ผู้เขียนไม่ใช่คอกาแฟ
ประเภทที่ต้องดื่มทุกเช้า สาย บ่าย เย็น
หรือไปไหนก็ต้องมองหาร้านกาแฟ
หากมีให้เลือกว่าชาหรือกาแฟ
แนวโน้มก็มักจะเลือกชาเสียมากกว่า
ส่วนใหญ่จะดื่มพร้อมขนมปังเป็นอาหารเช้าและช่วงบ่ายกับขนมเค้ก โดยไม่เกี่ยงว่าเป็นกาแฟอะไร ขอให้มีครีมและน้ำตาลเป็นใช้ได้
ผิดกับคนไทยและคนเยอรมันที่ดูนิยมชมชอบการดื่มกาแฟเป็นพิเศษ เห็นได้จากไปไหนก็จะเจอร้านกาแฟ
และดูเหมือนว่าเป็นความใฝ่ฝันของคนจำนวนไม่น้อยที่อยากเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ
ผู้เขียนก็มีข่าวดีมาฝาก
เนื่องจากสำนักงานขององค์การอนามัยโลก (WHO)
มองไม่เห็นข้อพิสูจน์สำหรับความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งมากขึ้นจากกาแฟ แต่กลับมีข้อบ่งชี้ว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ลดอันตรายต่อ
เนื้องอก ๒ ประเภท ตามที่สำนักงานตัวแทนการวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC)
ระบุในรายงานที่ได้รับการเสนอเมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
แต่ในรายงานก็ได้เตือนด้วยว่าการดื่มเครื่องดื่มร้อนจัดเพิ่มอันตรายสำหรับมะเร็งหลอดอาหาร
Dana Loomis ผู้เชี่ยวชาญจาก IARC กล่าวว่าสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในอุณหภูมิสูงกว่า
๖๕ องศาเซลเซียส สำหรับรายงาน
คณะทำงานได้วิเคราะห์รายงานวิชาการที่มีอยู่
ตามข้อมูลของ Loomis ลำพังสำหรับกาแฟ ผู้เชี่ยวชาญ ๒๓
คนได้ตรวจสอบการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคของมนุษย์ราว ๕๐๐ ชิ้น
และจำนวนใกล้เคียงกันในการทดสอบกับสัตว์และในห้องทดลอง ก่อนหน้านี้ในปี ๑๙๙๑ IARC ได้จัดว่ากาแฟอาจเป็นสารก่อมะเร็งได้
โดยสันนิษฐานจากการศึกษาในครั้งกระนั้นที่ยืนยันความเกี่ยวพันของกาแฟกับมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แต่ขณะนี้สำนักงาน ฯ
รับว่าไม่ได้คำนึงถึงเพียงพอว่าประชาชนจำนวนมากที่ดื่มกาแฟส่วนใหญ่เป็นผู้สูบบุหรี่ด้วย
ในรายงานใหม่บ่งชี้ถึงการศึกษาจำนวนมากที่ไม่เห็นความเกี่ยวพันระหว่างกาแฟและเนื้องอกในทรวงอก
ต่อมลูกหมากและตับอ่อน สำหรับเนื้องอกอื่น
ๆ อีกกว่า ๒๐ ประเภท ไม่สามารถระบุได้แน่ชัด
อย่างไรก็ดี มีข้อบ่งชี้ว่ากาแฟลดความเสี่ยงสำหรับเนื้องอกในปอดและมดลูก แต่สำนักงาน ฯ ไม่ได้กล่าวถึงประเภทของกาแฟและรูปแบบของการชง
Heiner Boeing จากสำนักงานเพื่อการวิจัยการบริโภคเยอรมัน
(DIfE) แห่งเมือง Potsdam กล่าวว่าตามพื้นฐานข้อมูลโรคระบาดปัจจุบัน
ไม่มีอะไรที่ต่อต้านการบริโภคกาแฟปริมาณสูง
ขณะนี้ สำนักงาน ฯ ค่อนข้างเชื่อในผลกระทบทางบวก คณะทำงานประเมินให้คะแนนคล้ายคลึงกันกับชา Mate ผลิตภัณฑ์จาก Mate ที่เป็นที่นิยมในประเทศเยอรมันในฐานะเครื่องดื่มเย็น
ๆ ด้วย โดยชาชนิดนี้ผลิตมาจากต้น Mate จากอเมริกาใต้ที่ถือกันมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๑ ว่ามีสารก่อมะเร็ง
แต่การวิเคราะห์การศึกษาใหม่ให้ผล ว่าการเกิดมะเร็งหลอดอาหารขึ้นบ่อย
ๆ ในบางส่วนของอเมริกาใต้ไม่ได้มาจากตัว Mate เอง หากแต่มาจากการที่ส่วนใหญ่มีการดื่มประเภทร้อนจัดมาก ในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลกที่มีการดื่มชาร้อนจัด
เช่น ที่เอเชียกลางและเอเชียตะวันออก รวมถึงอัฟริกาตะวันออก พบว่าประชาชนจำนวนมากเป็นมะเร็งหลอดอาหารจนเป็นที่สังเกตเห็นได้ ซึ่งทั่วโลกเป็นประเภทของมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดเป็นอันดับแปด Loomis กล่าวว่าไม่ได้ขึ้นอยู่กับเครื่องดื่มมากนัก หากแต่ที่อุณหภูมิ ในการทดสอบกับสัตว์ น้ำที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ ๖๕
องศาเซลเซียสเพิ่มความเป็นไปได้สำหรับเนื้องอกที่หลอดอาหาร ดังนั้น ขณะนี้ IARC จึงจัดเครื่องดื่มร้อนจัดในฐานะตัวก่อมะเร็ง ปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ สำหรับมะเร็งหลอดอาหาร
ได้แก่ การดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่
แม้ว่าการเกิดขึ้นของมะเร็งยังไม่ได้รับการคลี่คลาย แต่สันนิษฐานว่าความร้อนเป็นต้นเหตุของความเสียหายของเซลล์ที่ทำให้มะเร็งสามารถเป็นผลตามมา Loomis กล่าวว่าในยุโรปไม่ดื่มเครื่องดื่มร้อนจัด โดยดื่มชาที่อุณหภูมิราว ๖๐ องศาเซลเซียส กาแฟถึงกับเย็นกว่านี้ Gunter Kuhnle จากมหาวิทยาลัย Leading ของประเทศอังกฤษกล่าวว่าเครื่องดื่มร้อนสามารถนำไปสู่การบาดแผลและความเสียหายของหลอดอาหาร ทำให้เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็ง
เอ้า
รู้แล้วอย่างนี้คอกาแฟก็สามารถดื่มกาแฟกันได้อย่างสบายใจหายห่วง ไอ้ที่เคยหวาดกลัว เป็นอันว่าเลิกได้
เพียงแต่ว่าอย่าดื่มกาแฟร้อนจัดจนลวกปากลวกคอก็แล้วกัน ปากลิ้นพองแล้วจะหาว่าไม่เตือนกันก่อนไม่ได้นา...
เรียบเรียงโดย “เอื้อยอ้าย”
ข้อมูล Aachener
Zeitung
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น