถึงการใช้อินเตอร์เน็ตจากโทรศัพท์มือถือของตนเองหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่อื่น
ๆ ในที่ทำงานด้วย
โดยทั่วไปการกระทำขัดต่อหน้าที่ครั้งเดียวก็นำไปสู่สิทธิในการตักเตือนของผู้จ้างงาน
อย่างไรก็ดี หากผู้รับงานใช้เวลางานเป็นช่วงระยะเวลานานสำหรับการเซิร์ฟเรื่องส่วนตัวในอินเตอร์เน็ตและไม่มีผลงาน
ถือว่าสร้างความเสียหายในหน้าที่หลักจากสัญญาว่าจ้าง ดังนั้น
การใช้อินเตอร์เน็ตในเรื่องส่วนตัวจึงอาจมีผลทางกฎหมายอย่างหนักจนถึงการเรียกชดเชยค่าเสียหาย
เช่น
หากใช้คอมพิวเตอร์ของสำนักงานดาวน์โหลดภาพยนตร์หรือดนตรีในหน้าแลกเปลี่ยนผิดกฎหมาย
เป็นเรื่องชัดเจนทางกฎหมายว่าการเซิร์ฟในหน้าดังกล่าวระหว่างเวลางาน
เช่นเดียวกับหน้าภาพยนตร์โป๊
ฃึ่งการเข้าไปดูสร้างความเสียหายให้กับชื่อเสียงของบริษัทสามารถนำไปสู่การให้ออกจากงานได้
มิฉะนั้นก่อนการให้ออกจากงานต้องมีการบันทึกพฤติกรรมที่ไม่สมควรและตักเตือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น