ผู้เขียนและคนใกล้ตัวชอบปลูกต้นไม้กันทั้งคู่ ต่างคนก็ซื้อหาต้นนู่นนี่มาปลูกตามใจฉัน
ไม่มีแบบแผนจนในบ้านนอกบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ก่อให้เกิดปัญหาในการดูแล
โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนเป็นบ้าหลังเช่นขณะนี้ ซึ่งไม่เพียงแต่คนเราเท่านั้น
แต่ต้นไม้ก็ชอบความร้อนและความแห้งแล้งเช่นเดียวกัน ทำให้ต้องรดน้ำกันทุกวันเลยทีเดียว ผู้เขียนนั้นรดตามอารมณ์ ส่วนใหญ่มักเป็นตอนเย็น ๆ ที่แดดร่มลมตก
ส่วนคุณสามีเธอประเดประดังรดมัน ๓ เวลา
บอกว่าอย่ารดกลางวันตอนแดดเปรี้ยงก็ไม่เชื่อ จึงต้องหาคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญมายืนยันว่ามันไม่ดีจริงนะ การอยู่ดี ๆ
ก็หาน้ำไปรดสามารถก่อให้เกิดความเสียหายมากกว่าให้ประโยชน์ การรดน้ำบ่อย ๆ กระตุ้นให้เกิดโรค ทากมากินใบ และแดดเผา
ในวันอากาศร้อน ๆ การรดน้ำแบบผิดวิธี สามารถก่อความเสียหายให้ต้นไม้เกือบเท่ากับปล่อยให้มันอดน้ำ
สิ่งที่นักทำสวนมือใหม่ควรระมัดระวัง
เวลารดที่เหมาะ
ผู้ที่รดน้ำตอนกลางวันทำให้ต้นไม้ถูกแดดเผา
เนื่องจากหยดน้ำบนต้นไม้ส่งผลขณะแดดออกเหมือนแก้วรวมแสง ตามข้อมูลของสมาคมสวน คนจัดสวน
ภูมิทัศน์และสนามกีฬาแห่งประเทศเยอรมัน (BGL) ระหว่างกลางวัน
๙๐% ของความชื้นหลังรดสนามหญ้าสามารถระเหยไป
ในตอนเช้าความชื้นจะหายไปเพียง ๒๕-๒๐% ตามจริงนักทำสวนเป็นงานอดิเรกควรตื่นเช้า
เนื่องจากตามข้อมูลของสมาคมนักทำสวนรายย่อยแห่งประเทศเยอรมัน (BVE) เวลาที่ดีที่สุดสำหรับการรดน้ำอยู่ระหว่าง ๓-๔ นาฬิกาในตอนเช้า เนื่องจากพื้นดินบรรลุความเย็นสูงสุดในตอนนั้น แต่รดภายหลังจากนั้น ๑-๒ ชั่วโมงก็ยังดี ส่วนในช่วงเย็นพื้นดินยังคงร้อนอยู่ น้ำจึงระเหยไปมากเช่นเดียวกัน
แต่ที่แย่กว่าคือการที่ความชื้นไม่สามารถแห้งลงเป็นเวลานาน ซึ่งโรคเชื้อราชอบและดึงดูดทาก
คำแนะนำเพิ่มเติมของสถาบันสวนแห่งไบเอิร์น เพื่อให้น้ำลงไปถึงชั้นใต้ดินลึก ๆ
และเพื่อให้ไปถึงราก หลังการรดน้ำคนทำสวนจะพรวนดิน ทำให้ไม่มีช่องโหว่และนำพาน้ำลงไปลึกลง โดยทั่วไปที่ดีก็ได้แก่ เศษหญ้าคลุมดิน เพื่อระงับไม่ให้น้ำระเหยไป
เทคนิค
ผู้ที่รดน้ำจากข้างล่างกระตุ้นโรคพืช
เนื่องจากความชื้นบนใบเป็นอาหารที่ดีให้กับสปอร์ หากใช้หัวฉีดฉีดเป็นฝนจากด้านบน ในด้านหนึ่งจะกระทบเป็นสายแรง ในอีกด้านหนึ่งสำหรับไม้พุ่ม
การเติบโตหนาแน่นทำให้น้ำไปไม่ถึงดิน
ที่ถูกต้องคือรดน้ำใกล้พื้นเสมอ
นั่นคือเหนือรากโดยตรง ตามคำชี้แจงของสำนักงานให้ข้อมูลผู้บริโภค (aid)
ปริมาณ
ผู้ที่รดน้ำไม้กระถางทีเดียวหมด
ทำให้สิ้นเปลืองน้ำโดยไม่ให้ประโยชน์
เนื่องจากดินที่แห้งไม่สามารถรับความชื้นได้โดยตรง
น้ำจำนวนมากจะไหลลงโดยไม่ได้ใช้ BVE
ให้คำแนะนำว่าแรกทีเดียวให้พรมพื้นผิวดินและหลังการรอ ๒-๓ นาทีจึงรดน้ำจริง
ความถี่ ผู้ที่รดน้ำไม่เพียงพอทำให้รากของสนามหญ้าเติบโตแบบราบ
ๆ เนื่องจากกระหายน้ำเบื้องบน
ผลคือรากแห้งเร็วขึ้น
สมาคมสนามหญ้าเยอรมันจึงแนะนำไม่ให้รดน้ำสนามหญ้าทุกวัน แต่รดเยอะ ๆ ช่วงที่แห้งแล้งควรรดน้ำไปจนถึงราก
๑-๒ ครั้งต่อสัปดาห์ BVE
แนะนำน้ำราว ๑๐-๑๕ ลิตรต่อสนามหญ้า ๑ ตารางเมตร แต่ใต้ต้นไม้หญ้าต้องการน้ำบ่อยกว่า เนื่องจากต้นไม้ก็ดูดน้ำไปใช้ด้วย
เรียบเรียงโดย
“เอื้อยอ้าย”
ข้อมูล
Aachener
Zeitung
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น