ตามการศึกษาใหม่
ฮัมบวร์กอยู่ใน ๑๐ เมืองที่มีคุณภาพชีวิตสูงสุดในโลก ตามการเปิดเผยของสถาบัน Economist
Intelligence Unit แห่งลอนดอนเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคมที่ผ่านมา
ฮัมบวร์กเลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับ ๑๐ ของเมืองที่ได้รับการตรวจสอบ ๑๔๐ แห่ง ซิดนีย์
เมืองใหญ่ของประเทศออสเตรเลียหล่นไปอยู่ในอันดับที่ ๑๑ เหตุผลเบี้องหลัง ได้แก่
ความรู้สึกว่าถูกข่มขู่จากการก่อการร้าย
ปลายปี ๒๐๑๔ ซิดนีย์เป็นสถานที่เกิดเหตุกักตัวประกันที่นองเลือดในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
คะแนนที่แย่เกี่ยวกับเสถียรภาพและความมั่นคงภายใน ถูกกันกรุงเบอร์ลินและนครแฟรงก์เฟิร์ตออกจากอันดับกลุ่มผู้นำ โดยแฟรงก์เฟิร์ตอยู่ในอันดับ ๒๐ เบอร์ลิน
๒๓ เมืองเยอรมันอื่น ๆ ที่ติดอันดับ
ได้แก่ มืนเชน อันดับ ๒๕ และดุสเซลดอร์ฟ อันดับที่ ๓๒
เมืองที่น่าอยู่ที่สุดของโลกตามการตรวจสอบยังคงเป็นเมลเบิร์นของออสเตรเลีย ตามมาติด ๆ ด้วยกรุงเวียนนา
เมืองหลวงของประเทศออสเตรียและแวนคูเวอร์ เมืองในภาคตะวันตกของประเทศแคนาดา เกณฑ์ที่สำคัญในการให้คะแนน ได้แก่
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความปลอดภัย
นั่นคือ ความขัดแย้ง อัตราอาชญากรรม และความรู้สึกปลอดภัยของประชาชน นอกจากนั้น ยังมีปัจจัย เช่น การดูแลด้านสาธารณสุข
สิ่งแวดล้อม โครงสร้างพื้นฐานหรือข้อเสนอด้านการศึกษาและวัฒนธรรม โดยให้คะแนนระหว่างยอมรับได้และทนไม่ได้ ที่น่าแปลกใจน้อย คือ Damaskus เมืองหลวงของซีเรีย
อยู่ในอันดับสุดท้ายก่อนหน้า Tripolis เมืองหลวงของลิเบียและ
Lagos
เมืองหลวงของไนจีเรีย
ตามข้อมูลผู้ทำการศึกษานำเมืองที่ประชาชนอยากจะอาศัยอยู่หรือประสงค์จะไปชมในฐานะนักท่องเที่ยวเข้าไว้ในบัญชี
ทำให้เมืองหลวงคาบูลของอัฟกานิสถานหรือแบกแดดที่อิรักไม่ได้คะแนน ภายใต้ ๑๐ อันดับแรกเป็นเมืองของออสเตรเลีย ๓
เมือง ผู้นำทั้งหมดอยู่ในประเทศมั่งคั่งที่มีความหนาแน่นของประชากรค่อนข้างน้อย โดยเสนอกิจกรรมสันทนาการหลากหลาย
ไม่มีทั้งอัตราอาชญากรรมที่สูงหรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับไม่ไหว ผู้ทำการศึกษาระบุว่าเมืองขนาดมหึหา เช่น
นิวยอร์ก ลอนดอน ปารีสและโตเกียวมีแนวโน้มเป็นเหยื่อของความสำเร็จของตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น